เล่นมาแล้วทั้งรับเชิญ ทั้งตัวรอง และทั้งเป็นนางเอก สำหรับสาว ณิชา ณัฏฐณิชา ซึ่งแต่ละบทบาทในเรื่องที่ผ่านๆ มาอาจจะไม่ค่อยหวือหวา ฮือฮาเท่าไหร่ แต่มาล่าสุดกับละครเรื่อง เพลิงพรางเทียน ที่เจ้าตัวมารับบทเป็น 2 ตัวละครคือ เทียนคำ ในอดีตชาติ และ กลินท์ ในชาติปัจจุบัน ซึ่งทั้ง 2 ตัวละครเป็นบทบาทที่ไม่ธรรมดา เพราะมีความยากและท้าทายความสามารถของ ณิชา ณัฏฐณิชา ไม่น้อย ทำให้แฟนละคร หรือใครก็ตามที่เคยได้ดูผลงานของสาวเจ้าต่างก็ส่งเสียงชื่นชมในฝีมือการแสดงของเจ้าตัวที่พัฒนาขึ้นเยอะ ที่ต้องยกให้เป็นนักแสดงที่มีของอีกหนึ่งคน และถือว่าฉีกกฎนางเอกจนลืมภาพเก่าๆ ของเจ้าตัวไปเลย
”เรียกว่าฉีกจากบทที่เคยรับดีกว่าค่ะ เพราะว่าตัวละครนี้เป็นตัวละครที่ค่อนข้างไกลตัวเรามาก และไกลจากบทที่เราเคยรับมากเลยค่ะ ก็เป็นอะไรที่ท้าทายเรามาก”
ตอนตัดสินใจเล่นคิดหนักไหม? “ตัดสินใจเลย โดยที่ไม่ลังเลเลยค่ะ เพราะว่าหนูอยากเล่นมาก ไม่ได้สนว่าบทมันจะเป็นตัวร้าย ตัวดี หรือว่าอะไร แต่รู้สึกว่ามันเป็นตัวละครตัวหนึ่งที่น่าจะสอนคนได้ และรู้สึกว่ามันท้าทายกับอาชีพการแสดงของเรา แล้วก็พออ่านบทแล้วเรื่อยๆ รู้สึกว่าคิดถูกที่ตัดสินใจรับเรื่องนี้ แต่ก็มีความหนักใจตรงที่บทมันท้าทายเรา และยากมากจริงๆ ในการที่เล่นเป็น 2 ตัวด้วย และการที่ตัวละครแต่ละตัวมันมีความดราม่าหนัก มีสีสันและมีความเป็นสีเทาด้วย ก็ยากค่ะ (หัวเราะ)”
เล่นเป็นเมียน้อยด้วย ไม่กลัวเสียภาพนางเอก? “ไม่กลัวค่ะ เรื่องนี้ไม่มีความกังวลในหัวเลยว่าใครจะมองยังไง เพราะว่าเราเล่นเป็นตัวละครตัวหนึ่ง แล้วก็มันไม่ได้เกี่ยวกับภาพนางเอกอะไร เรารู้ว่าการแสดงจะดีหรือร้าย ดีมาก ชั่วร้ายมาก ฆ่าคนได้อะไรแบบนี้ รู้สึกว่าเราไปสวมบทบาทเป็นตัวละครแล้วเราร้าย เราแรง แล้วจะกลับมาเล่นเป็นนางเอกใสๆ ไม่ได้ ซึ่งก็รู้สึกได้เพราะเราเป็นนักแสดง”
ไม่ติดกับคำว่า นางเอก “ไม่ได้ติดอยู่แล้วค่ะ ถ้าบทอะไรดี หนูรับเล่นอยู่แล้วค่ะ เคยบอกผู้จัดไปหลายๆ คนว่าไม่ต้องนางเอกก็ได้ (ยิ้มๆ) แต่ถ้าบทดีหนูรับหมด ท้าทายความสามารถตัวเอง แต่ว่าพอถ้าพูดถึงบทนางเอกมันก็จะมีเรื่องราวให้เล่นเยอะขึ้นอยู่แล้วค่ะ คือเราเป็นนักแสดงเราไม่ได้ยึดติดกับคำนั้น แต่เราอยากได้บทที่ท้าทายเราและชาเล้นท์เราไปเรื่อยๆ มากกว่า สำหรับหนูไม่มีคำว่านางเอก มีแต่นักแสดงนำ นักแสดงสมบท หรืออะไรอย่างนี้ค่ะ คือมันแล้วแต่คนจะนิยามคำขึ้นมา บางคนบอกว่านางเอกคือแบบต้องดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ เราแค่เป็นตัวละครหนึ่งในนั้น ก็แล้วแต่คนตีความเลย”
คนชมเยอะเรื่องการแสดง จริงๆ เป็นคนมีของ “มีของ (หัวเราะ) เล่นของอย่างนี้เหรอ ไม่ใช่ๆ ก็คือเป็นบทที่ได้ทำอะไรเยอะค่ะ แล้วก็ท้าทายศักยภาพเราด้วย ก็เต็มที่ค่ะ”
หลายฉากมีความยาก ต้องเรียนอะไรเพิ่มไหม? “มีค่ะๆ คือเราก็ไม่อยากให้มันหลุดไปสักฉาก อยากให้มันดีหมด ก็มีด้วยความที่จะเปิดกล้องเรื่องนี้เราได้มีการ Workshop ไปมากเหมือนกัน เพราะตัวละครมันมีความคิดที่ซับซ้อนและก็แตกต่าง ก็เลยทำการบ้านเยอะและหนัก และก็มาทำตอนที่ถ่ายไปด้วย ด้วยความที่เราเล่นเป็นกลินท์ กับเทียนคำ ซึ่งความรู้สึกนึกคิดเขาจะต่างกัน ก็เลยต้องค่อยๆ ทำการบ้านตลอดเวลามีฉากอะไรใหม่ๆ เข้ามา หรืออะไรที่เราไม่เข้าใจ”
ฉากเลิฟซีนแซ่บนัวมาก “ก็สุดค่ะ สุดๆ แล้ว (หัวเราะ) แต่ก็รู้สึกว่าภาพที่ออกไปมันไม่ได้ดูโป๊ หรือดูน่าเกลียด เพราะว่าพี่วิทย์ผู้กำกับเขาก็มองให้มันเป็นศิลปะ เป็นภาพที่สวยงามมากกว่า นั่นล่ะค่ะ แล้วมันก็เป็นไปตามตัวละครด้วย”
คุณแม่ว่ายังไงเลิฟซีนหนักขนาดนี้? “คุณแม่โอเคค่ะ คือเรื่องนี้เราไว้ใจนักแสดงที่แสดงร่วมกัน ไว้ใจผู้กำกับ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของนักแสดง แล้วเรารับบทนี้แล้ว เราก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด และสิ่งที่พี่วิทย์ ผู้กำกับ มองไว้มันไม่ได้เกินไปสำหรับเรา เราก็เลยทำได้”
แล้วอย่างฉากนัวเต้ยตอนอาบน้ำ “โอ้ยๆๆ (กุมหัว) หนูเล่นเองหนูยังแบบ.. คือตอนอ่านบทยังแบบโอ้มายก๊อด คือตอนแรกเราไม่คิดภาพจะเป็นแบบไหน เพราะว่าก็ไม่คิดจะออกมาแบบนี้ แต่ดูแล้วมันก็ไม่ได้น่าเกลียดจนเกินไป แต่คนอาจจะแบบอร้ายยๆ ขนลุกบ้าง ซึ่งหนูก็แน่นอนมีขนลุก เพราะตอนบล็อกกิ้งคือไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหน ไม่รู้จะทำยังไง เหมือนสติหลุดไปแป๊บหนึ่งค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นฉากแบบนี้เราต้องคุมสติ สมาธิตัวเองทุกเมื่อ เพราะเราก็อยากให้เทคเดียวผ่าน ถ้าเป็นไปได้ ก็เลยจะรีบทำให้มันผ่าน”
ขอบคุณรูปภาพจากIG: @ibees_ipr, @nychaa
Did you know: ณิชา ณัฏฐณิชา เกิดที่จังหวัด เชียงใหม่ มีชื่อเล่นอีกชื่อว่า ใบเฟิร์น แต่พอเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงโดยการชักชวนของ ธนินทร์ ไฝสิงห์ ขณะอายุได้ 17 ปี ก็ได้เปลี่ยนชื่อจากใบเฟิร์นเป็นณิชา เพื่อให้เรียกง่ายขึ้น และย้ายเข้ามาอยู่กรุงเทพ โดยมีผลงานละครเรื่องแรกคือ ทองเนื้อเก้า เล่นเป็น หนูสม มารับเชิญตอนจบ จนมาเล่นเป็นนางเอกเรื่องแรกคือ นางอาย ในปี 2559