ดาราสาว นุ๊ก สุทธิดา เปิดใจที่ Fit Addict หลังถูกโจรขึ้นบ้านวันก่อน(26 พ.ค.) เปรยยังสรุปมูลค่าความเสียหายไม่ได้ เนื่องจากโจรค้นห้องแม่หนักสุด และไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง รอแม่กลับมาจากต่างประเทศ ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ติดกล้องวงจรปิด ส่วนของตนนั้นเสียยังไม่ได้ซ่อม ส่วนตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นแล้ว ชมเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลดี สำหรับคนร้ายยังจับกุมตัวไม่ได้ คาดอยู่ในละแวกนั้น ฝากติดตลกถึงโจรว่าที่บ้านไม่มีอะไรให้ค้น อยากได้ให้ไปที่ยิม… รายละเอียดดังนี้
”คือเมื่อวานซืนก่อน หลังจากที่ทำงานที่ฟิตเนสเสร็จนะคะก็กลับบ้านไป คือรถสองคัน คือสามีจะกลับไปกับอดัมลูกคนเล็กกับลูกคนโตนะคะ ส่วนนุ๊กก็อยู่กับปาแปงลูกอีกคน แต่ก็ขับรถตามๆ กันมา ประมาณ 4 ทุ่มนิดๆ ก็ถึงบ้านปรากฏว่าพอถึงหน้าบ้านเนี่ยเอ๊ะๆ ทำไมไฟเปิดอยู่ หรือเอ๊ะๆ คนอยู่ในบ้าน เราก็คิดว่าเออคุณแม่ปกติก็อยู่ด้วยแบบไปๆ มาๆ นะคะ แต่ว่าทีนี้ช่วง 2-3 วันเนี่ยคุณแม่ไปต่างประเทศ เราก็คิดไปว่าเอ๊ะๆ หรือว่าคุณพ่อจะมาเซอร์ไพรส์มาหาเราที่บ้าน ก็มองไปก็ไม่มี ก็เซอร์ไพรส์เรายิ่งกว่า แต่เราก็พยายามคิดว่าเอ๊ะ หรือใครลืมปิดไฟ แต่เราออกจากบ้านไปบ่ายๆ กันก็ไม่น่าจะมีใครที่เปิดไฟทิ้งนะคะ”
”แต่ก็เดินเข้าไปหลังบ้านพร้อมกับลูกจะไปเปิดประตูหลังบ้านมันก็ค่อนข้างมืดเพราะว่าเราไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้ ก็เอามือคลำไปพอมันไม่เจอประตูอ่ะคะ ใจมันก็แว๊บไปที่พื้นเลยค่ะ คือประตูมันเปิดอยู่ มือมันก็ไปปัดสลักกุญแจแล้วมันก็ร่วงลงมาหมดเลย เราก็ตกใจเลยคว้าลูกคนที่ 2 แล้วก็เลยวิ่งขึ้นรถเพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะสวนเรามารึเปล่า”
“เราก็ตะโกนบอกสามีที่กำลังจะถึงบ้านบอกว่าขึ้นรถๆ ให้หมด มีคนอยู่ในบ้าน มีโจรอยู่ในบ้าน เราก็ขึ้นรถกันล็อครถเสร็จก็ตั้งสติ ตอนนั้นก็แบบนึกอะไรไม่ออกโทร 191 เหมือนเดิมพอโทรไปเขาก็แบบตกใจ เราก็ตกใจจริงๆ ตำรวจเขาก็ให้เราใจเย็นๆ แล้วก็ให้ค่อยๆ อธิบายเป็นส่วนๆ แต่ว่าตอนนั้นอ่ะเราที่โทรก็ตั้งสติแล้ว คือตอนนั้นคอแห้งมาก มันคงเหมือนเราตื่นเต้น ด้วยความที่เรามีเด็กๆ อยู่ในรถด้วย เราก็คิดว่ามันจะสวนกันลงมารึเปล่า แล้วเราจะรับมือกันยังไง”
”พอระหว่างที่คุยกับ 191 เราก็พอตั้งสติแล้วเพราะเขาคุยกับเรา เราก็เริ่มสบายใจว่าตำรวจมาแน่นอนค่ะ ก็เลยเริ่มบีบแตร ช่วยกันบีบแตรกับสามีให้เขาออกจากบ้านเราไป แล้วเราก็ได้ยินเสียงกระโดดตุ๊บจากกำแพง ตำรวจก็มาหลังจากนั้นก็ให้สามีอยู่กับลูก แล้วนุ๊กก็พาตำรวจขึ้นไปเช็คแต่ละห้องว่าไม่มีใครซ่อนอยู่ แล้วก็เริ่มเช็คทรัพย์สินที่หายไปซึ่งบางส่วนเนี่ยห้องที่โดนค้นหนักที่สุดคือห้องคุณแม่ เราก็เลยไม่สามารถรู้ว่าคุณแม่สูญเสียทรัพย์อะไรไปรึเปล่า เพราะคุณแม่ไปต่างประเทศ แต่ก็เท่าที่เป็นของนุ๊กเนี่ยอยู่ชั้น 3 เป็นห้องที่เพิ่งจะเริ่มโดนค้น เพิ่งจะหยิบของไปไม่เท่าไหร่เพราะว่าเราดันกลับมาเจอกับเขาก่อน”
”มั่นใจว่าโจรอยู่ในบ้าน ก็เพราะว่าเราเห็นเหมือนแสงไฟฉายอ่ะค่ะมันแปล๊บๆ อยู่ในบ้านเรา เราก็มั่นใจว่าเขายังอยู่ และชั้น 3 ที่เป็นห้องของเรามันเพิ่งจะเริ่มถูกรื้อค้น ยังไม่ถูกค้นทั้งหมด คนร้ายก็คิดว่าน่าจะคนเดียวนะคะในความรู้สึกนุ๊ก คือด้วยความตกใจเราก็พยายามจะไล่เรียงกันนะคะว่าเขากระโดดไปฝั่งไหน ทางนุ๊กกับสามีว่าข้างบ้าน แต่เอาจริงๆ เราก็ไม่แน่ใจว่าหลังบ้าน ข้างบ้าน เพราะตอนนั้นมันก็มืดมาก แล้วเสียงตุ๊บนั้นก็แค่ตุ๊บเดียว”
”เขาเข้ามาทางไหน ตอนนี้ตำรวจกำลังสืบอยู่ค่ะ แต่บังเอิญด้วยฝนมันตกด้วยค่ะ รอยต่างๆ มันก็อาจจะชะล้างไป ทรัพย์สินเราที่เสียหาย ถ้าเป็นของนุ๊กด้วยความที่เขาเพิ่งขึ้นไปค้น แล้วก็ค่อนข้างที่จะจัดบ้านไว้เป็นระเบียบเขาเลยไม่ต้องค้นอะไรมาก ก็หยิบเอาไปง่ายๆ เลยค่ะ ส่วนมากก็จะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม แต่ก็รู้สึกโชคดีนะคะว่าสิ่งที่เขาเอาไปไม่ใช่สิ่งที่เราใช้ เพราะพวกกระเป๋านี้จะไม่ค่อยถืออยู่แล้วถ้ารู้จักนุ๊ก แต่เพื่อนๆ ก็จะมีแซวๆ ว่าสมน้ำหน้าเนี่ยไม่ใช้เห็นมั้ย”
”มูลค่าไม่เท่าไหร่นะคะ น่าจะหลักแสนได้ แต่ว่าของคุณแม่เนี่ยตอนแรกเราก็ลุ้นกันอยู่ว่าคุณแม่นางจะโดนอะไรบ้าง เพราะว่าบางทีนางก็จะถอดของอะไรไว้ หรือใส่ติดตัวไปรึเปล่า แล้วที่บ้านมีตู้เซฟด้วยแต่ก็โชคดีที่ตู้เซฟใหญ่มากประมาณตู้ใหญ่ ก็ใหญ่หนักมากยกไม่ได้อยู่แล้ว ก็ตอนนี้กำลังรอเช็คของคุณแม่อยู่นะคะ ก็เดี๋ยวคุณแม่น่าจะกลับมาตอนเย็นๆ ก็ทางตำรวจบอกว่าถ้าเรารู้ว่าอะไรหายไปก็สามารถที่จะแจ้งความเพิ่มเติมได้ค่ะ ชั้น 2 ของคุณแม่ค่อนข้างจะโดนเยอะค้นเยอะสุด”
”บ้านปกติคุณแม่อยู่ แต่ช่วง 2-3 วันนี้คุณแม่ไปต่างประเทศพอดี กังวลใจอะไรมั้ย ถามมันก็มีทั้งโชคดีและโชคร้ายอ่ะนะคะ คือโชคร้ายโอเคเราเสียของ แต่โชคดีคือ 1 เป็นของที่เราไม่ค่อยได้ใช้มันอยู่แล้ว อย่างที่ 2 ก็คือเราเริ่มลำดับเหตุการณ์ว่าอะไรมันสำคัญก่อนหลัง อย่างเราก็คว้าลูกก่อนเพราะฉะนั้นมันก็ต้องมาไล่เรียงว่าต่อไปเราจะทำยังไงกับชีวิต คือกล้องวงจรปิดที่บ้านอ่ะติดนะคะแต่ว่าเสียด้วยเหตุฟ้าผ่า แล้วมันเสียไปถึงเมมโมรี่เลย แล้วเราก็นอนใจว่าจะติดแต่ก็ยังทำโน่นนี่ ฉะนั้นเรื่องนี้มันก็สอนเราอย่างแรกเลยว่านอกจากเราจะพึ่งตำรวจแล้ว เราก็ต้องดูแลตัวเอง อันนี้ฝากบอกไปทุกบ้านเลยนะคะว่า กล้องวงจรปิดในแต่ละบ้านหรือว่าความปลอดภัยในทรัพย์สิน ในชีวิตเรามันก็ควรจะมีทุกบ้านเพราะว่าถ้าเขามาเจอกับเราตรงๆ มันก็อาจจะน่ากลัวกว่านี้”
”ตำรวจเขาก็พยายามทำงานให้อย่างสุดความสามารถนะคะ จริงๆ ก็ต้องขอบคุณไปทางสน.วังทองหลางด้วยนะคะ เพราะว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์เนี่ยจากเมื่อก่อนที่เรารู้สึกว่าเราไม่โอเคกับตำรวนนะคะ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมาขอเช็คกล้องวงจรปิดที่หน้ายิมเพราะว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเนี่ยเราก็รู้สึกว่าเออตำรวจก็ทำงาน แล้วพอเจอเหตุการณ์นี้เราไปสน. แล้วเราได้เจอผู้กำกับ เราก็คิดว่าโอ้โหเราได้เจอผู้กำกับตอนเวลา 4-5 ทุ่มเขาก็ยังใส่เครื่องแบบทำงาน เราก็เลยรู้สึกว่าเออก็เป็นสน. ที่แบบบริการดี แล้วตอนขากลับอ่ะกว่าจะเสร็จเรื่องราวประมาณ ตี 3 แล้วสามีก็ต้องอยู่กับลูก เราก็ต้องออกมาแจ้งความคนเดียวอันนี้ก็เป็นความประทับใจที่เราพูดขึ้นมาเกริ่นๆ ว่าไม่รู้จะกลับยังไงเพราะเราก็กลัว แต่ตอนนี้โอเคแล้ว แต่ตอนนั้นคิดว่าจะเดินเข้าบ้านยังไงตี 3-4 แล้ว คุณตำรวจก็เลยให้สายตรวจขี่รถตามไปส่งหน้าบ้านให้ เราก็อุ่นใจ”
”ป้องกัน ติดตั้งประตูให้ดี กล้องวงจรให้ดี ทรัพย์สินมีค่าก็เก็บไว้ที่ธนาคารดีกว่า ซึ่งตำรวจไปตรวจอีกทีปรากฏว่าไปเจอกระเป๋าที่คาดว่าจะเป็นของคนร้าย เป็นกระเป๋าตังค์ 4 ผืนผ้าข้างในมีเงินอยู่ 200 แต่ไม่มีบัตรอะไรเลย ลูกคนที่ 2 เขาค่อนข้างกลัว เหตุเกิดประมาณ 4 ทุ่มครึ่ง แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่ไม่ไกลละแวกนั้นแหละค่ะ จริงๆ ที่บ้านไม่มีอะไรให้ค้นแล้วนะคะ เพราะว่าทุกบาททุกสตางค์เรามาลงที่ยิมหมดแล้ว ถ้าอยากได้อะไรก็มาเอาที่ยิมนะคะมีตั้งแต่ 5 โล 10 โลเลยค่ะ” นุ๊ก สุทธิดา กล่าว