ไต่สวนนาน 11 ชม. ต่าย ฟ้อง!! ทิม คดีทำร้ายร่างกาย! ลั่นเคารพคำตัดสินศาล

  จากกรณีที่วันนี้(22 พ.ค.) ศาลได้มีการนัดไต่สวนทาง ทิม พิธา และ ต่าย ชุติมา ในเวลา 09.00 น. ณ ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ศาลยุติธรรม โดยทาง ทิม พิธา ได้เดินทางมาถึงศาลในเวลา 08.45 น. และได้พูดคุยกับสื่อมวลชนเล็กน้อยก่อนเข้าไปในศาล ดังนี้ เรื่องคดีนั้นไม่ได้ห่วงอะไร ขอโทษที่มีเรื่องน่าเบื่อทำให้ต้องเสียเวลา น้อมรับฟังทุกคอมเม้นต์ ส่วนตนนั้นจบแล้ว ลูกสาวได้เข้าโรงเรียนแล้ว แต่ยังมีกลุ่มคนที่ยังไม่อยากให้จบอยู่ก็ไม่เป็นไร เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องกันได้ บอกเพิ่งเคยขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในชีวิต!

  จากนั้น ในเวลา 10.15 น. ทางอดีตดาราสาว ต่าย ชุติมา ได้เดินทางมาถึงศาลและได้ขึ้นไปที่ห้องพิจารณาทันที โดยระยะเวลาของการไต่สวนในครังนี้กินเวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง ในเวลาต่อมาทางด้านสาวต่ายได้เปิดใจกับสื่อ โดยเผยวันนี้เป็นการไต่สวนในคดีของการทำร้ายร่างกายที่ตนได้ยื่นฟ้องทางฝ่ายชายไป ไม่ใช่คดีที่เกี่ยวกับเรื่องลูกสาว สำหรับในส่วนของสิทธิ์ในการดูแลลูกนั้น เปรยตนต้องการเป็นบ้านหลัก กล่าวคือได้ดูแลลูก 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอีก 20 เปอร์เซ็นต์คือเป็นบ้านรอง รายละเอียดดังนี้

  “ต้องขอชี้แจงก่อนว่าคดีนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคดีก่อนหน้านี้ คนหลายคนจะเอาไปปนกันว่าเราฟ้องเขา เขาฟ้องเรา คือคดีนี้มันเป็นคดีที่แยกออกไป ไม่เกี่ยวอะไรกับเด็ก คดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับความรุนแรงในครอบครัว หมายถึงเรื่องของการทำร้ายร่างกายที่ต่ายยื่นฟ้องไปทางคุณทิม”

  ”เป็นการฟ้องเพื่อคุ้มครองสิทธิ์ในตัวเรา ใช่ค่ะ พอเหมือนเราได้ไปปรึกษาทางกระทรวง พม. กับมูลนิธิส่งเสริมความเสมอภาค ตอนแรกเราก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เราเจอมามันถูกต้องตามทำนองคลองธรรมหรือเปล่า หรือว่ามันเป็นสิ่งที่ภรรยาคนนึงต้องรับมันให้ได้ แต่พอทางผู้ใหญ่แนะนำว่าควรจะดำเนินคดีเพราะฟังดูน่าเป็นห่วงก็เลยตัดสินใจฟ้อง”

  ”ที่ผ่านมาเราโดนทำร้ายร่างกาย? ก็…จริงๆ อยากให้เป็นเรื่องของคนสองคน แต่ล่าสุดที่ข่าวออกไปเหมือนน่าจะมีคำสั่งศาลออกไป เพราะรายละเอียดเกี่ยวกับคดีแรกและคดีนี้คือละเอียดมาก แล้วมีบ้านเลขที่ออกไป”

  ”วันนี้ พอไต่สวนแล้ว มีการทำร้ายร่างกายจริงแต่ไม่ถึงกับเป็นความรุนแรงในครอบครัว แต่ว่ามันก็กระทบจิตใจของเรา คือถึงมันไม่รุนแรงแต่มันก็มีความกังวลในการอยู่ร่วมกัน โดนทำร้ายร่างกายมานานหรือยัง? อยากให้เป็นเรื่องที่รู้กันสองคน”

  ”การฟ้องหย่า อันนั้นคือเขาฟ้องเรา อย่างที่แจ้งไปคดีที่แล้วคืออีกคดีนึง คดีที่แล้วศาลได้รับการพิจารณาคดีใหม่ คำสั่งทุกอย่างเป็นโมฆะไปแล้ว ศาลเห็นว่าเราไม่มีเจตนาจริงๆ ก็เลยยกฟ้องไป”

  ”เรื่องลูกตกลงกันได้ยังไง ณ ตอนนี้ศาลมีคำสั่งออกมา ก็ถือว่าลงตัวในระดับนึง เป็นดุลพินิจของศาลด้วย แล้วทางทนายเราก็ได้ยื่นขอคำร้องไป ในการพิจารณคดีขอเป็นแบบนี้ไปก่อน ของต่ายจะได้ดูแลลูก ศุกร์ – จันทร์ ถามว่าเราโอเคมั้ยเราเป็นห่วงลูกมากกว่า จริงๆ แล้วมองในมุมว่าต่ายได้ช่วงวีคเอนน่าจะเป็นคนที่แฮปปี้ ไม่ต้องตื่นเช้าไปรับไปส่ง พาลูกเที่ยวอย่างเดียว นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องเหรอสำหรับเด็กคนนึง สิ่งที่เขาควรจะได้รับมันเป็นยังไง มันไม่ใช่แบบนี้”

  ”สู้กันต่อไปมั้ย อันนี้ก็ปรึกษาผู้ใหญ่ จะจบยังไง ก็อยากให้ศาลท่านพิจารณาจริงๆ ว่าใครที่สมควรจะเป็นบ้านหลัก ใครที่มีคุณสมบัติจริงๆ”

  ”คือเหมือนคำนั้นมันเป็นคำที่ใช้ในศาล คำว่าขอดูแต่เพียงผู้เดียว แต่คุณก็ตัองมีจิตสำนึกในการเป็นผู้ปกครองหลักนะ เพราะเราดูแลสภาพจิตใจเด็ก บ้านที่เป็นบ้านหลักต้องดูแลน้อง 80 เปอร์เซ็นต์ อีก 20 เปอร์เซ็นต์คือเป็นบ้านรอง ถ้าจะมาให้ผู้ใหญ่แฟร์ๆ 50:50 ผลกระทบคืออยู่ที่ตัวลูก เด็กจะเกิดการอยู่บ้านนี้จะเป็นบุคลิกแบบนี้ อยู่บ้านนึงจะเป็นอีกบุคลิกนึง พอไปโรงเรียนก็จะสร้างบุคลิกใหม่ขึ้นมา พอเราเริ่มสังเกตพฤติกรรมเราก็ค่อนข้างมีความเป็นห่วงและกังวล”

  ”การแบ่งกันเลี้ยงตอนนี้มีผลกระทบต่อลูก คิดว่ามี ที่อยากต่อสู้คดีใหม่เพราะอยากจะเป็นบ้านหลัก ต่ายมีสิทธิ์ในตัวลูก 80% ส่วนทิม 20% ไม่ได้มั่นใจหรืออยากจะชนะอะไร แต่เราก็ใช้ข้อเท็จจริงทุกอย่างว่าเราเลี้ยงลูกมายังไง เราเป็นคนดูแลลูกอย่างไร ใช้อะไรดู ทุกสิ่งทุกอย่าง ไกล่เกลี่ยนอกรอบ พยายามอยู่ตลอดนะคะ”

  ”กับเรื่องรับภาระค่าใช้จ่ายในบ้านมาตลอด 2 ปี? มันเกิดขึ้นจริง แต่เราก็ยินดีที่จะทำเพื่อครอบครัว”

  ”คดียืดเยื้อจะมีผลกระทบต่อลูก? ทุกวันนี้ก็กังวล แค่ที่เรื่องเป็นอย่างนี้ตั้งแต่ช่วง พ.ย. มา มันก็เกิดการอยู่ 2 บ้าน เราก็เป็นห่วงเขามากที่สุด คำแนะนำของคุณหมอเด็ก จิตแพทย์เด็ก เขาก็บอกว่าเด็กอยู่แบบครึ่งๆ แบบนี้ไม่ได้ ความเป็นตัวตนของเด็กเขาจะหายไป”

  ”ใช้เวลาอีกนานแค่ไหนคดีถึงจะจบ? อันนี้ก็ไม่ทราบจริงๆ แต่อยากให้เร็วที่สุด วันนี้ ตามความเป็นจริงเลยคือมีเกิดขึ้นแต่ไม่ได้รุนแรง แต่จะเป็นยังไงต่อต้องถามทนายอีกที นอกจาก 2 คดีนี้ ไม่มีแล้ว”

  ”เรื่องสินสมรส อันนี้เป็นในส่วนของทางทนายให้เขาดูตามความเหมาะสม ตามความจริง ไม่ได้เรียกร้องอะไร ตั้งแต่แรกเราก็มุ่งประเด็นที่เรื่องลูกอยู่แล้ว เรียกร้องอะไรเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก? ก็มีคิดๆ ไว้บ้าง อย่างแบ่งกันคนละกี่เปอร์เซ็นต์ เราออกส่วนไหน เขาออกส่วนไหน ที่ผ่านมาเราก็เป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายลูกอยู่แล้ว” ต่าย ชุติมา กล่าว

ต่าย ชุติมา

 

ต่าย ชุติมา

 

ทิม พิธา

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Copyright © 2016 MThai.com All rights reserved. หมายเลขทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ : 0127114707040