ได้ออกงานพบปะสื่อมวลชนครั้งแรกหลังกลับมาจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ 2019 สำหรับซุปตาร์สาว ชมพู่ อารยา ที่ไปเดินพรมแดงในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ลอรีอัล ปารีส ปีที่ 7 ซึ่งงานนี้ สาวชมพู่ มีประเด็นดราม่าให้ออกมาเคลียร์มากมายเลยทีเดียว เริ่มจากเล่าบรรยากาศที่เมืองคานส์ให้ฟังว่าปีนี้ทำงานแล้วมีความสุขที่สุด ชื่นใจได้พาครอบครัวตามไปให้กำลังใจด้วย เหมือนเป็นความฝันที่อยากให้ลูกๆ มาอยู่ตรงนี้ เพราะคานส์คืองานที่มีความหมายทางใจสำหรับเธอ ทุกครั้งที่ได้กลับไปทำให้นึกถึงครั้งแรก ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน หลังแต่งงาน อุ้มท้องมาเดิน และในที่สุดปีนี้ก็ได้พาลูกไปด้วย ส่วนสามีอย่าง น็อต วิศรุต ก็เหมือนได้ไปเที่ยวพักผ่อน ตามติดถ่ายรูปอวยภรรยาอย่างเดียว
ส่วนข่าวดราม่าโพสต์แขวะกันของช่างแต่งหน้าที่คานส์ระหว่าง ป้อม วินิจ กับ น้องฉัตร ยอมรับว่าได้ยินและพอรู้มาบ้าง แต่ส่วนตัวไม่อยากยุ่งอะไร ยิ่งตอนนั้นต้องโฟกัสกับหน้าที่การทำงานของตัวเอง ซึ่งแพลนสำหรับการกลับไปเยือนพรมแดงคานส์ปีที่ 8 ก็ยังคงจะไปอยู่ แต่จะมีอีกหน้าที่คือได้ไปในนามแบรนด์แอมบาสเดอร์ของเครื่องเพชรด้วย
หมดดราม่าที่คานส์ มาเจออีกดราม่าว่ารักลูกแฝดไม่เท่ากัน เพราะจากคลิปที่โพสต์ในไอจี คุณแม่คนสวยสนใจแต่น้องสายฟ้านั้น สาวชมพู่ บอกยังไม่ได้เห็นคอมเม้นท์ คลิปนั้นคือพาลูกเล่นกระโดดน้ำ แต่ถามน้องพายุแล้วเขาไม่กระโดด เลยอุ้มน้องสายฟ้าอย่างที่เห็น ถามกลับคนที่ใช้โซเชียลมีเดีย ถ้าคุณรักเด็ก เอ็นดูเด็ก นึกถึงวันที่เด็กโตพอที่จะอ่านคอมเม้นท์ได้ดีกว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องการทำหน้าที่ของเธอเพราะรู้ตัวเองดี ไม่ได้รับมาเป็นอารมณ์กับการที่มีชาวเน็ตมาช่วยเลี้ยงลูก เข้าใจว่าไม่ได้โดนคนเดียว ลูกหลานดาราบ้านอื่นก็โดนเหมือนกัน
ต่ออีกดราม่ากับประเด็นถ่ายรูปคู่กับ จอห์น วิญญู จนมีคนเข้าไปคอมเม้นท์ว่าจะเลิกติดตามนั้น สาวชมพู่ มองว่าเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนที่จะติดตามหรือไม่ติดตามใครก็ได้ ประชากรไทยมีประมาณ 70 กว่าล้านคน เธอมีฟอลโลเวอร์ 8 ล้านกว่า เท่ากับมีคนอีก 60 กว่าล้านคนที่ไม่ได้ฟอลโล ฉะนั้นไม่ได้ซีเรียสว่าทุกคนจะต้องมาติดตาม พอทราบกระแสบ้างจากคนที่เข้ามาคอมเม้นท์ในไอจี แต่รูปนั้นก็ไม่ได้ลบทิ้ง กับหนุ่มจอห์น ก็มีโอกาสพูดคุยกันเรื่องนี้บ้าง แต่เราไม่ได้ซีเรียสอะไร กระแสที่ว่าจะเลิกติดตามก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเจอจึงไม่ได้รู้สึกว่ามันแรง ยังคงมองว่าเป็นสิทธิ์ของทุกคนอยู่ดี
ส่วนที่โดนโยงไปเรื่องการเมืองนั้น ชมพู่ อารยา พูดเลยว่าคงห้ามความคิดคนไม่ได้ ฉะนั้นต้องข้ามผ่านไป เพราะเป็นแค่คนบางกลุ่ม ซึ่งยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้คิดแบบนี้ เพียงแค่จะออกมาแสดงความคิดเห็นหรือไม่ต่างหาก ใครอยากแสดงความคิดเห็นยังไงก็เป็นสิทธิ์ของเขา ส่วนเราก็มีสิทธิ์ในการใช้โซเชียลมีเดียเช่นกัน
