หลังจากล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบเมื่อเดือนสิงหาคม 2561 ปีที่แล้ว สำหรับผู้กำกับชื่อดัง อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ก็ทำการรักษามาตลอดจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 10 เดือนแล้ว โดยอาการดีขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ จูงมือลูกสาว บีบี เอกนรี เดินทางมารับรางวัล ครอบครัวแห่งปี ในงานประกาศรางวัลไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด 2019 พร้อมอัปเดตอาการล่าสุดให้ฟังว่า ยังพูดไม่ชัด ยังยกแขนไม่ได้ และยังเดินไม่ค่อยได้ แต่ก็ทำกายภาพบำบัดทุกวัน อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งเป็นโรคที่ต้องอาศัยเวลาในการรักษาฟื้นฟู หลายคนที่เป็นโรคนี้มักจะเก็บตัว แต่ตนมองว่าออกมาเจอโลกภายนอกดีกว่า พยายามใช้ชีวิตให้ปกติที่สุด และเตรียมพร้อมกลับมากำกับละครเรื่องใหม่ “ลายกินรี” เพราะเชื่อว่าชีวิตเกิดมาเพื่อทำละคร
“อาการก็เท่าเดิมครับ เท่าเมื่อวาน (ยิ้ม) โรคนี้เป็นแล้วต้องรักษา มันไม่ทรมานเหมือนวันแรกที่เป็น มันจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ไม่ใช่วันสองวัน นี่ผม 10 เดือนแล้วยังพูดไม่ชัดเลย และก็ยังเดินไม่ค่อยได้ แขนยังยกไม่ได้ แต่เราทำกายภาพบำบัดไปเรื่อยๆ ถ้าถามผมหายดีหรือยัง ผมว่าผมหายแล้ว แต่ยังเป็นแบบนี้อยู่ มันก็เป็นอาการของโรคต้องใช้เวลา ตอนนี้ทำกายภาพทุกวัน แขน ขา เดินลู่ ยกน้ำหนักเบาๆ คิดดูหมอนัดแค่ 3 เดือนครั้ง ก็ให้ควบคุมตัวเอง อย่าทานหวาน อย่าทานมัน อย่าทานเค็มมาก อย่านอนดึก แต่วันนี้ดึกแล้ว”
“หมอไม่ได้ห้ามอะไรเป็นพิเศษ ทำตัวให้เป็นปกติ ผมอยู่บ้านก็กวาดบ้าน ทำอะไรได้ก็ทำ ใช้ชีวิตประจำวันให้ปกติที่สุด เช่น อาบน้ำเอง ทานข้าวเอง ไม่ให้เป็นภาระของเค้า แต่ละคนที่เป็นโรคนี้อาการไม่เท่ากัน บางคน 3 เดือนหาย บางคน 6 เดือนหาย บางคนก็รักษาเป็นปี อย่างรุ่นน้องผมตัวอ้วนมากเลยเป็นแบบผมแต่ 3 เดือนหาย หายปกติเลยเดินวิ่งได้ แต่ผมเป็นหนัก”
“กำลังใจสำคัญครับ มาจากครอบครัว คนรอบข้าง เพื่อนฝูง และที่สำคัญที่สุดคือกำลังใจของตัวเราเอง ต้องยิ้มกับมัน ต้องอยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องคิดถึงอดีตว่าน่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้มันคืออดีตไปแล้ว ไม่ต้องคิดถึงอนาคตว่าจะต้องวิ่งได้ เตะบอลได้ ใช้ชีวิตวันนี้ให้ปกติ หลายคนที่เป็นแบบผมจะเก็บตัว เราหากำไรออกมาข้างนอกดีกว่า คิดซะว่าเราพูดไม่ชัดไม่ใช่ปัญหาของเรา มันเป็นปัญหาของคนฟัง เราเดินช้าก็ไม่ใช่ปัญหาของเรา เป็นปัญหาของคนเดินเร็ว มาเดินตามเราเอง สังคมที่เราอยู่ด้วย ผมไปไหนก็มีคนต้อนรับ มีคนคอยดูแลเราไม่ได้ลำบาก”
“(จะกลับมากำกับละครลายกินรีแล้ว?) เค้ากำหนดมาให้ทำก็ต้องทำนะครับ เราเกิดมาเพื่อทำละครก็ต้องทำ ตอนนี้กำลังแก้บทกับคนเขียนบทอยู่ อีก 2 เดือนคงเปิดกล้องแล้วครับ กลับมาทำเองดูเอง ลูกก็ช่วย คนรอบข้างช่วยกัน งานละครเป็นศิลปะร่วม คอสตูม ฝ่ายแสง ฝ่ายเสียง ไม่ใช่ผมทำคนเดียว ผมรวบรวมคนเก่งมาทำงานด้วยกัน เชื่อมั้ยว่าผมทำงานนิดเดียวจริงๆ เพราะเค้าพร้อมกันอยู่แล้ว ตอนแรกวางบทพระเอกเป็น ติ๊ก เจษฎาภรณ์ แต่เปลี่ยนเป็น ณเดชน์ คู่ ญาญ่า ไม่มีสาเหตุครับ เราอยู่ในส่วนของโปรดักชั่น ส่วนแคสติ้งของพี่แดงเค้าคุยกันเรื่องความเหมาะสม วันเวลาที่เปลี่ยนไปก็สามารถที่จะเปลี่ยนได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันครับ”
“(ภูมิใจในตัวลูกสาวมากแค่ไหน ที่ผ่านมาทำงานหลายอย่างแทนคุณพ่อได้?) วันนี้มันเพิ่งเริ่มต้น เพิ่งนับ 1 2 ยังไม่ถึง 100 บีต้องไปข้างหน้า เค้าต้องโตกว่านี้ วันนี้ต่อให้ละครที่เค้าทำประสบความสำเร็จ ผมก็จะไม่ชม เพราะเค้าต้องทำเรื่องใหม่ต่อไปซึ่งไม่รู้ว่าคนจะดูหรือเปล่า ผมสอนตรงนี้เค้ามากกว่า วันนี้เราประสบความสำเร็จคนชื่นชม แต่เรื่องหน้าคนดูอาจจะด่าเรา อาจจะไม่ชอบก็เป็นไปได้ เราต้องเตรียมใจไว้ สอนให้เค้าเข้าใจด้วย ไม่ใช่ภูมิใจอยู่กับความสำเร็จ” อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ กล่าว
