“ปั้นจั่น” พรั่งพรู! ถูกสังคมบูลลี่ รับ! เลิกคุย “ฐิสา” หลุด! วีดีโอคอลสาว…แค่เพื่อน

อยู่ๆ ก็มือลั่นโพสต์รูปวีดีโอคอลกับผู้หญิงขึ้นในไอจีตัวเองสำหรับ ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโนทัย จนหลายคนสงสัยว่าสาวคนนี้ จะใช่สาวคนใหม่ของหนุ่มปั้นจั่นหรือเปล่า เพราะตอนนี้ความสัมพันธ์ของหนุ่มปั้นจั่น กับนางเอกสาววิกหมอชิต ฐิสา วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร คงจะไม่ได้ไปต่อ นอกจากนี้หนุ่มปั้นจั่น ยังพรั่งพรูชุดใหญ่ใส่รัวๆ กับกระแสการถูกโจมตี การถูกบูลลี่ จนเจ้าตัวอาจจะเข้าข่ายเป็นโรคซึมเศร้า และปฏิเสธว่าไม่ใช่ดาราชาย ที่ไปเคาะห้องนักข่าวหวังกินตับ ถ้าอยากจะกินจริง ไปเที่ยวอาบอบนวดดีกว่าเยอะ

ถามถึงรูปวิดิโอคอลกับสาวปริศนา?
“อันนั้นเป็นอุบัติเหตุ เพราะว่าตอนนั้นผมจำได้ ตอนนั้นผมตีกอล์ฟอยู่กำลังจะโพสต์รูปรูปหนึ่งแล้วมันดันไปมือลั่น ก็กลายเป็นรูปนั้น แล้วผมเป็นคนที่วิดีโอคอลคุยกับเพื่อนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง บางคนอยู่อเมริกา บางคนอยู่ไทย ก็รีบลบเลย เพราะว่าเดี๋ยวเพื่อนจะเดือดร้อนด้วย เราจะเดือดร้อนด้วย ก็ขอโทษเพื่อนไปเรียบร้อยแล้วครับ”

ยืนยันสาวคนนั้นไม่ใช่มือที่ 3 ?
“อ๋อ มันไม่มีมือที่ 3 อยู่แล้วครับ มันไม่มีทางเป็นไปได้”

คนคิดว่าคนนี้คือสาวคนใหม่?
“คือต้องบอกว่ามือที่ 3 มันไม่เกิดขึ้น เพราะว่าผมยังไม่ได้มีแฟน หรือคบกับใคร”

คนที่จีบอยู่ยังไม่ตกลง?
“ที่จริงต้องบอกว่ามันเป็นเวลาที่ดีนะครับ สิ่งที่ผมพูดไปทั้งหมดตั้งแต่ตอนแรก ผมพูดด้วยความจริงใจ และผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ มาโดยตลอด แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรารู้จักกันมากขึ้น เรียนรู้กันมากขึ้น ด้วยหน้าที่การงาน อาจจะเวลาหรือจังหวะไม่พอดี ทำให้เราไม่ค่อยได้คุยกัน ห่างกันไปบ้าง ถามว่ามิตรภาพความเป็นพี่น้องยังอยู่ไหม แน่นอนผมยังหวังดี กับน้องเขา รู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นข่าวอะไร ก็ยังเป็นกำลังใจ และคอยติดตามอยู่ตลอด”

ตอนนี้ไม่ได้จีบเป็นแฟนแล้ว?
“คือเราไม่ได้คุยกันมาสักพักแล้วนะครับ ต่างคนต่างยุ่งด้วย ผมก็กำลังเตรียมตัวเรื่องงานบวชด้วย ก็เหมือนยิ่งใกล้บวช ยิ่งมีปัญหามารุมเร้า ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เพราะผมเองก็มีปัญหาของผมเหมือนกันในเรื่องที่ผมต้องจัดระบบความคิดของตัวเอง แต่มันเป็นสิ่งที่มันไม่จำเป็นต้องเช่าให้แฟนๆ หรือคนข้างนอกรู้ว่าตัวเราเองรู้สึกยังไง ผมอยากพูดมานานแล้ว คือผมไม่เคยออกมาพูดแก้ตัวอะไร เพราะผมรู้ว่าการแก้ตัว มันไม่ใช่การทำให้คนที่เขาไม่ชอบเรากลับมาชอบเราได้ ฉะนั้นไม่ว่าผมจะทำอะไรก็แล้วแต่ มันก็เป็นข่าว และมันก็ถูกว่า ถูกโยงอะไร ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำได้ ก็คือทำใจ และเข้าใจมันให้มากที่สุด ผมไม่ติดค้างอะไรเลยสำหรับคนที่ว่าผม ผมไม่เคยโกรธด้วย เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้รู้จักผมถึงครึ่งด้วยซ้ำ หรือว่าใครที่ว่าผม หรือไปว่าน้อง หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่มีใครรู้จักเรา ตอนเราคุยกันไม่มีใครรู้ว่าเราคุยกันยังไง ฉะนั้นไม่มีใครมาตัดสินเราได้ว่าเราผิดหรือถูก ไม่มีใครรู้ความจริง มันเป็นแค่เรื่องของคนสองคนที่รู้กันเท่านั้น ฉะนั้นถ้าผลสรุปมันจะเป็นยังไง แต่มิตรภาพมันยังคงอยู่นั่นคือผลลัพท์ที่ดีที่สุดของความสัมพันธ์”

อะไรที่ทำให้เราเลิกคุยกัน?
“อันนั้นขอเป็นเรื่องส่วนตัว และเป็นสิ่งที่เราแบบเข้าใจกันและกัน แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างมันเป็นเรื่องของมิตรภาพที่ดี เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน”

ความรักมันเคยเกิดขึ้นไหม?
“เราอย่าไปเจาะถึงขั้นนั้นเลยครับ เดี๋ยวเป็นประเด็นเปล่าๆ แต่อย่างที่บอกไปทุกครั้งเราก็ทำเต็มที่ เราทุกคนทำเต็มที่ และคาดหวังให้มันดี แต่เมื่อมันไม่ใช่ มันไม่ดี หรือมันจะเปลี่ยนไปในแง่มุมไหน เราแค่ต้องยอมรับมัน และคนอื่นก็ควรจะยอมรับกับเราด้วย ไม่ใช่มานั่งว่าเรา หรือว่าใคร”

ความรู้สึกเหมือนคนอกหักไหม?
“ผมว่าทุกคนมันมี จะให้ผมมานั่งหัวเราะยิ้มแย้มหรืออะไร แต่ เดอะโชว์ มัช โก ออน ไง ผมต้องทำงาน ต้องเดินออกไป และยิ้มให้กับทุกคน แฟนๆ คนทำงาน ผมว่าตอนนี้ประเด็นใหญ่ที่สุดของการทำงานในวงการ สิ่งที่เหนื่อยที่สุดคือข่าว การที่ถูกคนอื่นคอมเมนต์ ผมกล้าพูดเลยว่า ณ ตอนนี้ไม่ว่าใครสะดุด ไม่ว่าใครล้มนิดหนึ่ง ก็โดนถล่ม ฉะนั้นผมไม่พูดถึงคนอื่นดีกว่า คนที่เป็นนักแสดงอดทนมากนะ ถึงแม้ว่าโอเคมันเป็นอาชีพของประชาชน เป็นบุคคลสาธารณะ ถ้าเกิดว่ามองในมุมหนึ่งก็ต้องเห็นใจเราสักนิดหนึ่ง คนคนหนึ่งมันก็เป็นคนธรรมดาเนาะ บางทีมันก็เป็นตัวตลกของคนอื่น บางทีก็ถูกคนอื่นว่าด่าทอ ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้รู้จักเราถึงครึ่งหนึ่ง ฉะนั้นบางทีจะว่าหรือจะพิจารณาใครไปรู้จักเขาก่อนไหม”

แสดงว่าเราไม่โอเคกับกระแสที่ตีกลับมา?
“มันไม่เกี่ยวกับกระแสบูลลี่หรอก แต่ผมโดนมาตลอดในปีนี้ เข้าใจไหมหน้ามือเป็นหลังมือ ทำอะไรก็ผิด จากสามีแห่งชาติกลายเป็นไอ้ปั้นไปแล้ว บางทีคำหยาบ ก็มากกว่านี้ด้วยซ้ำ จนผมเลิกอ่าน บางทีก็มีแวะเข้าไปท่องเน็ตบ้าง แต่ว่าก็เข้าใจ แต่ตอนนี้เวลาเราเห็นข่าวคนอื่นที่โดน หรือเพื่อนคนอื่นที่โดน เราจะมองย้อนกลับมาดูว่าอีกหน่อยคงไม่มีใครกล้าพูด กล้าทำอะไร ไม่มีใครกล้าสร้างสรรค์อะไร คือมองให้มันเป็นเรื่องวาไรตี้ มองให้มันเป็นเรื่องสนุก คนในวงการเขา ก็ไม่อยากจะซีเรียส แต่พอพวกคุณทำให้มันซีเรียส บางทีผมก็พูดตรงๆ ว่ากำแพงมันมีเกิดขึ้น ตัวผมเองไม่อยากเป็นข่าวเลย อยากจะทำงานแล้วเดินกลับบ้านด้วยซ้ำ ทำงานสร้างสรรค์ผลงานให้คนที่ชอบดูผลงานผม ดูละครผม ดูรายการผม แล้วผมก็กลับบ้าน ผมไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น แต่ในเมื่อวงจรมันเป็นแบบนี้ ดาราก็ต้องมากับสื่อ มาพูดนั่นนี่ มันก็ยังจำเป็นที่ต้องอยู่ ต้องพูด วันนี้ถ้าผมกลับบ้านไม่พูดไม่อะไร ก็เขียนไปอีกว่าปั้นจั่นหนี หรืออะไร แต่เราไม่หหนีหรอก เราก็มาพูดความจริง”

ท้อหรือเหนื่อยบ้างไหม?
“เหนื่อยครับ พอตอนนี้คิดอยู่อย่างเดียวคือทำงาน เพื่อครอบครัวและมันเป็นอาชีพที่เราถนัดที่สุด เราทำงานในตรงนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ถ้ายังมีคนดู มีคนรัก มีแฟนละครที่ดูอยู่ ผมก็ยังทำงานต่อไป”

ยังไม่ถึงขั้นคิดพักงานในวงการหรือออกจากวงการ?
“ใครก็อยากมาอยู่ในจุดนี้นะ ฉะนั้นเราก้าวมาทั้งตัวแล้ว เราก็ต้องคุมพื้นที่ของเราให้ดี สุดท้ายแล้ว ผมยังรักในการแสดงอยู่ ความเหนื่อยมันมี แต่เวลามันจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง คือบวช ทุกคนก็มาบอกว่าบวชหนีปัญหาหรือเปล่า ไม่ใช่นะ ผมเตรียมบวชตั้งแต่ต้นปีแล้ว ผมไม่ได้หนีปัญหา”

สาเหตุที่หยุดความสัมพันธ์ ทำให้ต้องอันฟอลโลว์ไอจีฐิสาหรือเปล่า?
“ไม่เกี่ยวครับ ที่ผมอันฟอลโลว์ เพราะผมไม่ต้องการที่จะเสพข่าวในวงการบันเทิงอะไรให้มากนัก ผมไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนในวงการเลยสักคน ผมไม่ได้เรียกว่าตัดขาด คือผมรักวงการนี้ ชอบอาชีพนี้ แต่บางทีผมรู้สึกว่าผมอาจจะอยู่กับมันไม่ได้ แต่ผมก็ต้องอยู่ เพราะพ่อแม่ผมก็ยังต้องกิน และผมยังมีแฟนๆ ที่รักผม”

จะเลิกเสพสื่อทางโซเชียลไหม?
“ผมก็เลิกเสพสื่อทางโซเชียล ผมพูดตรงๆ อย่างเรื่องพลาด ผมก็อยากตบกบาลตัวเอง อยากชกหน้าตัวเองให้ปากแตกไปเลย แต่ว่ามันพลาดอ่ะ และให้เขาด่าอีกแล้ว มันเหนื่อย ผมท้อนะ ผมพูดจริงๆ เดี๋ยวปีหน้าค่อยทำกันใหม่แล้วกัน แต่ปีนี้เป็นปีที่แบบแย่มาก เรื่องโลกซึมเศร้าโรคอะไร ไม่ต้องมานั่งอ้างกันแล้ว เพราะไม่มีใครเขาเชื่อหรอก ถึงพูดไปใครก็ไม่เชื่อ ไม่ต้องถามว่าเข้าข่ายเลย พูดไปเดี๋ยวเขาก็หาว่าสำออยอีก ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำได้สำหรับคนในวงการนะครับ แข็งแกร่งที่สุด อดทนที่สุด และระวังที่สุด ระวังแล้ว ระวังอีก ระวังจนผมก็พูดตรงๆ ว่าผมเองก็ปิดช่องทางทุกอย่าง ยกเว้นไอจี ถ้าเกิดว่าไม่มีลูกค้า ผมลบแอ็คเคาท์ไปแล้ว ผมพอแล้วจริงๆ ผมไม่ได้เข็ด ผมเพลียกับโซเชียล ความบูลลี่ ที่มันหนักหนาสาหัสมาก คุณเป็นใครก็ไม่รู้”

พระเอก-พระรอง อดีตเป็นนักร้อง ไปเคาะห้องนักข่าวหวังจะกินตับ?
“อันนี้ที่จริงยังไงดีอ่ะ เขาเรียกว่าความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก คือประเด็นคือมันตลกมาก มันไม่มีเค้าที่จะเป็นเรา แต่สุดท้ายผมคงเป็นประเด็น หรือเป็นที่รักของชาวเน็ตมั้ง ก็คงไปเขียน ปจ. ก็มีอยู่คนเดียวก็คือปั้นจั่น ที่หลังไม่ต้อง ปจ. เขียน ปั้นจั่น ปรมะ อิ่มอโณทัย ไปเลย ให้แม่กูรู้ไปเลย ว่ากูไปขึ้นห้องนักข่าว แล้วไปเจอมันตั้มกับฝรั่ง แต่ทั้งหมดทั้งมวลเอาเป็นว่าข่าวอะไรก็ไม่รู้ ถ้าเกิดว่ามีข้อมูลของผมจริง ก็พูดได้เลย มีรูปหรืออะไรก็มาพูดได้เลย เพราะข่าวนี้มั่วมากๆ ผมไม่ได้ขึ้นห้องใครทั้งนั้น ถ้าผมจะไปจบอย่างนั้นนะ ผมไปอาบอบนวดดีกว่า ผมพูดตรงๆ นักแสดงนะครับ อาบอบนวดปลอดภัยที่สุดครับ”

อยากตีปากคนที่ปล่อยข่าวลือไหม?
“ไม่ตีปากหรอกครับ เพราะเอาจริงๆ ดาราก็กลัวทุกคนแหละ เพราะเดี๋ยวนี้ ทั้งกล้องทั้งอะไร”

ต้องเช็คดวงตัวเองไหม เพราะเราโดนเกี่ยวกับโซเชียลเยอะ?
“ที่จริงเขาบอกว่าตุลาคม ก็จะพ้นแล้วนะ แต่ว่ามันก็ยังมาตลอด กลับบ้านกินยานอนแล้วกัน ตอนนี้ก็สวดมนต์ สุดท้ายแล้วความฟุ้งซ่านมันก็ยังมีอยู่ แต่ว่ารู้ตัวว่าต้องทำอะไร ณ วันนี้โตขึ้น จากประสบการณ์ โดนด่ามาเยอะก็โตขึ้น ระวังขึ้น นี่ขนาดระวังแล้วก็ยังซวย”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Copyright © 2016 MThai.com All rights reserved. หมายเลขทะเบียนการค้าอิเล็กทรอนิกส์ : 0127114707040