“ดอท พร๊อพเพอร์ตี้” ผู้นำการพัฒนาเว็บไซต์ซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ออนไลน์ชั้นนำของประเทศจัดงาน “ดอท พร๊อพเพอร์ตี้ วินนิ่ง วีคเอนด์ ครั้งที่ 1” เพื่อรวบรวมผู้ประกอบการในวงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งไทยและต่างประเทศมากกว่า 20 โครงการ ตื่นตาไปกับการออกบูธของโครงการต่าง ๆ อาทิ เฉลิมนิจ อาร์ท เดอ เมซง จาก อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน), โครงการเดอะสกาย สุขุมวิท จาก พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, ภิรมย์ แอท วินยาร์ด เขาใหญ่ จาก บริษัทปิยะ อินเตอร์เนชั่นแนล
นอกจากนี้ บริดจ์ เอสเตส ยังนำโครงการ บีทนิค จาก เอสซี เอสเซส มาร่วมงานด้วย รวมถึง เดอะ ลูเซียโน พัทยา โดยดับเบิลยู พี ดีเวลลอปเปอร์ , การ์เด้น ไอริณ บางเสร่ พัทยา โดย ไอริณ พร็อพเพอร์ตี้ , ลาพิสต้า ลักซ์ชูรี่ วิลลาส์ โดย ลาพิสต้า ภูเก็ต และโครงการอื่นๆ ทั้งในพัทยาและภูเก็ต ตลอดจนอสังหาฯ ในต่างประเทศทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน เรียกว่ามางานเดียวจบ ครบเรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 สิงหาคมที่ผ่านมา ชั้น M ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์
นอกจากผู้คนแวดวงอสังหาริมทรัพย์จะมารวมตัวในงานนี้แล้ว ยังเชิญแขกรับเชิญคนพิเศษที่ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นไทยอย่าง พลพัฒน์ อัศวะประภา ผู้อำนวยการฝ่าย สร้างสรรค์และผู้ก่อตั้ง Asava Group มาพูดคุยในหัวข้อ “Your Style @ Home with Khun Moo ASAVA” โดยมี สธน ตันตราภรณ์ รองบรรณาธิการบริหาร นิตยสาร โวค ประเทศไทย รับหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการและได้รับเกียรติจาก มร.แมทธิว แคมป์เบลล์ ประธาน บริษัท ดอท พร๊อพเพอร์ตี้, มร.อดัม ซัทคลิฟฟ์ ผู้อำนวยการด้านการจัดการและตลาดต่างประเทศ บริษัท ดอท พร๊อพเพอร์ตี้ , มร.เจมส์ คลาสเซ่น ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจและโฆษณา กลุ่มบริษัท ดอท พร๊อพเพอร์ตี้ , สิทธิชัย ดาราศรีศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และ พิชชากร มีศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจ์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมงานอย่างอบอุ่น
เพราะเรื่องแฟชั่นไม่ได้จำกัดแต่เพียงเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงรสนิยมในการตกแต่งบ้าน การเลือกรับประทานอาหารและการใช้ชีวิตในแบบฉบับความชื่นชอบของตนเอง ในฐานะที่ พลพัฒน์ เป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลายประเภท ทั้งดีไซเนอร์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ASAVA และ ASV เจ้าของร้านอาหาร SAVA ALL DAY DINING และอาจารย์สอนด้านแฟชั่นในมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งงานทุกอย่างล้วนมี “สไตล์” รวมไปถึงรสนิยมในการตกแต่งบ้านที่สะท้อนความมีสไตล์ของเขาเป็นอย่างดี โดย พลพัฒน์ กล่าวว่า ทุกคนมีสไตล์ของตนเองอยู่แล้ว เพราะสไตล์คือความชอบส่วนบุคคล กระบวนการคิดที่อยากอยู่บนโลกนี้อย่างไร เช่น การอ่าน การแต่งตัว การรับประทาน และการเลือกที่อยู่อาศัย การเลือกตกแต่งบ้านให้ออกมางดงาม เรียบง่ายหรือน่าอยู่อย่างไร
ทุกอย่างคือ “Choice of Life” บ้านที่สวยไม่จำเป็นต้องตกแต่งอย่างหวือหวา โก้หรู หรือต้องตกแต่งด้วย เฟอร์นิเจอร์แบรนด์หรูเท่านั้น แต่คือการเลือกตกแต่งให้น่าอยู่ในแบบฉบับและตามสไตล์ที่ผู้อยู่อาศัยชื่นชอบ อยู่บ้านแล้วเกิดความสุข รู้สึกผ่อนคลายเป็นสิ่งสำคัญ
“คำว่าบ้านของผมคือ สิ่งที่เป็นตัวเรามากที่สุด อยู่แล้วรู้สึกสบาย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เหมือนเสื้อผ้า อาหาร เช่น เสื้อผ้าคิดอะไรไม่ออกก็ใส่อันนี้ แต่ความชอบของเราจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะสไตล์คือวิวัฒนาการที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ดังนั้นการตกแต่งบ้านจากครั้งอดีตจึงแตกต่างจากปัจจุบัน ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องปกติ อย่างผมเกิดและใช้ชีวิตที่บ้านย่านสุขุมวิท ผมสะดวกกับการใช้ชีวิตกลางเมือง บ้านของครอบครัวผมปลูกสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1970 โดยบ้านในยุคนั้นจะปลูกสร้างแบบคลาสสิคสไตล์มินิมอล ซึ่งในยุคนั้นถือว่าทันสมัยมาก มีการใช้เพดาน ฝ้าและใช้ไม้ปาเก้เป็นสไตล์ดั้งเดิมที่ผมเปลี่ยนไม่ได้เพราะเป็นบ้านของครอบครัว จนช่วงหนึ่งผมไปโตต่างประเทศ จึงผูกพันกับงานศิลปะ ผมชอบบ้านที่ดูเกลี้ยง ๆ มีความเป็นอาร์ต แกลเลอรี่หน่อยๆ โซฟาสีขาว เทา หรือสีเบจซึ่งไม่แตกต่างจากเสื้อผ้าของอาซาว่า เพราะเสื้อผ้าก็คือวิวัฒนาการ พอเราอายุมากขึ้น ชีวิตเราจะมีเรื่องของของสะสมที่มากขึ้น บ้านของเราจึงตกแต่งด้วยสิ่งของที่เราเก็บสะสมมากขึ้น จึงต้องหาวิธีจัดวางให้เป็นระเบียบ แต่ก็มีความเป็นตัวตนและทำให้มีดูมีชีวิตและมีเสน่ห์มากขึ้น”
พลพัฒน์ เปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสไตล์แต่งบ้านของตนเองว่า ไม่ชอบตกแต่งเป็นสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง แต่เขาชอบความผสมผสาน “เมื่อก่อนผมไม่ได้ชอบความคลาสสิกแต่พอโตขึ้นของสะสมดั้งเดิม เมื่อนำผสมผสานกับของสมัยใหม่ ก็ทำให้บ้านดูไม่แข็ง มีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นบ้าง หรือของสะสมแกะสลักจากอินโดฯมาวางคู่กับของสะสมบางชิ้น ก็เกิดความงามอย่างที่คนไม่สามารถเดาทางถูกว่า ผมจะแต่งบ้านสไตล์ไหนซึ่งก็เหมือนกับการทำเสื้อผ้าตัวหนึ่ง ผมไม่ชอบให้คนเดาทางถูก นี่คือเสน่ห์ของการผสมผสานดูเหมือนไม่เข้ากัน แต่เข้ากัน สุดท้ายมันคือเสน่ห์ของการตกแต่งบ้านและการแต่งตัว คนเดาทางไม่ได้มันจึงดูสนุกและน่าสนใจกว่า”
สุดท้ายดีไซเนอร์คนดังให้ข้อคิดว่า การตกแต่งบ้านก็เหมือนกับการตกแต่งชีวิต มีสิ่งน่าเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ไม่จบสิ้น เพราะสำหรับคนทำงานออกแบบจะหยุดเรียนรู้โลกที่กำลังก้าวไปไม่ได้เพราะทุกอย่างล้วนเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับการตกแต่งบ้าน พลพัฒน์เชื่อว่าบ้านที่สวย ไม่ได้ดำรงคงอยู่แบบนั้น ต้องมีการสลับสับเปลี่ยนบ้าง บ้านสะอาดเรียบร้อยก็สำคัญพอๆ กับการจัดวางฟังก์ชั่นของบ้านที่ถูกจริตกับผู้อยู่อาศัย ของทุกอย่างควรต้องจัดวางอย่างถูกจังหวะ เช่น แว่นตา พวงกุญแจ หนังสือที่อ่านประจำทุกคืนควรอยู่ตรงไหน อีกทั้งการจัดบ้าน จัดตู้เสื้อผ้าหรือชั้นวางหนังสือ คือการทำสมาธิที่ดีอย่างหนึ่ง
“เคล็ดลับการแต่งบ้านของผม ต้องดูการใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของเรา สไตล์ของเราจะมาจากสิ่งที่เราคิด เราควรเอาตัวเราเป็นที่ตั้ง ไม่ต้องวิ่งตามกระแสแฟชั่นมากนัก บ้านควรเป็นบ้านที่อยู่ได้อย่างสอดคล้องกับการใช้ชีวิต ก่อนอื่นต้องถามตัวเองก่อนว่า เราชอบกินอยู่อย่างไร แล้วก็เลือกแต่งบ้านแบบนั้น สองคือการตกแต่งบ้านให้สวยไม่ต้องใช้เงินเยอะ ค่อยๆ แต่งแต่ให้ถูกกับจริตของเรา สามสำคัญมาก ๆ คือแต่งบ้านไม่ต้องใจร้อน ไม่ต้องรีบแต่ง ค่อยๆ ทำ ค่อยๆ แต่งเพราะชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ วันนี้เราชอบแบบนี้ แต่สิ่งสำคัญเราจะไม่เหนื่อยๆ ไปกับมัน เราจะค่อยๆ อยู่กับมัน การแต่งบ้าน การแต่งตัวควรเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย ไม่ใช่การเพิ่มความเครียดให้กับชีวิต เพราะบ้านคือสิ่งที่เติมเต็มพลังให้เราออกไปสู้สิ่งต่างๆ นอกบ้านได้”