จะเป็นยังไง เมื่อพระเอกหนุ่มน่ารักหน้าเด็ก ยูได ชิบะ (Yudai Chiba) ต้องมารับบทบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นสุดเป๊ะปังแห่งฮาราจุกุ งานนี้ หนุ่มยูไดต้องทำการบ้านอีกมากมาย ที่จะเนรมิตตัวเองให้เป็นคนทำงานด้านแฟชั่น ในซีรีส์ Way Too Kawaii! จะน่ารักสมชื่อแค่ไหน ต้องติดตามกันเลย
ในซีรีส์ Way Too Kawaii! ยูได จะรับบทเป็น “นิอิมิ โยชิตากะ” อดีตบรรณาธิการแผนกวรรณกรรมและนิยาย ที่ถูกย้ายไปแผนกแฟชั่นสไตล์ฮาราจุกุของนิตยสารที่มีชื่อว่า Pipin อย่างกะทันหัน ทำให้เขาเองรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่พอหลังจากที่ได้ทำงานและเห็นความตั้งใจของแผนกใหม่นี้แล้ว ทำให้เขารู้ว่ามันไม่ง่ายเลย โยชิตากะจึงผันตัวเองให้เป็นมืออาชีพมากกว่าการใช้อารมณ์ในการทำงาน และได้เข้าใจถึงแรงบันดาลใจที่ช่วยขับเคลื่อนในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
คำถามที่ 1: เล่าถึงบทบาทที่คุณได้รับในเรื่องนี้ให้เราฟังหน่อย
ยูได: ผมรับบทเป็น โยชิตากะ นิอิมิ (Yoshitaka Niimi) หรือเป็นที่รู้จักในนามว่า นานกิชิ (Nankichi) นักเขียนวรรณกรรมที่ได้รับคำสั่งให้ย้ายมาเป็นบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นอย่างกะทันหัน โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องราวดราม่าภายในบริษัทของนานกิชิ เพราะเขาต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งภายในมากมาย นอกจากนี้เขายังต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับที่ทำงานใหม่ให้ได้ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบที่ทำงานใหม่นี้เอาซะเลย
คำถามที่ 2: คุณคิดว่า ‘ความประทับใจแรกของผู้ชม’ เมื่อได้ยินชื่อละครซีรีส์เรื่อง ‘Way Too Kawaii!’ คืออะไร?
ยูได: ผมว่าถ้าฟังจากชื่อเรื่อง “Way Too Kawaii!” แล้วจินตนาการตามนั้น ผู้ชมคงคิดว่า “อ้อ ชิบะคงจะเล่นบทแบ๊วให้ขัดกับอายุอีกแล้วซินะ” ถึงแม้ว่าใครๆ ก็อาจจะเดาแบบนี้ แต่ผมว่าความพิเศษของบทโยชิตากะ นิอิมิ (Yoshitaka Niimi) ต่างจากบทแบ๊วที่ผมเคยได้รับนะครับ เพราะเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน พยายามที่จะน่ารัก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจถึงคำนิยามของคำว่า “น่ารัก” หรือ “kawaii” เอาซะเลย
คำถามที่ 3: คุณคิดว่าในชีวิตจริงคุณมีอะไรที่เหมือนตัวละครในเรื่องนี้บ้าง และทำไม?
ยูได: ผมโตมาจากโรงเรียนชายล้วน เพราะฉะนั้นเวลาที่ผมต้องอยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้หญิงตามลำพัง ผมก็จะเขินและต้องใช้เวลาอุ่นเครื่องสักนิดหนึ่งถึงจะเริ่มปรับตัวได้ ซึ่งก็เหมือนนานกิชิ ที่จะต้องรีบปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่แตกต่างอย่างรวดเร็ว
คำถามที่ 4: แฟชั่นแนวฮาราจุกุมีความหมายว่าอย่างไรในนิตยสาร “Pipin”?
ยูได: แฟชั่นฮาราจุกุ หรือ “คาวาอี้ – kawaii” ในภาษาญี่ปุ่น เป็นคำศัพท์สากลที่รู้จักกันทั่วโลก ส่วนสิ่งที่บ่งบอกถึงความ “คาวาอี้ – kawaii” คือ อิสระในการใช้สีอย่างไม่มีข้อจำกัดในแฟชั่น ตัวอย่างเช่น แทนที่จะแต่งตัวให้สะดุดตาชายหนุ่ม การแต่งตัวแนว “คาวาอี้ – kawaii” จะเน้นไปที่การถ่ายทอดแนวความคิดและความเป็นตัวเองผ่านศิลปะการใช้สีในการแต่งกายแทน
คำถามที่ 5: ที่ผ่านมาคุณได้รับการขนานนามว่าเป็นดาราชายที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่น คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อแฟนๆเ รียกคุณว่า “คาวาอี้ – kawaii”?
ยูได: ก่อนอื่นผมต้องขอชี้แจงก่อนว่า จริงๆ แล้วไม่ควรเรียกผมว่าเป็น ดาราชายที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่น เพราะว่าผมไม่เคยไปเข้าร่วมประกวดชายหนุ่มน่ารัก หรือการประกวดอะไรที่ไหนในญี่ปุ่นมาก่อน มันก็เลยไม่มีอะไรที่จะมาการันตีได้ว่าผมเป็นดาราชายที่น่ารักที่สุดในญี่ปุ่น ว่าไปแล้วผมก็เขินเหมือนกันนะครับที่มีคนมาตั้งฉายาให้ผมแบบนี้ แต่ลึกๆ ก็แอบชอบเหมือนกันนะ เพราะตอนนี้ผมก็อายุมากขึ้นแล้ว ก็คงจะมีคนมาใช้คำว่าน่ารักกับผมอีกไม่นาน ดังนั้นตอนนี้ผมควรอิ่มใจกับคำชมเหล่านี้ให้มากที่สุดครับ
คำถามที่ 6: คุณคิดว่าสไตล์การแต่งตัวของคุณในชีวิตจริงเปลี่ยนไปในทิศทางใดบ้าง?
ยูได: ปกติงานหลักของผมคืองานถ่ายแบบให้กับนิตยสารอยู่แล้ว ซึ่งไม่ต่างจากเหล่าบรรดานายแบบของนิตยสาร “Pipin” ในซีรีส์เรื่องนี้ แต่ผมก็ว่าเทสต์แฟชั่นของผมสมัยก่อนนั้นแปลกๆ เหมือนกันครับ แต่ก่อนผมเคยชอบใส่กางเกงฮาเรมมาก และก็ชอบแฟชั่นสไตล์ androgynous หรือการแต่งตัวที่ยากจะระบุเพศ หรือแต่งสลับกับเพศสภาพ (Gender) แต่พออายุมากขึ้นแล้วผมก็พยายามคุมโทนสีเสื้อผ้าให้เหลือแค่สีเดียว มีการมิกซ์สีบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งผมคิดว่าการแต่งกายของผมดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนะครับ
คำถามที่ 7: ถ้าคุณวางแผนจะไปออกเดทที่ฮาราจุกุ คุณคิดว่าคุณจะไปออกเดทที่ไหน และทำอะไรบ้าง?
ยูได: ส่วนมากแล้วถ้าไปออกเดทที่ฮาราจุกุ คงหนีไม่พ้นการไปทานเครปครับ ผมก็ยังไม่เคยไปออกเดทอย่างนี้เหมือนกัน อย่างแรกเลยที่จะทำคือตรงไปที่ร้านเครป แล้วก็เดินเล่นชอปปิ้งให้ทั่วฮาราจุกุ แต่ที่แน่ๆ คือผมจะแต่งตัวให้ดีแล้วพาคู่เดทของผมไปทานอาหารในร้านสุดหรูภายในย่านฮาราจุกุครับ มันคงจะดีไม่น้อยว่ามั้ยครับ?
คำถามที่ 8: ในเรื่องนี้ โยชิตากะ นิอิมิ รู้สึกสับสนและเครียดมากเมื่อต้องย้ายมาอยู่แผนกแฟชั่น ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่เขาปรารถนาหรืองานในฝันของเขา ส่วนเรื่องงานนั้นทุกอย่างก็ใหม่ทั้งหมด ถ้าในชีวิตจริงคุณเป็นแบบนั้น คุณจะจัดการกับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร?
ยูได: ปกติผมเป็นคนค่อยไม่คิดมาก หรือตึงเครียดกับสถานการณ์ใดๆ อยู่แล้ว ผมเป็นคนสบายๆ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ดังนั้นถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับผมจริงๆ ผมจะสนุกไปกับมัน พยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปให้ดีที่สุด และทำให้ตัวเองผ่านพ้นความกดดันต่างๆ ไปให้ได้ครับ
คำถามที่ 9: คุณคิดว่าคุณได้แนวคิดอะไรจากการทำงานในละครซีรีส์เรื่องนี้บ้าง?
ยูได: ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้ผมคิดนะว่า อะไรคือความหมายของคำว่า “การทำงาน” ที่แท้จริง และจะมีสักกี่คนที่ได้ทำงานที่พวกเขาใฝ่ฝัน หรือถึงแม้ว่าบางคนจะได้ทำงานที่ตัวเองใฝ่ฝัน แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ทำงานในสภาวะแวดล้อมที่ตัวเองเคยคาดหวังไว้ ทุกคนต้องมีความอดทน และพยายามเดินหน้าทำงานต่อไป ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ค่อยเข้าท่า หรือแม้แต่สถานการณ์ที่ทำให้พวกเขาต้องรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม
หลังจากที่พวกเขาได้ผ่านพ้นจากอุปสรรคต่างๆ แล้ว เมื่อพวกเขามองย้อนกลับไป จะพบว่าใครคือมิตรแท้ที่คอยอยู่เคียงข้างเราเสมอ ซึ่งมันคือสัจธรรมในชีวิตการทำงาน และนี่ก็คือแก่นของซีรีส์เรื่องนี้ครับ อย่าลืมติดตามชมเสน่ห์ของเหล่าบรรดาบุคคลผู้อยู่เบื้องหลังผลงานแฟชั่น “คาวาอี้ -kawaii” แห่งฮาราจุกุกันนะครับ
คำถามที่ 10: คุณช่วยบอกแฟนๆ ทางบ้างหน่อยได้หรือไม่ว่า ไฮไลท์ของซีรีส์เรื่องนี้คืออะไรบ้าง
ยูได: ถึงแม้ว่าซีรีส์เรื่องนี้จะมีความล้ำสมัยสูงมาก แต่ภายในเรื่องมีการสอดแทรกปรัชญาแนวคิดในการทำงานมากมายเช่นกัน นอกจากแนวคิดในการทำงานที่ผู้ชมจะได้รับจากเรื่องนี้แล้วนั้น ผู้ชมทุกท่านจะได้เห็นสีสัน วัฒนธรรมที่น่ารัก และการใช้ชีวิตของคนทั่วไปภายในย่านฮาราจุกุ ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ตลอดทั้งเรื่อง ผมว่าผู้ชมทุกท่าน โดยเฉพาะแฟนๆ ที่ชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นไม่ควรพลาดครับ!
คำถามที่ 11: คุณมีอะไรฝากถึงแฟนๆ ชาวไทยที่รับชมผลงานซีรีส์ของคุณผ่านทางช่อง GEM มั้ย?
ยูได: ผมรู้สึกปลื้มมากครับ เมื่อได้รู้ว่าละครเรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไปนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งย่านฮาราจุกุที่ใช้ในการถ่ายทำนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทั่วโลก แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าใจถึงวัฒนธรรมในย่านฮาราจุกุที่แท้จริง ดังนั้นผมหวังว่าละครซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมได้หลงใหลในเสน่ห์ของวัฒนธรรม “คาวาอี้ – kawaii” ในย่านฮาราจุกุกันครับ
Way Too Kawaii! ออกอากาศเป็นครั้งแรกในวันจันทร์ที่ 22 ตุลาคมนี้ ทุกวันจันทร์ เวลา 20.00น. ทางช่อง GEM ทรูวิชั่นส์ 244