คงยืดเยื้อกันอีกนาน สำหรับประเด็นร้อนที่นักแสดงวัยรุ่นอย่าง กัปตัน ชลธร หนุ่มหน้าใสผู้แจ้งเกิดจากซีรีส์ love sick ทำแฟนเก่านอกวงการนามว่า มิ้ง ศวภัทร ตั้งท้องจนต้องออกมาโพสต์โซเชียลถามหาความรับผิดชอบ ล่าสุดตั้งโต๊ะแถลงวันนี้ ณ บริษัท นาดาวบางกอก จำกัด ต้นสังกัดของฝ่ายชาย โดยมีกัปตัน มิ้ง พ่อแม่ฝ่ายชาย คุณพ่อวธีรัต-คุณแม่วิริยา และแม่ฝ่ายหญิง คุณแม่ปุณณดา ร่วมโต๊ะแถลง ซึ่งกัปตันชี้แจงแบบไม่ค่อยแคลียร์นักว่าพร้อมจะรับผิดชอบเด็ก แต่เมื่อถามว่าจะกลับมารักกับฝ่ายหญิง เป็นครอบครัวเดียวกันได้หรือไม่ กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจน เจ้าตัววอนสังคมอย่าโจมตีพ่อแม่ตน ต้นสังกัด และฝ่ายหญิง พร้อมรับผิดชอบการกระทำของตนเอง ตอนนี้เป็นห่วงความปลอดภัยของเด็กที่สุด มุ่งไปที่เรื่องฝากครรภ์ก่อน ด้านสาวมิ้งยอมรับว่าเคยคิดจะไม่เก็บเด็กไว้ เพราะอารมณ์ในตอนนั้นพาไป ยังนึกภาพคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ออก หากฝ่ายชายคิดจะรับผิดชอบแค่ลูก
“กัปตัน : ผมยอมรับว่าผมกับมิ้งเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างจึงทำให้เราเลิกกัน แต่ยังมีความห่วงใยให้กัน ส่วนเรื่องที่มีเด็ก ทางผมขอรับผิดชอบในสิ่งที่ผมได้ทำไป เพราะผมไม่สามารถปล่อยให้สิ่งที่เกิดจากผมได้รับอันตรายใดๆ ผมมีความเป็นห่วงเด็กมากๆ ผมเลยจะพาไปฝากครรภ์ครับ ส่วนจะกลับมาเป็นครอบครัวไหม ตอบไม่ได้ แต่ผมไม่สามารถจะปล่อยให้เด็กเป็นอะไรได้ครับ
ผมไม่สนแล้วครับว่าต้องตรวจ DNA หรือเปล่า เราเคยมีความสัมพันธ์กันมา ไม่ว่าจะยังไง ผมก็จะรับผิดชอบ และตัวผมเองต้องขอโทษทุกคน ขอโทษแฟนคลับด้วยครับ คนมองว่าพ่อแม่ ทางค่าย หรือคนรอบข้างผมไม่ดี ผมขออย่าไปว่าเขาเลยครับ ผมแค่ต้องการพิสูจน์ตัวเองในการเป็นผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายผมก็ยังไม่พร้อมจริงๆ ผมขอร้องว่าอย่าโทษใครเลย มาโทษที่ผมดีกว่า
มิ้ง : ข้อตกลงตอนนี้เขาก็ยินดีจะรับผิดชอบค่ะ แต่จะไปในทางไหนค่อยว่ากันอีกที เราแล้วแต่เขาทุกอย่าง สำหรับอายุครรภ์ ตามหมอบอกตอนนี้ก็ 7 สัปดาห์ค่ะ
แม่วิริยา : ถ้าเกิดเหตุจริงและตรวจสอบแล้ว ทางครอบครัวก็รับผิดชอบอยู่แล้วค่ะ แต่แม่ขอโฟกัสถึงเรื่องเด็กในท้องก่อน ห่วงว่าถ้ามีขึ้นมา เราต้องดูที่ความปลอดภัยขอ’ตัวเด็กและตัวแม่เขาก่อน
คุณแม่ปุณณดา : ให้เขาคุยกันสองคนเลย เพราะถ้าถามแม่ แม่ไม่ได้เรียกร้องอะไรค่ะ แต่ส่วนตัวแม่เชื่อว่าเป็นลูกของทั้งคู่
กัปตัน : ผมยอมรับว่าตอนแรกผมไม่ทราบเรื่องท้อง แต่มิ้งมาบอกผมที่บ้าน ซึ่งผมเองก็ช็อกเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น คือเราก็ป้องกัน และทุกคนก็ได้รู้เรื่องนี้พร้อมกันจริงๆ
คุณพ่อวธีรัต : จริงๆ แล้วเราไม่ได้มีการกีดกันกันนะ มิ้งบอกว่า มิ้งกับกัปตันบรรลุนิติภาวะแล้ว เลยอยากคุยกันเอง แต่ทางผมคิดว่าถ้าตัดสินใจเองแล้วเรื่องมาถึงขนาดนี้ เราคงต้องมีส่วนตัดสินใจด้วย และเรื่องค่าใช้จ่ายทางผมดูแลเต็มที่ ให้เป็นไปตามสเตปครับ
มิ้ง : ความจริงตอนนี้มิ้งก็ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องคนสองคน เราต้องมาคุยกันว่าจะเอายังไงดี เราเลือกที่จะรับผิดชอบยังไง เอาตรงๆ หากวันนี้ไม่ได้เจอกัปตัน มิ้งก็ยังไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ซึ่งจากนี้ก็คงมีโอกาสได้คุยกันสองคนค่ะ เมื่อสักครู่นี้มิ้งได้ยกมือขอโทษคุณพ่อคุณแม่แล้ว ขอโทษที่พูดจาไม่ดีค่ะ
กัปตัน : ตอนนี้ผมต้องพาเขาไปฝากครรภ์ก่อนครับ ผมเป็นห่วงเด็กและตัวมิ้งมาก ทุกคนก็รู้ว่ากระแสมันกว้าง ขนาดผมเป็นคนนั่งอ่านและรู้ข่าวมา ยังทำให้สภาพจิตใจผมแย่พอสมควร ผมเลยคิดว่าทางมิ้งเองคงไม่ต่างจากผมเหมือนกัน
มิ้ง : มิ้งยอมรับนะคะว่าเคยคิดว่าจะเอาน้องออก แต่กัปตันบอกไม่ให้ทำ ซึ่งสิ่งที่มิ้งคิดตอนนั้นก็เป็นเพราะความโกรธ น้อยใจ และไม่อยากให้เด็กออกมามีปัญหา แต่ว่าตอนนี้สภาพจิตใจก็ดีขึ้นมานิดหนึ่งแล้วค่ะ ส่วนที่ทวิตเตอร์ขุดคุ้ยว่ากับแฟนเก่าก็เคยทำแบบนี้เหมือนกัน มิ้งยืนยันไม่ใช่เรื่องจริงค่ะ และมิ้งเคยเล่าให้กัปตันฟังแล้วด้วย
คุณแม่ปุณณดา : ตัวแม่ก็ขอเขาเหมือนกัน ไม่อยากให้เขาเอาออก อยากให้เก็บไว้ หรือยกให้เป็นลูกแม่ก็ได้
คุณแม่วิริยา : แม่ไม่ค่อยสนใจข่าวเท่าไหร่นะคะ แม่มีจุดยืน คืออยากให้น้องและเด็กมีความปลอดภัยแค่นั้น เราเลยคิดว่าเราอยากพาไปดูแล ส่วนเรื่องที่มิ้งให้สัมภาษณ์ถามว่าโกรธไหม คือมีอารมณ์ค่ะ แต่เราก็ต้องตั้งสติให้ดี และแม่เองก็พยายามเข้าใจในตัวเขา เพราะเราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน
กัปตัน : งานในวงการผมยังมีภาระหน้าที่ที่ต้องทำให้เสร็จ และหลังจากนี้จะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้ แค่ผมขอรับผิดชอบมิ้งกับลูกก่อนก็พอ จริงๆ สำหรับงานผมสามารถทิ้งทุกอย่างได้ หากยังไม่มีอะไรเข้ามา แต่ในเมื่อตอนนี้มีงานที่ผู้ใหญ่มอบหมายให้แล้ว ผมก็จะทำให้เต็มที่ครับ ผมยังมีถ่ายซีรีส์ ละคร หากผู้ใหญ่ให้โอกาสz,จะทำต่อไปครับ
บอมบ์ จงจิตต์ (ผู้บริหารนาดาว) : สิ่งที่เขาทำมันคือเรื่องส่วนตัว ถามว่าผิดศีลธรรมไหม เขาออกมารับผิดชอบและพูดอย่างชัดเจนแล้ว ทางบริษัทเลยรู้สึกว่าเขาแสดงตัวตนออกมา แต่ส่วนการทำงานเขาไม่เคยไม่เต็มที่หรือไม่ตั้งใจ เราเลยไม่อยากตัดสินจากเรื่องตรงนี้ แต่ถ้าอนาคตเขาเกเรค่อยมาว่ากัน ตอนนี้เขายังเป็นเด็กในสังกัดค่ะ และมีงานต่อเหมือนเดิม ซึ่งก่อนที่จะเป็นข่าว ทางครอบครัวกัปตันและมิ้งได้มีการคุยและนัดกันจะไปฝากครรภ์แล้วล่วงหน้า แต่ยังไม่ได้นัดวัน และหลังจากที่ให้สัมภาษณ์ข่าวนี้จึงขอนัดที่จะไปฝากครรภ์ค่ะ
กัปตัน : ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนที่หนักที่สุดในชีวิตครับ ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถไปแก้ไขอะไรได้ ตอนนี้ก็ต้องทำงานต่อไปและรับผิดชอบครับ หากวันหนึ่งคนเลิกสนใจผม ผมก็ยินดีรับตรงนั้นครับ
มิ้ง : โอกาสที่จะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว มันยังตอบไม่ได้ค่ะ มีแอบคิดไว้บ้างแต่ก็คงเป็นแบบนั้น ตอนนี้มิ้งเพิ่งเรียนจบ และคิดว่าจะสมัครงานช่วงเดือนตุลาคม แต่คงต้องพักไปก่อน สำหรับกระแสวิจารณ์ จริงๆ มิ้งไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหร่ แต่เห็นมีแบ่งแยกเป็นสองทีม ซึ่งมิ้งไม่ได้โกรธใคร และตอนนี้เราก็เคลียร์กันแล้ว จากนี้จะไม่มีการแฉแล้วค่ะ”
