เต้ กันตนา เป็นโรคซึมเศร้าเพราะผู้!?! ยอมรับเยอะ! ทุกเรื่อง

  เรียกว่ากว่าจะมีวันนี้ได้ ก็เล่นเอาหนักหนาสาหัสเหมือนกัน สำหรับ เต้ กันตนา เจ้าของรายการชื่อดัง The Face ยิ่งเป็นทายาทของ กันตนา ด้วยแล้ว แน่นอนความกดดันต่างๆ ต้องมี ซึ่งเจ้าตัวบอกกว่าจะค้นพบทางของตัวเองก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว พร้อมเปิดปากรับเป็นคนเยอะกับทุกสิ่ง ต้องใช้เวลาปรับจูนอยู่ตลอด ก่อนแง้มเรื่องหัวใจ เคยอกหักจนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง และป่วยเป็นโรคซึมเศร้า!! รายละเอียดดังนี้

  ”เป็นคนยังไง อันที่จริงให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ก็จะมีคำถามนี่เกิดตลอด ตัวเองคิดว่าก็เป็นคนเยอะแหละ ตามที่ทราบกันนะ แต่ว่าได้มีโอกาสทำงานมากขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้นในช่วงหลังๆ แล้ว ก็อยู่เมืองไทยมาก็ 10 ปีแล้ว แบบไม่ได้ไปไหนเลย เลยรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักที่จะควบคุมความคิด อารมณ์ ความรู้สึกตัวเองมากขึ้น”

  ”เมื่อก่อน ก็ค่อนข้างที่จะเหวี่ยง โวยวาย กรี๊ดกร๊าด คือเราใช้อารมณ์นำ เป็นพื้นฐานของตัวเอง เพราะตัวเต้เองมีความเป็นศิลปินสูง เกิดมาในครอบครัวศิลปินชัดเจนแน่นอน เพราะฉะนั้น ตัวเองเหมือนรถยนต์ วิ่งด้วยน้ำมันนะ เราวิ่งได้ด้วย Emotion, passion อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้น ด้วยความที่บางครั้งอยากจะสื่อสาร ในจินตนาการของตนเองที่มีอยู่ แล้วมีความสื่อสารได้ลำบาก เพราะว่ามีอารมณ์ การควบคุมสติ ที่ไม่ค่อยแน่นอน ก็เลยทำให้ออกมาในพลังงานที่เป็นแบบนั้น”

  ”ที่บอกว่าดุ เหวี่ยง คือจริงๆ เราทราบ รู้ด้วยเอง แต่ว่าควบคุมได้ลำบาก ถึงขั้นควบคุมไม่ได้เลยก็มี แบบยิ่งกดปุ่มนี่ไปกันใหญ่เลย ทุกวันนี้ก็เป็น แต่ว่าควบคุม กำหนดได้มากขึ้น เป็นเรื่องของงานที่ไม่ได้ดังใจ ครับ เรื่องคนในครอบครัว เหวี่ยงหมด เพราะเป็นคนค่อนข้างใจร้อนอยู่แล้ว แล้วก็ยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนเอาแต่ใจตัวเองพอสมควร”

  ”อะไรที่ทำให้เราฟิวส์ขาดได้ ไม่ได้ดั่งใจ คือหมายความว่า คือเรารู้ว่าตัวเองเป็นคนค่อนข้าง เป๊ะ อยากได้ ความ Perfect ในแบบที่ตัวเองต้องการ พอไม่ได้ ก็จะมีความแบบ อะไร ทำไม คืออยากเห็นสิ่งที่ตัวเองต้องการถ่ายทอด เป๊ะ ดีที่สุดอย่างที่ตัวเองต้องการ เป็นการกดดันตัวเองเสมอ ซึ่งอันนี้ต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางบ้าง เพราะไม่งั้นมันจะเป็นการสร้างบรรยากาศที่ไม่สร้างสรรค์ในการทำงาน”

  ”ลูกน้อง เค้าไม่กล้าคุยไง แต่เราอยากให้เค้าคุยนะ ก็คงตึง เกร็ง เครียด แล้วก็ไม่รู้ว่าจะคุย เข้าหาเราอย่างไร แล้วเราก็มีรังสีอำมหิตบางอย่างที่ส่งออกไป แต่การที่เป็นแบบนี้ ถามว่าประสบความสำเร็จไหม ก็โอเค แต่อันนี้ต้องให้คุณผู้ชม เป็นคนตัดสิน แต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุดทุกครั้ง”

  ”ถ้าบอกว่าเยอะ คือเสื้อผ้า ต้องบอกว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ มีปัญหากับครอบครัว ก็มีบ้าง คือในยุคที่เต้กำลังเริ่มโต เป็นวัยรุ่น รวมถึงสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทำให้มีความไม่เหมือนใคร แต่มีความรู้สึกว่า เราไม่ได้ทำอะไรที่ผิดปกตินะ แต่แค่เป็นตัวเองที่ยังหาตัวเองไม่เจอ แล้วก็มีปัญหา แต่โชคดีที่ตัวเองเกิดมาในครอบครัวศิลปิน เค้าเข้าใจ และเปิดกว้าง แต่จะมีปัญหาอยู่นึดนึงที่ว่า ไม่เหมาะสมกับโอกาส เช่นการแต่งตัวเยอะไป เพราะเรายังไม่รู้จักความพอดี เลยทำให้เกิดความไม่เข้าใจในตัวตนของกันและกัน”

  ”ถ้าบ่นตรงๆ จะไม่มี แต่จะมีแบบ ดีเหรอ? หรือ เยอะไปไหม? อะไรประมาณนี้ จะมีนิดหน่อย แต่เข้าใจ แล้วก็สายตามากกว่าที่ทำให้เรารู้สึก การไม่รู้ความพอดีของตนเอง เลยทำให้ตอนนั้นเป็นเรื่องแปลกประหลาด ทุกคนในครอบครัวเข้าใจ คุณปู่เคยบอกว่า ให้เรามีความสุขในสิ่งที่เราเป็น ยังจำได้ตลอด แต่สุดท้ายแล้วเราก็ผ่านไปได้ด้วยดี แต่มีช่วงนึงที่เราคิดจะหนีตัวเราเอง”

  ”รู้จักและค้นพบตัวเองเมื่อไหร่ จริงๆ ใช้เวลานานมาก หลังจากที่เรียนจบที่ไทย ก็หนีกลับไปอยู่เมืองนอก ไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบเพิ่มเติม หาแรงบันดาลใจที่โน่น แล้วก็ไปเจอสิ่งที่เราชอบ สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจกลับมาอีกครั้ง เอาจริงๆ คือไม่อยากกลับ ที่ไปคิดว่า ไปแล้วไปเลย หลังจากนั้น 2 ปี คุณลุงเสียก็กลับมา แล้วคุณพ่อก็ถาม ว่ากลับมาได้แล้วไหม เราก็ตัดสินใจภายในเสี้ยววินาทีนั้นเลยว่า โอเคลับก็ได้ แล้วก็อยู่เมืองไทยตั้งแต่ตอนนั้น ก็เริ่มทำงานเป็นผู้ช่วยคุณพ่อช่วงแรก ก็สนุกดี”

  ”กดดันไหม ตอนนั้นสนุกมากกว่า สบายๆ เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แล้วก็เริ่มเก็บเกี่ยวไปเรื่อยๆ แต่ละปีๆ ทำให้เราเข้าใจมากขึ้น จากจุดนั้นจนถึงวันนี้ คิดว่า สำเร็จจริงๆ ตอนไหน ยังคิดว่าตอนนี้ เริ่มยอมรับในสิ่งนั้นเอง ถ้าเราไม่ยอมรับ ก็จะก้าวไปไม่ได้ มีความรู้สึกว่าเราหยุดคิดไม่ได้ หยุดพัฒนาไม่ได้ งานของเราเป็นงานจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งมีค่า และไม่เคยหยุดคิด หรือคิดว่า เราประสบความสำเร็จแล้ว เพียงแต่คิดว่า เรายังอยากทำอยู่หรือเปล่า และมีความสุขที่จะทำไหม นั่นเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำต่ออยู่”

  ”เรียนร้องเพลงมา มีวันไหนที่จะได้เห็นร้องเพลง ก็มีร้องบ้าง อาจจะวันนึงกลับมาร้องอีกก็ได้นะ เพราะคิดว่า การร้องเพลงเป็นสิ่งที่ตัวเองรัก คนอื่นมองว่าเราสำเร็จแล้ว เคยมีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อไหม ก็คุยตลอด เพราะว่าเราทำงานด้วยกัน นอนอยู่บ้านเดียวกัน คุณพ่อเป็นคนไม่พูดนะ ไม่เคยชม ไม่แสดงออก แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่จะมีได้ยินจากคนอื่นว่า คุณพ่อรัก และภูมิใจกับเรามาก แล้วก็พูดถึงเราตลอด แต่ว่ากับตัวเรา เค้าจะไม่พูด”

  ”ฝากถึงคนทางบ้านที่มีปัญหาเหมือนเราที่เครียดและยังหาตัวเองไม่เจอ อยากให้คนรอบข้างเป็นกำลังใจ คอยดูแล ต้องให้เวลากับเค้านิดนึง เราเคยเป็นแบบนั้นมาก่อน โชคดีที่สามารถก้าวผ่านออกมาได้ เพราะฉะนั้นเรารู้ เข้าว่า ต้องให้เวลากับเค้าหน่อยกว่าที่จะผ่านมาได้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้และอยากให้ดูแลกันและกัน”

  “รักครั้งแรก เป็นความรักครั้งแรกที่รักจริงจังแล้วรู้จักกับความรัก แล้วก็มีความรู้สึกว่าทำให้บุคคลหรือสิ่งรอบข้างรู้สึกไม่ดี คือรู้สึกไปเอง จริงๆ ไม่ดีนะ หลังจากนั้นก็ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ไม่เหลือแม้ความเป็นเพื่อน มีทำร้ายตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่มนุษย์คนนึงจะทำได้ ตอนนั้นรู้สึกไม่อยากออกไปเจอใคร และไม่มีใครเข้าใจฉัน หลายๆ อย่างมันกดดันเราจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า”

  ”ครอบครัวทราบไหม ไม่เคยบอก ไม่เคยพูดเลย ตอนนี้หายแล้ว คือ เราเข้าใจ และอยู่ได้ อย่าทำร้ายตัวเอง เหนื่อยก็พัก นอนตื่นมาก็ทำใหม่หมด ตอนนี้เรื่องหัวใจยังโสด คนคุย เราก็คุยกับทุกคน คนจีบไหม เป็นคนไม่ค่อยรู้ตัวว่ามีคนจีบไหม เพราะว่าไม่ค่อยจีบใครก่อน แล้วพอเค้ามาจีบก็จะงงๆ ว่าตกลง เค้ามาจีบ หรือมาเป็นเพื่อน ปกติเรามีแต่เพื่อนผู้หญิง พอมีเพื่อนผู้ชายก็หาว่ามาจีบเราหมด ก็จะเขินๆ”

  ”สเปค จริงๆ เป็นคนไม่มีสเปค แต่ว่าชอบคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ มากกว่าคนที่หล่อ อยู่ด้วยแล้วส่งเสริมกันในแง่ของกำลังใจมากกว่า”

  ”อยากให้คนรู้จัก เต้ ยังไง คือเป็นคนที่มีความรัก และศรัทธาในอาชีพที่ตัวเองทำ และก็อยากทำงานด้วยความรักในอาชีพที่ทำต่อไป เพื่อให้รุ่นต่อๆไปได้สืบสานต่อ และต่อยอดไปในสิ่งที่รุ่นบรรพบุรุษตัวเองได้สร้างเอาไว้ให้ อยากเป็นแรงบันดาลใจต่อให้กับทุกๆ คนที่รักและศรัทธาในอาชีพที่ทุกคนควรจะมี” เต้ กันตนา กล่าว

ขอบคุณ ภาพและข้อมูลจาก รายการ คุยแซ่บShow และภาพเพิ่มเติมจากไอจี tae_kantana

 

เต้ กันตนา

 

เต้ กันตนา

 

เต้ กันตนา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Copyright © 2016 MThai.com All rights reserved. หมายเลขทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ : 0127114707040