โอ อนุชิต ไม่ซีโดนเม้าท์เป็นโรคร้าย โหมลด นน. เล่นหนังจนซูบผอม
ด้วยรูปร่างที่ผอมลงอย่างผิดหูผิดตาในช่วงที่ผ่านมาจนเป็นที่สงสัยและจับตามอง ซึ่งมาพร้อมกระแสข่าวลือแรงว่านักแสดงหนุ่ม โอ อนุชิต กำลังป่วยเป็นโรคร้าย ล่าสุดมีโอกาสเจอ หนุ่มโอ มาร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง “มะลิลา” จึงได้เปิดใจถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเองให้ฟังว่า ที่ผอมลงเพราะโหมลดน้ำหนักเพื่อให้ตรงตามคาแรคเตอร์ของตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง ซึ่งน้ำหนักหายไปเกือบ 7 กิโลกรัมจึงทำให้ดูซูบผอมหน้าตอบ บอกตอนนั้นรู้สึกแฮปปี้ที่ตัวเองผอมลงมาก พอมีคนทักว่าเริ่มอ้วนขึ้นนิดนึงก็จะรู้สึกนอยด์และไม่กินอะไรเลย เหมือนเป็นอาการเสพติดความผอม รู้สึกอยากผอมเพรียวตลอดเวลาทั้งที่ผอมแล้วไม่ได้ทำให้ดูดีมากนัก และไม่แปลกถ้าจะมีข่าวลือเป็นโรคร้าย เพราะอยู่ดีๆ ตนผอมลงมากผิดปกติ แต่ตอนนั้นยังไม่สามารถบอกใครได้ว่าลดน้ำหนักเพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้
“เรื่องสุขภาพ ตอนนี้น้ำหนักขึ้นมาแล้วครับ จะ 65 แล้วจาก 57 กิโลกรัม คือช่วงนั้นถ่ายภาพยนตร์เรื่องมะลิลา แล้วจะมีอยู่ตอนหนึ่งที่ต้องเปลือยกาย วันนั้นเลยเป็นวันที่ซีเรียสสุด ผู้กำกับอยากให้เราดูผอมแต่ไม่มีกล้าม เพราะเราไม่ได้เป็นคนแข็งแรงนัก แต่ในความที่ไม่มีกล้ามก็ต้องมีความงดงามที่คนดูชื่นชม มันยากมากครับ ท้ายที่สุดในวันที่เราได้ถ่ายฉากที่มีการเปลือยกายเสร็จสิ้น ก็กลับมากิน แฮปปี้มากครับ”
“(ช่วงนั้นเรากลายเป็นคนเสพติดความผอมไปเลยมั้ย?) ใช่ครับ อย่างโอชอบวิ่งแล้วไม่เคยใส่ขาสั้น พอช่วงนั้นจะรู้สึกว่าตัวเองขาเรียวยาวแบบที่ไม่เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน เวลาถ่ายรูปปุ๊บ ขาดูเรียวยาวดีจัง ชอบมากครับ เวลาวิ่งแล้วถ่ายรูปรู้สึกว่าขาตัวเองยาวเหมือนดีเจพุฒเลย (ยิ้ม) เราก็แฮปปี้ แต่พอเวลามีคนมาทักว่าอ้วนขึ้นแล้วนะ ซึ่งจริงๆ ไม่ได้หมายความว่าเราอ้วนแต่เราแค่อ้วนขึ้น เราก็จะนอยด์ จะไม่กินอะไรแบบนี้ครับ มันคืออาการทางจิตที่เค้าเรียกกันว่าเสพติดความผอม เราจะรู้สึกอยากผอมเพรียวตลอดเวลา ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ดูดีมากนัก มันอาจจะดูดีเวลาอยู่ในกล้องหรือแล้วแต่ว่าเราไปเจอใคร ช่วงผอมมากๆ พี่ๆ หลายคนก็บอกว่าผอมไปหรือเปล่า แต่พอไปเจอพวกพี่ที่อยู่ในวงการแฟชั่นก็จะบอกว่าผอมดีจังเลย เราก็งงว่าตกลงฉันจะผอมดีหรือผอมไม่ดี มันแล้วแต่คนมองครับ”
“ปรากฏว่าเรื่อง กาหลมหรทึก โอเล่นไว้ตอนที่ผอมกว่านี้ประมาณ 60 กิโลกรัม และตอนปีใหม่ที่ผ่านมา โอจะสนุกกับการกินมากจนขึ้นมา 64 ทำให้ในเรื่อง กาหลมหรทึก มันมีความโดดว่าเราอ้วนขึ้นได้ยังไง เพราะก่อนหน้านั้นเราผอม ตอนนี้เลยควบคุมให้อยู่ตรงกลางระหว่าง 60-62 จะประมาณนี้ครับ (ความรู้สึกของเราตอนนี้อยากจะกลับไปผอมเหมือนเดิมมั้ย?) เราชอบความแฮปปี้มากกว่า คือตอนผอมเราก็แฮปปี้มาก ส่วนตอนที่เราหนัก 65 เราก็มีความสุขมาก ท้ายที่สุดถ้าสิ่งที่เราได้เปลี่ยนแปลงมันส่งผลต่อตัวละครเราก็จะรู้สึกแฮปปี้”
“โออาจจะเป็นคนที่ไม่ได้น้ำหนักเยอะมาก แต่อายุค่อนข้างเยอะแล้ว ทุกครั้งที่ผอมลงแล้วหน้ามันซูบนั่นคือการสูญเสียคอลลาเจนอย่างรวดเร็ว แต่พอน้ำหนักกลับมามันก็ยังเหมือนเดิม คนที่เคยเป็นจะรู้เลยครับว่าคอลลาเจนถ้ามันไปแล้วคือมันไปลับ ดังนั้นการที่เราสูญเสียคอลลาเจนเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก (จากการที่เราผอมลงมากทำให้มีข่าวลือว่าเราเป็นโรคร้าย?) คงไม่แปลกที่คนจะเข้าใจอะไรแบบนั้นได้ เพราะอยู่ดีๆ เราก็ดูผอมจัง ซึ่งเราก็ถามทีมงานว่าจะสามารถพูดอะไรได้มากขนาดไหน มีครั้งหนึ่งเราเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าเรากำลังเล่นหนังที่ต้องรับบทแบบนี้ ทางนี้ก็จะบอกไม่ได้ๆ ห้ามพูด ผมเลยคิดว่าโอเคเดี๋ยวพอหนังออกคนก็จะเข้าใจเอง จริงๆ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรขนาดนั้น ไม่ว่าคนจะทักอ้วนขึ้นหรือผอมลง อยากให้ดูว่าเรามีความสุขหรือเปล่าดีกว่า คนบางคนเค้าสนุกกับการกินแล้วอ้วนมันก็ไม่ได้ไปลำบากใคร” โอ กล่าว