จากกรณีที่อดีตนักแสดงสาว ต่าย ชุติมา โพสต์ตามหาลูกสาวที่ห้างดัง เมื่อช่วงค่ำของวันก่อน (27 มี.ค. 2562) หลังจากนัดรับลูกสาวกับทางสามีแต่ติดต่อไม่ได้ จากนั้นทางฝั่งของ ทิม พิธา ได้โพสต์ชี้แจงบอกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนภายในครอบครัว หวั่นกระแสข่าวกระทบจิตใจลูกสาวในอนาคต ขอความกรุณาให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวและต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล จากนั้นกลายเป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์ โซเชียลต่างหยิบยกไปวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นาๆ
จนวันนี้ (29 มี.ค. 2562) ทิม พิธา ได้ตั้งโต๊ะแถลง บอกไม่เคยนึกเลยว่าจะต้องมาพูดกับสื่อ ด้วยรอยยิ้มที่ฝืนและใจที่หนักอึ้ง ครั้งสุดท้ายกับบรรยากาศแบบนี้คืองานแต่งงาน สาเหตุที่คิดว่าต้องมาอธิบายเพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ยอมรับว่าความรักของตนถึงทางตันมาเป็นระยะเวลานาน 13-14 เดือน ยังจำคำสัญญาที่บอกว่าจะซื่อสัตย์สม่ำเสมอ แต่เรื่องความรักมันไม่มีเหตุผล คงไม่มีใครอยากจะให้ออกมาเป็นแบบนี้ ตั้งแต่มีปัญหาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับสื่อ
ตอนนี้ยอมรับว่าพยายามเต็มที่แล้ว ด้วยการพูดคุย ให้ผู้ใหญ่ที่เคารพมาช่วยคุย หาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสมรสมาตลอด แต่ที่สุดแล้วไม่สำเร็จ บทบาทของการเป็น สามี-ภรรยา ยุติลง แต่ยังไม่ได้เซ็นหย่าที่เขต อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงแม้ไม่ได้ไปต่อแต่ความเป็น พ่อ-แม่ ยังอยู่ อยากเป็นเพื่อนกันต่อไปได้
มีบางเรื่องที่เหตุผลมันแก้ไขไม่ได้ ต้องใช้เวลา สิ่งที่โฟกัสคือต้องการที่จะดูแล น้องพิพิม ลูกสาวอย่างมีประสิทธิภาพ ข่าวของตนตั้งแต่แต่งงานยังอยู่ อยากให้นึกถึงสิทธิของเด็ก จริยธรรมของความเป็น พ่อ-แม่ และจรรยาบรรณของสื่อ อยากให้เป็นเรื่องภายในครอบครัว แต่ในเมื่อควบคุมไม่ได้ เลยต้องออกมาแบบนี้
สำหรับ น้องพิพิม ผลกระทบมากมาย เป็นห่วงลูกสาว หัวใจกระดาษของเด็ก รายละเอียดอยู่ในชั้นศาลหมดแล้ว ยอมรับว่าลูกได้รับผลกระทบทั้งที่เป็นเด็กร่าเริง มีเรื่องของความสับสนจากความผิดของพ่อและแม่ ตลอดระยะเวลา 5-6 เดือน ที่แยกบ้านกันมีปัญหา ในฐานะพ่อต้องปกป้องลูก
ข้อตกลงคือย้ายบ้านทุก 5 วัน ซึ่งตนไม่โอเค ความผาสุขของลูกเป็นสิ่งสำคัญ ความมั่นคง ปล่อยให้เกิดขึ้นแบบนี้จะเกิดผลในระยะยาว การที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเยอะๆ ในอายุเท่านี้ ตนได้ตัดสินใจฟ้องหย่าเมื่อ พ.ย. ที่ผ่านมา ตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อการปกป้องลูก ขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ก.พ. ที่ผ่านมาทางต่ายขาดนัดศาล และทางศาลได้ตัดสินให้หย่าขาด ให้สิทธิ์ตนปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่ 11 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยต่ายได้ยื่นขออุทธรณ์และรื้อคดีใหม่ ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนั้นคือตนเดินทางไปที่เซ็นทรัลเวิลด์ มีการนัดคุยกันในวันที่เกิดเรื่อง สิ่งที่ต่ายพูดเป็นเรื่องจริง แต่พอดีมีปัญหากันจึงไม่ให้ลูกไป แต่ไม่อยากลงรายละเอียดถึงเด็ก เพื่อสิทธิของน้องพิพิม จากนั้นตนจึงพาลูกกลับ ยืนยันไม่ได้กีดกัน
ความขัดแย้งที่สองคือ ตอนนี้น้องพิพิมมี 2 โรงเรียน โดยตนไปดูมา 3 โรงเรียนแถวสุขุมวิทใกล้บ้าน ก็ได้สมัครเรียนที่โรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ลูกสาวชอบ ตนชอบ และคิดว่าต่ายเองก็น่าจะชอบ แล้วปรากฏว่าทางต่ายก็ได้ไปสมัครเรียนให้ลูกที่โรงเรียนแถวบ้านต่ายอีกโรงเรียนหนึ่ง เลยมีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุย เพราะต้น เม.ย. ลูกสาวก็ต้องไปเรียนแล้ว
ทิมพูดทิ้งท้ายอยากนัดเคลียร์กันสองคนอีกครั้ง โดยไม่มีกองเชียร์ทั้งสองฝ่าย และไม่มีลูกอยู่ด้วย แต่สุดท้ายหากยังคุยกันไม่รู้เรื่องก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของชั้นศาล
