กิติบดี ช่อทับทิม คว้าแชมป์ “ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2019”

Home / ข่าวและกิจกรรมดารา / กิติบดี ช่อทับทิม คว้าแชมป์ “ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2019”

        หลังจาก บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดศึกการแข่งขันรอบสุดท้าย “ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส ไทยแลนด์ 2019” (DIAGEO Reserve World Class Thailand 2019) ที่สุดของการประชันฝีมือในการรังสรรค์เครื่องดื่มระดับประเทศ ภายใต้การสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและแคมเปญ “Amazing Thailand” สร้างมาตรฐานและความสามารถของบุคลากรในวงการค็อกเทลในไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ในที่สุดก็ได้ผลผู้ชนะเลิศ สุดยอดบาร์เทนเดอร์เพียงหนึ่งเดียวที่จะเป็นตัวแทนจากไทยไปชิงแชมป์บนเวทีโลก คือ กิติบดี ช่องทับทิม วัย 35 ปี ท่ามกลางการร่วมแสดงความยินดีจากผู้คนในแวดวงเครื่องดื่มทั่วฟ้าเมืองไทย อาทิ รณภร คณิวิชาภรณ์, วีรศักดิ์ ชุณหจักร, เจน แก้วยอด ฯลฯ โดยการประกาศผลจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา ณ ห้อง Grand Ballroom โรงแรมโซ โซฟิเทล กรุงเทพฯ

    

 

        สำหรับการประกาศผลการแข่งขันอันทรงเกียรติของเหล่าบาร์เทนเดอร์ยอดฝีมือจากทั่วประเทศไทยประจำปีนี้ เริ่มต้นด้วยการเปิดเวทีการแข่งขันตั้งแต่เดือนมกราคมในจังหวัดเชียงใหม่ ตามด้วยภูเก็ตและเกาะสมุยในเดือนกุมภาพันธ์ แล้วจึงปิดท้ายด้วยกรุงเทพมหานครในเดือนเมษายน จนได้ผู้เข้ารอบจำนวน 33 คนมาร่วมกิจกรรม Master Class เพื่อฝึกอบรมเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะความสามารถด้านการผสมเครื่องดื่มในแบบฉบับเวิลด์คลาส ก่อนจะลงสนามประชันฝีมือกันอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วงชิงการเป็น 7 บาร์เทนเดอร์ ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์ที่ได้สิทธิ์ขึ้นสังเวียนไปชิงชัยรอบสุดท้ายของประเทศเพื่อดำรงตำแหน่ง Bartender of the Year

    

        มร.อเล็กซ์ซานเดอร์ คาลโรล ผู้อำนวยการฝ่ายขายกลุ่มผลิตภัณฑ์รีเสิร์ฟ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะเลิศในวันนี้ที่จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลก อย่างที่ทราบกันดีว่า ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ เวิลด์ คลาส คือการแข่งขันบาร์เทนเดอร์อันดับหนึ่งที่สร้างแรงบันดาลใจแก่บาร์เทนเดอร์มาแล้วในกว่า 60 ประเทศทั่วโลกและประเทศไทยก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2011 โดยไม่เพียงเป็นเวทีที่ค้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ไทยไปแข่งขันชิงแชมป์บาร์เทนเดอร์ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาศักยภาพ ทักษะฝีมือ และความสามารถของเหล่าบาร์เทนเดอร์ที่เข้าร่วมโครงการฯ จากทั่วประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าผู้ชนะเลิศจะได้รับสุดยอดประสบการณ์ที่ท้าทายในการเข้าแข่งขันกับสุดยอดบาร์เทนเดอร์จากประเทศต่างๆ ณ เมืองกลาสโกว์ ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้อีกด้วย ”

    

 

        ทั้งนี้บรรยากาศการประกาศผล ที่กว่าจะได้ผู้ชนะเลิศนั้น ต้องผ่านการทดสอบฝีมือรังสรรค์เครื่องดื่มแก้วพิเศษจากโจทย์ต่างๆ ซึ่งได้รับการรับการตัดสินจากคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายแวดวงธุรกิจ ในที่สุดก็ได้ผู้คว้าตำแหน่งชนะเลิศ คือ กิติบดี บาร์เทนเดอร์หนุ่มวัย 35 ปี Head Bartender แห่ง Liberation และ Co-Partner Backstage Cocktail Bar โดยเขาเผยถึงเคล็ดลับการได้เป็นแชมป์ซึ่งถือเป็นปีที่ 6 ที่เขาเข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้ ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ ทำให้เขาสามารถคว้าอันดับ 1 มาครองได้อย่างสำเร็จ

   

        “การแข่งขันในแต่ละปีของผมไต่อันดับดีขึ้นเรื่อยๆ คือเข้ารอบ จากท็อป 30 ท็อป 17 ท็อป 4 และพ่วงรางวัลบาร์เทนเดอร์ทีมออฟเดอะเยียร์ จากนั้นขึ้นมาอันดับ 3 และ 2 มาปีนี้ไต่มาได้ที่ 1 ถ้าเป็นคนอื่นคงเลิกล้มความตั้งใจไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับผม ผมอยู่วงการนี้มา 14 ปี บางงานผมไปเป็นคณะกรรมการ บางงานไปเดินดู บางงานผมเป็นผู้เข้าแข่งขัน ซึ่งผมรู้สึกสนุกกับการเป็นผู้เข้าแข่งขันที่สุด การแข่งขันทุกครั้งคือการได้แข่งกับตัวเอง คือต้องทำให้ดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว โดยหาข้อผิดพลาด หาวิธีแก้ไข และทำใหม่ ชัยชนะวันนี้ผมมองว่าคือกำไรมากกว่า ผมเคยถูกหลายคนที่มองว่า จะแข่งทำไมในเมื่อผมอยู่ตรงจุดนี้แล้ว แข่งแพ้ก็เจ็บตัวเปล่า ๆ แต่สำหรับผมมองว่าที่แพ้ก็คือคนที่ไม่ได้ลงแข่งแต่พูดถึงคนที่กำลังพยายามอยู่ ”

    

 

        สำหรับหมัดเด็ดที่ชนะใจคณะกรรมการและท้าทายเขามากที่สุดด้วยผลคะแนนการทำตามโจทย์และสร้างสรรค์สูตรการทำเครื่องดื่มที่ดีที่สุดในมุมมองของเขาคือ การ Pairing เครื่องดื่มเข้ากับอาหารไทยซึ่งโจทย์อาหารที่เขาได้รับคือ “หลนปู” เขาจึงสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่สามารถกินกับหลนปูที่จะช่วยดับความเลี่ยนของกะทิได้ ซึ่งแรงบันดาลใจมาจากเครื่องเคียงที่กินกับหลนปูคือกินได้ทุกอย่าง ยกเว้น “กระดองปู” กิติบดีจึงนำกระดองปู มากลั่นเป็นน้ำแร่ที่อุดมด้วยแคลเซียม ผสมกับขมิ้นขาว ชาคาร์โมมายด์ เพื่อให้เข้ากับซิงเกิ้ลมอลต์ที่มีรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์อย่าง The Singleton of Duffton 12 years จนได้เป็นดริงค์แบบคลีนๆ เสมือนการล้างปากให้มีกลิ่นของดอกไม้อบอวลอยู่ภายใน

    

        ทั้งนี้ กิติบดี จะได้เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันกับสุดยอดบาร์เทนเดอร์จากประเทศต่างๆ ในการชิงแชมป์ บาร์เทนเดอร์ระดับโลกที่ประเทศสก็อตแลนด์ สหราชอาณาจักร ในเดือนกันยายน ศกนี้