ปัจจุบันชีวิตของผู้คนในเมืองใหญ่มีแต่ความเร่งรีบในการกิน การทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันแวดล้อมไปด้วยตึกอาคารและเทคโนโลยีไร้ชีวิต ไม่มีพื้นที่สีเขียวเพียงพอให้คนได้พักจากความวุ่นวายของเมืองหลวง ทำให้คนเมืองโหยหาธรรมชาติและชีวิตสมดุลที่มอบความสุขกายสุขใจผ่านการใช้ชีวิตแบบ Well–Being ที่เท้าได้สัมผัสพื้นดิน มือสัมผัสต้นไม้ใบหญ้าและความมหัศจรรย์ของธรรมชาติรอบตัว ลิ้นได้ลิ้มรสอาหารออร์แกนิกสดใหม่ปลอดสาร รวมทั้งเรียนรู้การแบ่งปันและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เพราะท้ายที่สุดแล้วการอยู่อาศัยในสังคมเมืองจะยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อผู้คนในเมืองปรับแนวทางการใช้ชีวิตให้เป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติ
“หลังสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยผ่านโมเดลธุรกิจเปลี่ยนโลก Sansiri Green Mission ที่นำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์เข้ากับแบรนด์ดีเอ็นเอและ Sansiri Tree Story การเก็บรักษาและดูแลต้นไม้เพื่อส่งมอบคุณค่าให้อยู่ตลอดไปแล้ว ครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสนสิริสานต่อวิสัยทัศน์ For Greater Well–being ที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง กับการเปิดตัว Sansiri Backyard (แสนสิริ แบคยาร์ด) คอมมูนิตี้สีเขียวในเมืองที่สร้างนิยามใหม่แห่งการใช้ชีวิตแบบยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา ผ่านการพัฒนาพื้นที่เปล่าที่ไม่ได้ใช้งานให้เป็นพื้นที่สีเขียวแห่งสังคมเมือง นำร่องด้วยการปั้นที่ดินรอการพัฒนาพื้นที่รวมกว่า 14 ไร่ ของ T77 ณ สุขุมวิท 77 และหัวหิน ให้เป็นฟาร์มผักปลอดสาร เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนในเมืองใหญ่เห็นความสำคัญของการใช้ชีวิตใกล้ชิดธรรมชาติและคุณภาพชีวิตที่ดีที่มาจากการทานอาหารสดใหม่ ปลอดสารและไม่ปรุงแต่งอันเป็นแนวคิดเบื้องต้นของ Well–Being ตลอดจนเรียนรู้การใช้ชีวิตสมดุลระหว่างสังคมเมืองกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วยการใช้เวลาร่วมกันในพื้นที่สีเขียวและการแบ่งปันผลผลิตที่เกิดจากธรรมชาติ โดยแสนสิริคาดหวังว่าความมุ่งมั่นตั้งใจในครั้งนี้ จะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้คนเริ่มต้นสร้างพื้นที่สีเขียวบนพื้นที่ว่างเปล่าใกล้ตัว และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีทั้งต่อตนเองและสิ่งแวดล้อมได้ เมื่อทุกคนในเมืองใหญ่และทุกภาคส่วนร่วมใจ กรุงเทพฯ หัวหินและหัวเมืองใหญ่ของประเทศไทย จะสามารถก้าวข้ามไปสู่การเป็นเมืองแห่งการอยู่อาศัยยั่งยืนแห่งอนาคต (A Sustainable City of the Future) ได้อย่างแท้จริง” จริยา จันทร์เจิดศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว
Sansiri Backyard ก่อเกิดมาจากความต้องการให้เมืองใหญ่ในประเทศไทยเป็นเมืองแห่งการอยู่อาศัยยั่งยืนแห่งอนาคตที่คนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ตลอดจนคนเมืองมีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ใส่ใจสุขภาพกายและสุขภาพใจตามแนวคิด Well–Being มากขึ้น โดยแสนสิริเริ่มต้นจากหลัก 3Gs คือ Green, Grow และ Give
- Green การสร้างประโยชน์จากพื้นที่ว่างไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ อยู่กลางแจ้งหรือในอาคาร อยู่บนอาคารสูงหรือบ้าน ให้เป็นพื้นที่สีเขียวเพื่อให้คนเมืองใกล้ชิดธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
- Grow ปลูกผักและผลไม้ในรูปแบบฟาร์มผักบนพื้นที่ว่าง เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ในการใช้ชีวิตที่เปี่ยมด้วยสุขภาพกาย สุขภาพใจ จากการทานผลผลิตจากธรรมชาติที่สดใหม่ มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนยังปลูกความเป็นคอมมูนิตี้แบบยั่งยืนในเมืองใหญ่ด้วยการเปิดโอกาสให้พนักงาน ลูกบ้าน ชุมชนใกล้เคียงและผู้ที่สนใจได้ใช้เวลาร่วมกันในการปลูกผักใน Sansiri Backyard อีกด้วย
- Give ผลผลิตบางส่วนที่ได้จาก Sansiri Backyard จะแบ่งปันต่อไปยังครอบครัวแสนสิริในโครงการที่มี Sansiri Backyard, โรงเรียนรอบข้างพื้นที่เพื่อสร้างสังคมเมืองแห่งการแบ่งปันและส่งเสริมให้เด็กๆได้ทานพืชผักคุณภาพ, ชุมชนข้างเคียงและคนทั่วไปที่ต้องการเรียนรู้การใช้ชีวิตที่ดีแบบ well–being ตลอดจนพนักงานแสนสิริเพื่อให้เรื่องการกินดีอยู่ดีและใช้ชีวิตอย่างป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามวิสัยทัศน์ For Greater Well–being อยู่ในดีเอ็นเอของทุกคน นอกจากนั้น ผลผลิตบางส่วนที่เราจัดจำหน่ายจะนำรายได้ปันกลับคืนสู่สังคมด้วย
ทั้งนี้ แสนสิริวางแผนที่จะนำผลผลิตปลอดสารนี้ไปใช้ที่สิริ เฮาส์ (SIRI HOUSE) และโรงแรมเอสเคป หัวหินและเขาใหญ่ในอนาคต แสนสิริได้เริ่มต้นแนวคิด Sansiri Backyard นี้จากภายในองค์กรกับ Sansiri Backyard @Sansiri HQ ที่ส่งเสริมให้พนักงานปลูกต้นไม้บนโต๊ะทำงานด้วยการมอบ Table Farm Kits ให้ดีเอ็นเอของทุกคนเป็นสีเขียวแห่งการรักษ์โลก จากนั้นขยายผลต่อไปยัง Sansiri Backyard @ Sansiri Projects ด้วยการเปลี่ยนพื้นที่เหลือใช้ใน 20 โครงการแนวราบและแนวสูงของแสนสิริให้เป็นประโยชน์แก่ลูกบ้านแสนสิริด้วยการปลูกผักปลอดสารเพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขียวแห่งการเรียนรู้แนวคิดคุณภาพชีวิตที่ดีของการกินดีอยู่ดีทั้งทางกายและใจตามหลัก Well–Being จากนั้นต่อยอดไปยัง Sansiri Backyard @T77 และ Sansiri Backyard @Hua Hin การรังสรรค์ที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาขนาด 11 ไร่ที่ T77 บนสุขุมวิท77 และ 3 ไร่ที่หัวหินให้เป็นคอมมูนิตี้สีเขียวใกล้ชิดธรรมชาติที่อบอุ่นเป็นกันเองเหมือนสวนหลังบ้านที่เปิดกว้างให้ทุกคนในเมืองใหญ่สามารถสัมผัสการใช้ชีวิตแบบยั่งยืนที่เป็นมิตรกับธรรมชาติและเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตเมืองที่พร้อมด้วย Well–Being เพื่อบ่มเพาะ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตสีเขียวแห่งการรักษ์โลกให้คนเมืองเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยผลักดันให้กรุงเทพฯ และหัวหินเป็นเมืองแห่งอยู่อาศัยอย่างยั่งยืนแห่งอนาคตได้ (A Sustainable City of the Future)
นท พนายางกูร พูดถึงเมืองน่าอยู่ในความคิดเห็นของเธอว่า เมืองที่ดีควรมีความสมดุลระหว่างความเจริญและที่พื้นที่สีเขียว ผู้คนในเมืองก็ควรต้องใช้ชีวิตที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติ แต่สภาพของสังคมเมืองใหญ่ของไทย วันนี้ เหมือนเราตัดขาดจากธรรมชาติ มีแต่สิ่งปลูกสร้างเต็มไปหมด อยากให้กรุงเทพฯมีต้นไม้มากกว่านี้ แต่จะดีมากกว่าถ้าเรามีพื้นที่สีเขียวในเมืองที่ไม่ใช่แค่สวนสาธารณะที่ปลูกต้นไม้สวยงาม แต่เป็นพื้นที่สีเขียวที่ปลูกความรับผิดชอบต่อโลก ต่อสิ่งแวดล้อม ให้กับคนเมืองด้วยการพัฒนาพื้นที่ว่างกลางเมืองให้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้การใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติผ่านการปลูกผัก การกิน การแบ่งปัน การใช้เวลาร่วมกัน เมื่อคนเห็นความสำคัญของธรรมชาติ ความคิดที่อยากรักษาธรรมชาติก็จะตามมา อยากให้พื้นที่สีเขียวแบบ Sansiri Backyard นี้เกิดขึ้นเยอะ ๆ ในกรุงเทพฯ เมืองของเราก็จะน่าอยู่ยิ่งขึ้น
จงสฤษดิ์ คุ้นวงศ์ ทายาทรุ่นที่ 3 ของไร่กำนันจุล เล่าว่า จากประสบการณ์การทำกสิกรรมวิถียั่งยืน นอกจากผลสำเร็จทางด้านธุรกิจแล้ว สิ่งที่ภูมิใจมากไปกว่านั้น คือการที่เราได้ผลผลิตปลอดสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและได้มีส่วนช่วยให้เกิดความสมดุลของธรรมชาติผ่านการทำฟาร์มแบบหมุนเวียนภายใต้แนวคิด Zero Waste เกษตรเกื้อกูลของเสียเป็นศูนย์ ดีใจที่ภาคเอกชนอย่างแสนสิริให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตคนเมืองที่โหยหาพื้นที่สีเขียวและคุณภาพชีวิตที่ดีจากการทานอาหารจากผลผลิตธรรมชาติที่ปลอดสารพิษ เพราะสิ่งนี้ไม่ได้ดีแค่กับผู้คนแต่ดีกับโลกของเราด้วย
เจตน์ โศภิษฐ์พงศธร เซเลบหนุ่มที่เริ่มต้นทำเกษตรอินทรีย์ จากการเห็นคุณค่าของอาหารที่เติบโตในสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ปลอดภัยจากสารเคมี บอกว่า ความสุขที่ได้รับจากการทำสวนเกษตรอินทรีย์นั้นคุ้มค่า แบบที่ไม่สามารถตีเป็นราคาได้เลย เกษตรพอเพียงทำให้วิถีชีวิตอยู่ในสมดุล ใช้ชีวิตแบบพอเหมาะพอดีกับตน ทำอะไรให้สอดคล้องกับธรรมชาติ ผมดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการไม่ทำร้ายโลกของเรา ซึ่งคนในเมืองจำนวนน้อยที่เข้าใจแนวคิดนี้ การเปลี่ยนพื้นที่ว่างมาเป็นพื้นที่สีเขียวของแสนสิริที่ส่งเสริมให้คนเรียนรู้วิถีชีวิตในเมืองใหญ่ที่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบยั่งยืนถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่วนช่วยผลักดันให้คนเมืองเข้าใจความสำคัญของธรรมชาติและเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีสุขได้
“แสนสิริอยากให้คนเมืองให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตคุณภาพและเป็นมิตรกับธรรมชาติเพื่อจุดประกายให้ภาคส่วนต่างๆร่วมกันผลักดันให้กรุงเทพฯและหัวหิน เป็นเมืองใหญ่ที่มีเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต (A Sustainable City of the Future) ไม่ใช่แค่เพื่อโลก แต่เพื่อเราทุกคนสามารถมีชีวิตที่เปี่ยมด้วยสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีด้วย ทั้งนี้ สามารถสัมผัสคอมมูนิตี้สีเขียวใกล้ชิดธรรมชาติที่เปิดกว้างในการเรียนรู้นิยามใหม่แห่งความยั่งยืน เพื่อโลก เพื่อเรา ณ Sansiri Backyard@T77 และ Sansiri Backyard @Hua Hin ได้ในเดือนตุลาคมนี้ ” จริยา กล่าวสรุป