นักร้องระดับซูเปอร์สตาร์ที่ไม่มีใครไม่รู้จักเธออย่าง บริทนีย์ สเปียร์ส (Britney Spears) กลายเป็นเจ้าแม่เพลงป๊อปที่ทำยอดขายอัลบั้มพุ่งทลายมาตั้งแต่เดบิวต์ แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังรอยยิ้มสวยๆ และการแสดงบนเวทีสุดมัน เธอกลับเป็นแค่หุ่นชักใยของทีมงานเท่านั้น
ประวัติของนักร้องสาววัย 37 ปีคนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เพราะเธอเข้าวงการด้วยการแสดงละครบรอดเวย์และเป็นนักร้องสายประกวดมาตั้งแต่เด็กๆ และมาดังเปรี้ยงปร้างตั้งแต่ออกอัลบั้ม Baby One More Time จนกลายเป็นจุดขายความเกิร์ลป๊อปในยุคสมัย และทำให้คนสนใจเธอไปทั่วโลกจนมาถึงปัจจุบัน ที่แม้ว่าจะห่างหายไปจากการทำเพลง และเรื่องราวดราม่าชีวิตสุดแสนคาราคาซัง ดูเหมือนว่าสาวคนนี้จะหมดไฟในการเป็นศิลปินซะแล้ว ..
และในช่วงเวลานี้ จู่ๆ ก็เกิดแฮชแท็ก #FreeBritney บนโซเชียลมีเดียที่แฟนคลับทั่วโลกพากันออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของนักร้องสาว หลังจากทราบเรื่องราวน่าหดหู่ของเธอ ที่ถูกบังคับและทำตามสคริปต์มาตลอดอาชีพในวงการ จากคำบอกเล่าของอดีตผู้จัดการที่เผยว่า เธอเหมือนเป็นแค่หุ่นชักใยของทีมงานที่คอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง เวลาไปออกรายการสัมภาษณ์ ทุกคำถามจะถูกตรวจสอบก่อนเริ่มอัดรายการ และไม่ให้ตอบคำถามสุ่มเสี่ยงใดๆ
แถมในช่วงปี 2008 พ่อแท้ๆ ของเธอยังเข้ามาควบคุมชีวิตรวมไปถึงการเงินและรายรับที่ได้มาจากการทำงาน แม้กระทั่งอาหารการกินที่ต้องอนุมัติจากคุณพ่อก่อน จนกลายเป็นว่า บริทนีย์เป็นแค่ “เครื่องผลิตเงิน” ของพวกเขาหรือเปล่า
ทวิตเตอร์ที่ร่วมแคมเปญ #FreeBritney ก็ได้ออกมาเผยว่า บริทนีย์ไม่มีสิทธิเสรีภาพไม่ว่าเป็น การโหวตใดๆ แต่งงาน ขับรถ ใช้โทรศัพท์ อินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่ปรึกษาทนาย
เรื่องราวที่ว่านี้ เซเล็บแห่งวงการอย่าง ชารอน ออสบอร์น ก็ได้ออกมาพูดถึงบริทนีย์ผ่านรายการ The Talk ด้วยว่า รู้สึกปวดใจตลอดที่พูดถึงเรื่องนี้ บริทนีย์ทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ แม้จะไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก แต่คนรอบตัวที่เข้ามาทำงานด้วย ล้วนแต่หวังผลประโยชน์ทั้งนั้น แม้แต่ตัวพ่อแท้ๆ ของบริทนีย์เอง และมักจะมีเรื่องเงินๆ ทองๆ เข้ามาเกี่ยวด้วยเสมอ แต่เรื่องนี้ไม่ทำให้รู้สึกประหลาดใจมากนัก
“เธอกลับมาได้เสมอ มันถึงเวลาที่เธอควรจะได้ใช้ชีวิตของตัวเองได้แล้ว คุณพ่อควรหางานทำได้แล้วนะคะ” ออสบอร์นพูดทิ้งท้าย
และเมื่อเร็วๆ นี้ยังมีข่าวลือออกมาว่าบริทนีย์มีแผนจะอำลาวงการ แถมยังมีข่าวที่คุณพ่อของเธอเข้าโรงพยาบาล ทำให้เธอหันไปให้ความสนใจกับครอบครัวก่อนสิ่งอื่นใด แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นความจริง มีเพียงแค่โพสต์ของบริทนีย์ในอินสตาแกรมประกอบรูปพ่อแม่และตัวเธอในวัยเด็กเท่านั้น
“ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มแบบนี้ เพราะมันคือสิ่งที่ยากลำบากที่ฉันจะพูดออกมา ฉันคงไม่ได้แสดงโชว์ใหม่ๆ แม้จะรอคอยที่จะขึ้นแสดงบนเวทีและพบกับพวกคุณในปีนี้ ฉันรู้สึกใจสลายเลยค่ะ อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว และนี่คือการตัดสินใจของฉัน เมื่อสองสามเดือนก่อนพ่อของฉันเข้าโรงพยาบาลและเกือบจากไปแล้ว แต่เราทุกคนซึ้งใจที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ยังต้องรักษาอีกยาวนาน ฉันได้ตัดสินใจอย่างยากลำบาก และจะใช้พลังทั้งหมดไปกับการดูแลครอบครัว ฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ” และได้ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า จะคืนเงินค่าคอนเสิร์ตทั้งหมด และขอบคุณที่ช่วยภาวนาให้กับครอบครัวของเธอ
หลังจากเกิดแฮชแท็กนี้ขึ้นคุณแม่ของบริทนีย์ก็ออกมาโพสต์คำคมบนอินสตาแกรมส่วนตัวเป็นข้อความชวนคิดว่า “เมื่อเหล่านักรบของพระเจ้าคุกเข่า สงครามยังไม่จบ มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้นเอง” ทำให้แฟนๆ ต่างเข้าคอมเมนท์ให้กำลังใจและเห็นด้วยกับข้อความนั้น พร้อมใส่แฮชแท็กให้ทุกคนช่วยเรียกร้องอิสรภาพคืนให้เธอ
cr. britneyspears, thisisinsider.com, papermag.com, The Talk, @Iver_Hunt