ทนายแจงละเอียดยิบ! ยืนยัน ปู ไปรยา ไม่ไกล่เกลี่ย ขอสู้คดี มะตูม – ต้นหอม

 

 

       

           ซัดกันนัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ สำหรับคดีฟ้องร้องของ 3 คนดังอย่าง ปู ไปรยา และ 2 ดีเจเพื่อนซี้ มะตูม เตชินท์ กับ ต้นหอม ศกุนตลา ทำธุรกิจร่วมกันไม่ทันไรก็มีปัญหาตามมาทันที เมื่อสาวปูได้ให้สัมภาษณ์สื่อฯ ในงานอีเว้นต์งานหนึ่งเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2562 ว่าเธอถอนตัวจากธุรกิจดังกล่าวแล้ว พร้อมพูดในทำนองที่ว่าตัวเธอไม่มีปัญหาแต่สงสารตัวแทนจำหน่าย ทันทีที่มะตูมได้เห็นบทสัมภาษณ์ก็ถึงกับโพสต์อินสตาแกรมเป็นภาพและแคปชั่นอีโมติค่อนมองบนทันที พร้อมแชร์บทสัมภาษณ์ของปูลงเพจ บรรยายข้อความแขวะนางเอกสาวเบาๆ 

          เรื่องราวดูจะใหญ่โตเพราะทางมะตูมและต้นหอมโดนกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากโลกโซเชียลค่อนข้างหนัก ก่อนที่ดีเจฝีปากกล้าอย่างต้นหอมจะซัดกลับผ่านสื่อฯ เช่นกัน ในวันที่เธอออกงานอีเว้นต์ล่าสุดเมื่อ 26 เม.ย. 2562 ที่ผ่านมา โดยแจกแจงรายละเอียดว่าทางเธอเองที่เป็นฝ่ายยื่นฟ้องนางเอกสาว เพราะปูผิดสัญญาไม่ให้ความร่วมมือในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ้าของแบรนด์ 

          ล่าสุด 28 เม.ย. 2562 ทั้งมะตูมและปูก็ได้ชี้แจงอีกครั้ง โดยมะตูมออกงานอีเว้นต์เปิดปากด้วยตัวเอง ส่วนนางเอกปูส่งทนายตั้งโต๊ะแถลงร่ายยาวเรื่องราวทั้งหมดพร้อมหลักฐานแน่น โดย ทนายบวรสิษฐ์ นิติยวาณิชย์ ทนายความและที่ปรึกษาทางกฎหมายของปูกล่าวถึงเรื่องราวทั้งหมดว่าตัวเขาเองเป็นคนร่างสัญญาในการร่วมงานกันระหว่างปูและฝั่งของต้นหอม ซึ่งประเด็นที่สังคมอยากรู้คือปูเป็นเจ้าของแบรนด์หรือเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งคำตอบคือในสัญญาที่ทำกันปูเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ไม่ใช่เจ้าของบริษัท ปัญหาที่ต้องเลิกทำธุรกิจร่วมกันเป็นเพราะทางปูไม่สามารถตรวจสอบระบบบัญชี รายรับ-รายจ่าย ได้! นำมาซึ่งความไม่ไว้วางใจ ปูจึงบอกเลิกสัญญา ส่วนที่สาวปูเคยกล่าวว่าสงสารตัวแทนจำหน่ายนั้น ยืนยันความจริงใจได้จากการที่ปูบอกเลิกสัญญาไปแล้วแต่ยังคงไม่ลบรูปต่างๆ ที่เกี่ยวกับการโปรโมทผลิตภัณฑ์ออกจากอินสตาแกรมของเธอ เพราะแคร์ตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนยังมีการเอารูปภาพไปใช้อยู่ และปูกลัวว่าจะกระทบตัวแทน

          ทนายบวรสิษฐ์กล่าวอย่างละเอียดว่า สัญญาที่บริษัทส่งมาคืออยากให้ปูเป็นบอส ในสัญญาระบุประมาณว่า คำว่าบอสคือหุ้นส่วนที่ 1-3 เมื่อได้เห็นสัญญาทนายจึงบอกกับทางปูว่าไม่โอเค เพราะเข้าข่ายห้างหุ้นส่วนสามัญที่ไม่จดทะเบียน หากเกิดอะไรขึ้นทางปูจะรับผิดชอบไม่ไหว เพราะต้องร่วมรับผิดกันทุกคน รายละเอียดงานของปูคือแค่โปรโมทงานหรือประชาสัมพันธ์ เรื่องการบริหารงานปูจะไปบริหารให้เขาไม่ได้ ทนายจึงร่างสัญญาขึ้นมาใหม่ในลักษณะผู้ถือหุ้น ตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาและทุกคนเป็นกรรมการ ถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากัน แต่สัญญาตรงนี้ล้มไปเพราะไม่ตรงกับความต้องการของทางเจ้าของที่ต้องการมีสิทธิ์ที่จะบริหารงานเต็มที่ เงินที่ได้รับจะต้องพุ่งเข้าไปที่บริษัทเท่านั้น

          จากนั้นทนายของปูจึงร่างสัญญาใหม่อีกครั้งโดยใช้ว่า ‘เป็นการอนุญาติใช้สิทธิ์’ เนื่องจากปูเป็นบุคคลสาธารณะ เอาไปใช้ในทางพานิชย์ได้ เช่น รูปโฉม รูปภาพ หรือชื่อ เอาไปไว้ในผลิตภัณฑ์ได้ และตกลงกันว่าไม่ว่าทรัพย์สินทางปัญญาใดๆ ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจะต้องตกเป็นของปูแต่เพียงผู้เดียว เครื่องหมายการค้าในการการันตีสินค้าจะต้องจดเป็นชื่อของปู เปอร์เซ็นต์รายได้มีการแบ่งจริงและมีการให้เงินค่าใช้สิทธิ์จริง แต่ปูไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นส่วนบริษัทหรือเป็นคณะกรรมการของบริษัทแต่อย่างใด นี่จึงเป็นที่มาว่าปูเป็นเจ้าของหรือไม่

          ทนายขยายความต่อว่าเจ้าของคือเจ้าของกิจการ ได้เงินจากลูกค้า หรือมีอำนาจในการบริหารเงินในส่วนของบริษัทต่างๆ เมื่อไม่สามารถตรวจสอบรายรับหรือรายจ่ายได้ เลยมีการกำหนดกติกากันว่า หากทุกเดือนมีการเปลี่ยนแปลงทางบัญชี (รายรับ-รายจ่าย ต่อเดือน) ทางบริษัทต้องแสดงบัญชีให้ทราบแบบเรียลไทม์ ทุกคนสามารถเข้าถึงหรือตรวจสอบได้ ซึ่งมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ขายได้จำนวน X กล่อง แต่ทำบัญชีแล้วไม่ใช่ ไม่ตรงกับตัวเลขที่แจ้ง เราลงนามทำสัญญากันวันที่ 28 ก.พ. 2561 และวันที่ 25 เม.ย 2561 ทางปูส่งจดหมายขอตรวจสอบบัญชีไปฉบับแรก ประเด็นคือต้องการตรวจสอบสต็อกสินค้า รายได้จริงเป็นอย่างไร และทางเรายังขอตรวจสอบชื่อเครื่องหมายการค้าว่าเป็นชื่อของปูหรือไม่ ขอให้บันทึกในระบบด้วย แต่ก็ไม่ได้มีการบันทึกเลย เรื่องราวคุกรุ่นจนกระทบกับบรรยากาศการทำงาน กระทบตัวแทน ทางปูเลยเงียบมาเรื่อยๆ

          ส่วนเหตุที่ต้องเลิกทำ จากที่ไม่สามารถตรวจสอบระบบบัญชี รายรับ-รายจ่าย ได้ จึงเกิดความไม่ไว้วางใจ ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีการบันทึกข้อมูล รายรับ-รายจ่าย ลงในคลาว ตามสัญญาที่ร้องขอในสัญญาที่เซ็นกันตั้งแต่ต้น และทางบริษัทคู่พิพาทก็ยังไม่ยอมจดชื่อทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาเป็นชื่อปูจนกระทั้งปัจจุบัน แม้ว่าปูจะยกเลิกสัญญาไปแล้ว วันที่ 17 ก.ค. 2561 ทางปูได้รับหนังสือจากผู้ประกอบการว่าให้เพิ่มภาพในอินสตาแกรม ปูขมขื่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น รูปในไอจีสตอรี่ ภาพในสื่อออนไลน์ยังมี ปูจึงไม่ได้โพสต์เพราะทางเราถือว่าเพียงพอ เราต้องการคำตอบเรื่องจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาว่าเป็นชื่อปูหรือยัง

          ทิ้งเวลาผ่านไป ทนาย 2 ฝ่ายได้คุยกัน อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาคุยกันให้ได้ จนทางปูส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาไปในวันที่ 29 ต.ค. 2561 ทางบริษัทผู้ประกอบการได้รับ ในวันที่ 23 พ.ย 2561 เราได้รับหนังสือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากบริษัทผู้ประกอบการเนื่องจากไม่โพสต์ภาพลงในอินสตาแกรมเพิ่ม แต่ทางปูบอกเลิกสัญญาไปแล้ว ในวันที่ 8 ธ.ค. 2561 ปูชี้แจงหนังสือไปถึงบริษัทผู้ประกอบการถึงค่าเสียหาย เนื่องจากทางบริษัทผู้ประกอบการทำผิดสัญญาเรื่องจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และทางผู้อนุญาติใช้สิทธิ์ คือปู จะขอเอาค่าเสียหายตรงนี้ไปเฉลี่ยให้ตัวแทนตามความเสียหายของแต่ละคน

          กับคำถามที่ว่าออกมาพูดทำไม สงสารตัวแทนจริงหรือเปล่า? ทนายกล่าวว่าตอนทราบเรื่อง ขอดูเรื่องเครื่องหมายการค้าทั้งทางวาจาและทางจดหมาย แต่ไม่ได้รับการแก้ไข ทางปูไม่กล้าฟ้องเพราะไม่อยากมีข่าว มันจะกระทบกับตัวแทน จึงบอกเลิกสัญญาไป ปูนั้นไม่ลบรูปต่างๆ ที่เกี่ยวกับการโปรโมทผลิตภัณฑ์เลยแม้ว่าจะบอกเลิกสัญญาไปแล้ว เพราะแคร์ตัวแทน ปูพยายามติดต่อให้กลับมาคุยกัน เพราะอยากรักษาความสัมพันธ์แต่ก็ไม่ได้รับการติดต่อมา ทางปูถูกฟ้องคดีดำวันที่ 26 ธ.ค. 2561 จากทางผู้ประกอบการเรียกค่าเสียหายมา ปูก็ไม่ได้ลบภาพโปรโมทผลิตภัณฑ์ออก เพราะทางตัวแทนยังมีการเอารูปภาพไปใช้อยู่ และทางปูกลัวว่าจะกระทบตัวแทนด้วย จึงปล่อยให้เรื่องดำเนินไปตามกฎหมาย และกระบวนการพิจารณาของศาล

          ส่วนคำพูดของดีเจต้นหอมที่บอกว่าทางปูไม่ประสงค์ไกล่เกลี่ยนั้น ทนายความแจงว่าถ้าจะไกล่เกลี่ย หมายความว่าทางปูต้องจ่ายให้เขาเท่าไหร่ จุดยืนของเราคือเราไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา เรายังไม่ได้ฟ้องกลับ พอมีเรื่องถึงศาล เรื่องถึงสาธารณะชน ปูเจอสื่อ ปูไม่สามารถโกหกในการให้สัมภาษณ์ได้ว่าไม่ได้ทำแล้ว ที่ดีเจต้นหอมบอกว่าปูส่งข้อความไปหาดีเจมะตูมนั้น ทนายเแจงว่าป็นคนแนะนำไปว่าปูกับมะตูมสนิทกัน ถ้าเราพูดอะไรแล้วกระทบกับฝั่งที่เราจะต้องพูดถึงก็ควรบอกเขาหน่อย ในเมื่อเรารู้สึกดีกับมะตูมก็แจ้งเขา ถ้าเป็นคดีใหม่ทางเราพร้อมเจรจา เพราะเราไม่ได้ไปบอกเขาว่าเราจะจ่ายเขาเท่าไหร่ สามารถเจรจากันได้

          ที่ดีเจต้นหอมบอกว่าเรียกปูเข้าไปทำงานแล้วไม่ยอมเข้าเพราะปูเป็นบอส ทนายชี้แจงว่า คำว่าเจ้าของคือคนที่ต้องมีอำนาจในการบริหารส่วนต่างๆ ของบริษัท แต่ปูเป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ตั้งแต่เริ่มต้น และแนบคู่ไปกับสัญญาใช้สิทธิ์ คำว่า ‘บอส’ ไม่ได้หมายถึงเป็นเจ้าของกิจการ นี่เป็นกลยุทธ์การขายตรง การกำหนดทิศทางการตลาด และโฆษณาต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการเป็นคนกำหนดมาให้ทางปู ‘บอส’ ไม่ได้หมายความว่าเป็นเจ้าของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน หรือผู้ประกอบการ รับความผิดหรือความเสี่ยง ‘บอส’ ในสัญญาของปูกับ ‘บอส’ ที่ทุกคนเข้าใจมันไม่ตรงกัน

          ในส่วนที่ดีเจต้นหอมบอกว่ายื่นโนติสไป 3 ครั้ง ทนายชี้แจงว่าตามที่เข้าใจ ทางทนายได้จดหมายแค่หนึ่งฉบับ แต่ทางปูมีโนติสไปให้ทางผู้ประกอบการเข้ามาเคลียร์ แต่ทางนั้นก็ไม่ได้มา ปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ตรงกับการตกลงในครั้งแรก ทนายจ่อฟ้องกลับในความเสียหายที่แจ้งไปเพื่อสงวนสิทธิ์เอาไปให้ตัวแทน ทนายบวรสิษฐ์กล่าวทิ้งท้ายว่าตอนนี้ปูเครียด เพราะสิ่งที่ดีเจต้นหอมพูดกระทบต่อภาพลักษณ์และสินค้าตัวอื่นของปู เวลานี้ขึ้นศาลไปแล้วหนึ่งครั้ง ยืนยันทางปูไม่ไกล่เกลี่ย จะขอสู้คดีต่อไป 

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมที่ : ปู ไปรยา แจงไม่ร่วมธุรกิจ! ดีเจมะตูม โพสต์ไอจีมองบน กุ๊บกิ๊บ โผล่คอมเม้นต์ !? 

โต้กลับดุเดือด! ดีเจต้นหอม ยื่นฟ้อง! ปู ไปรยา เหตุผิดสัญญา – ทิ้งแบรนด์

มองหน้าไม่ติด! ดีเจมะตูม เคลียร์ดราม่า ปู ไปรยา ใครถูกผิดให้ศาลตัดสิน!

 

ปู ไปรยา

 

ทนายบวรสิษฐ์ (ทนายของปู)

 

ดีเจต้นหอม ศกุนตลา

 

ดีเจมะตูม เตชินท์

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Copyright © 2016 MThai.com All rights reserved. หมายเลขทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ : 0127114707040