โซนี่ พิคเจอร์

3 ผู้บริหาร โซนี่ฯ เผยสถานการณ์หนัง ปี 2019

Home / ข่าวและกิจกรรมดารา / 3 ผู้บริหาร โซนี่ฯ เผยสถานการณ์หนัง ปี 2019

ไฮไลต์หนังเข้าส่งท้ายไตรมาสสุดท้าย รวมถึงเปิดแผนหนังใหญ่ปี 2020 อนาคตของสไปเดอร์แมน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ เฟิร์สคลาสเลาจน์ โรงภาพยนตร์เอส เอฟเวิลด์ ซีเนมา โดย มิสเตอร์ เบร็ดด์ ฮ็อกก์ (Mr.Brett Hogg ) รองประธานบริหารอาวุโส ฝ่ายจัดจำหน่ายอินเตอร์เนชันแนลภาคพื้นเอเชีย บริษัท โซนี พิคเจอร์ รีลีสซิ่ง อินเตอร์เนชันแนล (Senior VP International Distribution Asia Sony Picture Releasing International)คุณรชต ธีระบุตร กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่ โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์ (ประเทศไทย) จำกัด คุณดุจดาว พรหโมบล ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (ประเทศไทย) จำกัด ทิศทางวงการภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย

Q:สถานการณ์หนังของโซนี่ฯ ในปี 2019 เป็นอย่างไรบ้าง
คุณเบร็ดด์-ในเอเชีย เรามีส่วนแบ่งถึง 60 เปอร์เซ็นต์ของภาพรวมทั้งหมด ไทยปีนี้ก็ดีและน่าจะได้มากกว่า ปีที่แล้ว ตลาดหนังเมืองไทย ค่อนข้างแข็งแรง โดยเฉพาะหนังไทย และเราได้ส่วนแบ่งถึง 10 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2018 เราทำได้ค่อนข้างสูง 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในฐานะสตูดิโอผู้สร้างหนังเราต้องรับมือกับเรื่องนี้ เน้นที่การทำโปรดักท์คือตัวหนังของเราที่ควรค่าให้คนดูออกไปดูจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ ท้ายที่สุดแล้ว product is the king คือตัวหนังเป็นหัวใจสำคัญ ถ้าคุณทำหนังที่ใช่ คนอยากออกมาดู คนก็มักจะออกมาดูในโรงอยู่ดีนะ ซึ่งเราต้องวางกำหนดการฉายให้เหมาะ ให้ลงตัวกับช่วงวันหยุดยาว เทศกาลต่างๆ และทำตลาดให้ตรงกับกลุ่มคนดู และให้คนดูได้รู้จังหวะพอดีกับที่หนังออกฉายในโรง สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เรากำลังเผชิญกับโลกที่วิ่งเร็วมากในยุคสื่อโซเชียลมีเดียทุกวันนี้ ที่มันแตกต่างจากสื่อเก่า อย่าง ทีวี และวิทยุ ซึ่งทางเราต้องทำการตลาดแบบโมเดิร์น เราเจอการแข่งขันจากรอบด้าน แต่ท้ายที่สุดมันก็ยังอยู่ที่ตัวหนัง คือถ้าโปรดักท์มันดี มันใช่ คนก็ยังอยากออกจากบ้านมาดูในโรงภาพยนตร์นะ

Q:ในปี 2019 มีหนังเรื่องไหนของโซนี พิคเจอร์ส ที่ทำรายได้ไม่ถึงเป้าบ้างไหม?
คุณเบร็ดด์-ไม่มีนะครับ (หัวเราะ) ถ้าเราสามารถทำนายได้ว่าหนังเรื่องไหนจะทะลุเป้าหรือฮิต ผมคงจะต้องเกษียณไปหลายปีแล้วล่ะ หนังบางเรื่องที่เราไปดู อาจจะฟอร์มไม่ดีเท่าที่คาดหวังไว้ และบางเรื่องก็ฟอร์มดีมากสุดๆ สำหรับปีที่ผ่านมา(2018) หนังอย่าง Spider-Man into Spider-verse (สไปเดอร์แมน อินทู สไปเดอร์เวิร์ส) ทำรายได้ดีที่สุดในบรรดาหนังแอนิเมชั่นของเราในเมืองไทย และหนังยังคว้ารางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมเมื่อต้นปีด้วย ซึ่งเราก็ตามติดๆ ด้วยการส่งหนังอย่าง Men in Black International (เมนอินแบล็ค อินเตอร์เนชันแนล) ซึ่งทำรายได้ดีมากในภูมิภาคนี้นะ และหนังในตระกูลนี้ หนังภาคต่อแบบนี้ Spider-Man : Far From Home(สไปเดอร์แมน ฟาร์ฟรอมโฮม)เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดของโซนี ซึ่งสไปเดอร์แมนไปโผล่ในจักรวาลหนังมาร์เวลของค่ายมาร์เวล เช่นเดียวกับหนังสแตนด์อะโลนของโซนี่เราเองด้วย มันประสบความสำเร็จมาก เป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของค่ายโซนี่เลย ในไทยปลายปีนี้ เรายังมีหนังดีๆ ที่เตรียมไว้ เริ่มจากสัปดาห์นี้ (28 พย) เราจะมีหนัง Charlie’s Angels ( นางฟ้าชาร์ลี) ออกฉาย และต่อด้วย The Angry Birds Movie 2 ซึ่งหนังทำรายได้ดีในประเทศอื่นๆของเอเชียนะ สุดท้ายจะเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ Jumanji : The Next Level (นำแสดงโดย ดเวย์น จอห์นสัน) เดือนธันวาปีนี้ ซึ่งพอมองภาพรวมแล้ว โซนี่มีหนังฮิตมากกว่าหนังที่ล้มเหลวนะครับ

Q:คุณคิดว่าประเทศไทย มีความต่างจากประเทศอื่นยังไง ในด้านการทำตลาดและการจัดจำหน่ายหนัง สำหรับฉายโรงภาพยนตร์?
คุณเบร็ดด์-ตลาดหนังในไทยต่างจากที่อื่นๆแถบเอเชีย เพราะ ธุรกิจโรงภาพยนตร์เริ่มขยายตัวจริงๆเริ่มตอนยุค 80 และก็โตมามากมาย จนตอนนี้เมืองไทยมีโรงหนังระดับเวิลด์คลาสเลย ซึ่งมันมีไม่กี่แห่งในโลกนี้หรอกที่จะเจอโรงภาพยนตร์ระดับนี้ ซึ่งมันเป็นจุดหมายปลายทางบันเทิง ซึ่งเป็นจุดขายสำคัญมากๆของไทยในตลาดภาพยนตร์ และเมืองไทยมีลักษณะพิเศษไม่เหมือนใครในโลกคือ มีเครือโรงหนังหลักเป็นผู้เล่นหลักในธุรกิจแค่ 2 เครือใหญ่ ครองตลาด ขณะที่อื่นๆ จะมีผู้ประกอบการหลายรายกว่านี้ ขณะที่โซเชียลมีเดียก็เร็ว สื่อโซเชียลมีเดียในไทยล้ำหน้าไปกว่าประเทศอื่นๆในเซาต์อีสต์เอเชียเยอะมาก และมีผลในเชิงธุรกิจมากกว่าประเทศอื่นๆ ถือว่านำหน้ามากกว่าใครแถบนี้

Q:ปี 2020 โซนี่จะมีหนังไฮไลต์อะไรบ้างที่จะเข้าฉายในเมืองไทย
คุณเบร็ดด์-เรามีไฮไลต์เยอะมากสำหรับ ปี 2020 มีหนังภาคต่อชุด Bad Boys ที่ วิล สมิธ และมาร์ติน ลอว์เรนซ์ จะกลับมารับบทเดิม (จากหนังดังยุค 90)และเราจะได้ทำหนัง Bloodshot ที่มี วิน ดีเซล นำแสดง และเราจะมีภาคต่อของหนังผสมไลฟ์แอคชัน(คนแสดง)กับตัวละครแอนิเมชันเรื่อง Peter Rabbit ที่ภาคแรกทำได้ดี และหนังที่ผมตื่นเต้นมากคือ Ghostbusters เพราะมันเป็นกลับมาของ เจสัน ไรต์แมน ลูกชายของไอวาน ไรต์แมน ผู้กำกับหนัง Ghostbusters ต้นฉบับ เจสันมากำกับเองต่อยอดงานต้นฉบับที่พ่อเขาสร้างไว้เองเลย โดยเรื่องราวต่อเนื่องหลังจากต้นฉบับออกฉายเมื่อ 30กว่าปีก่อน และสำหรับโปรเจคต์ที่เป็นหนังจากตัวละครมาร์เวลสร้างโดยโซนี่ (โซนี่มาร์เวล ยูนิเวิร์ส) มี 2 เรื่องปีนี้ ซึ่งปี2017 เราส่ง Venom ได้เปิดตัวคาแรคเตอร์ใหม่จากจักรวาลหนังมาร์เวล และทำได้สำเร็จ โดยไม่ต้องมีตัวละครอื่นๆที่เคยปรากฏบนจอใหญ่มาแล้วของจักรวาลมาร์เวลอยู่ในหนังเลย เราไม่ต้องมีสไปเดอร์แมนในหนัง Venom เลย ตัวละครต่อไปจากมาร์เวลที่เราจะเปิดตัวครั้งแรกในหนังใหญ่ (ของโซนี่)คือ มอร์เบียส (Morbius) ตัวละครใหม่ที่ยังไม่เคยปรากฏในหนังเรื่องใดมาก่อน และอันที่จริง ตัวละครของมาร์เวลมีทั้งหมด 930 ตัว ที่โซนี่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียว เราก็จะทยอยปล่อยหนังที่เปิดตัวละครที่เหลือออกมาอย่างต่อเนื่องแน่นอน และเราจะปล่อยหนัง Morbius ออกมาเร็วๆนี้ ตามด้วย Venom ภาค 2 ที่ได้ ทอม ฮาร์ดี้ กลับมารับบทเดิม ผมยินดีที่จะบอกว่าตลาดหนังแถบนี้เป็นตลาดหลัก รายได้ดีที่สุดในทั่วโลกสำหรับ Venom นะ ซึ่งในจีนทำรายได้สูงกว่ารายได้ในสหรัฐฯอีก ซึ่งแสดงศักยภาพของตัวละครนี้ได้ดีทีเดียว
และอีกเรื่องที่น่าจะทำรายได้ดีในไทยคือMonster Hunter ที่ได้ มิลลา โจโววิช นางเอกดังจากหนังภาคต่อ Resident Evil จะกลับมารับบทแอ็คชั่นประกบคู่กับ โทนี จา (จา พนม)ถ้าคนไทยไม่ชอบล่ะก็ ผมก็ไม่รู้แล้วว่าจะตีตลาดไทยยังไทย นอกจากนี้ก็มีโปรเจคต์ที่เป็นการร่วมทุนสร้าง เป็นเรื่องแรก ที่จะมีมังกร ซึ่งมีกำหนดคร่าวๆ ว่าจะเริ่มถ่ายทำในช่วงครึ่งปีหลัง จบด้วยโปรเจคต์ที่ดัดแปลงจาก Uncharted เกมยอดฮิตทางโซนี เพลย์สเตชัน เรื่องนี้ได้ ทอม ฮอลแลนด์ พระเอกสไปเดอร์แมน มารับบทนำและจะเป็นหนังแนวแอ็คชั่นเต็มรูปแบบเลย ตอนนี้ยังเผยรายละเอียดอื่นๆมากกว่านี้ไม่ได้

Q:การมาของสตรีมมิง มีผลกระทบมากไหม?
คุณตู่ : มีผลมาก เพราะหนังที่คนดูจะออกไปดูโรงต้องเป็นสเกลใหญ่ แต่โซนี่เรามีหลายแบรนดิ้ง คงไม่มีใครดูหนังแอ็คชั่นได้ตลอด เราก็ต้องมีหนังเด็ก หนังแฟมิลี่บ้าง เมื่อก่อนเราก็มี โซนี่ คลาสสิก ซึ่งตอนนี้เราจัดฉายกับโรงภาพยนตร์เฮ้าส์ มันมีผลอยู่แล้ว แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกหนังไหนเข้าโรง

คุณรชต : ยุคนี้ทางสตูดิโอก็ สร้างงานที่ควรค่าแก่การเสียเงินในโรง คนดูจะไปดู ทางสตูดิโอก็ต้องสร้างโปรดักท์ให้เหมาะสม กับความคาดหวังคนดู

คุณเบร็ดด์ : สตรีมมิ่งมันเปลี่ยนการเข้าถึงคอนเทนต์บันเทิงของคนดู ในส่วนของสตูดิโอ โซนี่ยังไม่ได้เปิดแพลตฟอร์มสตรีมมิง ที่สตูดิโอคู่แข่งๆหลายรายเปิดกันไปแล้ว แต่มันมีผลกระทบกับเราในแง่ที่ว่า เราเข้าสู่ ยุคของคอนเทนต์เอ็กซคลูซีฟว์ หมายถึง แพลตฟอร์มในการได้ประสบการณ์ชมภาพยนตร์ที่แรกคือเฉพาะในโรงภาพยนตร์เท่านั้น แต่หลังจากผ่านช่วงเวลานั้นแล้วก็เป็นช่องทางอื่นๆ สำหรับเรา เรามองแง่บวกในฐานะเราเป็น ผู้ผลิตคอนเทนท์คือหนัง เราไม่ได้ผลิตงานเพื่อป้อนแค่ช่องทางใดช่องเดียว เรามีทีวีซีรีส์ และมีช่องทางหลายๆ ช่อง ที่มีครบทุกช่อง เพื่อกระจายงานของเรา เราไม่ได้เสียแพลตฟอร์ม(ช่องทางในการฉายหนัง) แต่เราถือได้มีการจัดการแต่ละช่องทางแบบเอ็กซคลูซีฟว์ไว้ด้วย ในอนาคตก็อาจต้องดูต่อไป แต่เราในฐานะคนผลิตเนื้องาน เราก็คงยังอยู่ต่อแน่นอน และ(สตรีมมิ่ง)น่าจะมีผลกระทบกับหนังซีรีส์ที่เล่าต่อเนื่องเป็นตอนๆ มากกว่า สำหรับภาพยนตร์ฉายในโรงหรือภาพยนตร์เรื่อง มันกลับเป็นข้อดีที่เปิดช่องทางหลากหลายเพิ่มขึ้น มากกว่า ในส่วนจะเปิดสตรีมมิงเองคงยังไม่ใช่เวลาเหมาะ เพราะมันน่าเป็นความเสี่ยงมากเกินไป จากมุมมองของหนัง คือเราได้แพลตฟอร์มมากขึ้น และถือว่าเป็นการได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์

Q:หนังเรื่องไหนของโซนี่ที่เป็นเซอร์ไพรส์ฮิต ที่มีผลต่อการทำหนังต่อไป
คุณเบร็ดด์ : Spider-Man : Far From Home สไปเดอร์แมน ฟาร์ฟอร์มโฮม ทำรายได้ดีมากๆ ถ้าจำไม่ผิดนี่เป็นครั้งที่สองที่เราทำ และตัวละครนี้ก็ไปโผล่ในหนังของมาร์เวล 3-4 ครั้งแล้ว แต่สไปเดอร์แมนมีความพิเศษบางอย่าง ในบรรดาหนังตระกูลซูเปอร์ฮีโร่ คนดูยังกลับมาดูหนังสไปเดอร์แมนทุกภาคที่มีการสร้าง จากสถิติหนัง 7 เรื่องของสไปเดอร์แมน หนังของเราทำรายได้สูงสุด ผลลัพธ์ดีมาก และเราก็ยังรอที่จะดูภาคต่อๆไปของสไปเดอร์แมนอีก และจากปีที่แล้ว แม้หนังที่ทำรายได้ไม่ถึงกับถล่มทลายในเอเชีย แต่มันเป็นหนังที่มีความสำคัญมากๆสำหรับโซนี่ฯ คือ Once Upon A Time in Hollywood ของเควนติน ทาแรนติโน ทุกสตูดิโออยากได้เควนติน แต่เควนตินเลือกโซนี่ เพราะเรายอมให้เขาทำงานที่เป็นออริจินัล นอกจากเราจะมีหนังที่กลุ่มเป้าหมายเด็กต่ำกว่า 13 ปีและหนังภาคต่อแล้ว เราก็ยังลงทุนกับหนังแนวอาร์ตด้วย ที่จะเป็นออริจินัล คอนเทนท์ เป็นงานลิขสิทธิ์ต้นฉบับบนจอภาพยนตร์ เพื่อต่อลมหายใจให้กับงานภาพยนตร์(ที่มากกว่างานตลาดจ๋า)ด้วย เพราะฉะนั้นสำหรับเรา Once Upon A Time in Hollywood ในแถบเอเชีย จึงจัดฉายเป็นหนังคนดูเฉพาะกลุ่มแบบจำกัด (niche market)มากกว่าในตลาดอเมริกาหรือที่อื่นๆ และมันเป็นหนังที่มีความสำคัญมากสำหรับโซนี เราก็ทำตลาดที่เหมาะสม และได้ผลดีพอสมควร

คุณรชต : ผมขอเสริมจากคุณเบร็ดด์ ว่า Spider-Man into Spider-verse (สไปเดอร์แมน สไปเดอร์เวิร์ส) ทำได้ดีเกินคาดมากในประเทศไทย กลายเป็นหนังแอนิเมชันที่ทำเงินได้สูงสุดของค่ายโซนี่เลย และหนัง Zombieland ที่เป็นภาคต่อนะ ตอนภาคแรกเราไม่ได้เอาฉายในบ้านเรานะ พอมันมีหนังภาคสองก็ยิ่งยากเลย แต่พอฉายภาคสองกลับประสบความสำเร็จ รายได้ไม่ได้อู้ฟู่มาก แต่ผลลัพธ์มันแสดงให้เห็นว่า เราทำมาร์เก็ตติ้งถูกทางนะ ทำให้หนังประสบความสำเร็จกว่าหนังหลายเรื่องที่มีภาค 1 กับภาค 2 อยู่ที่มาร์เก็ตติ้ง

คุณตู่ : Zombieland มันก็แปลกมาก เพราะหนังมันไม่มีผีสักตัว แต่บางทีเราพยายามใส่ความเป็นหนังซอมบี้ เราไม่ได้หลอกคนดู แต่เราทำออนไลน์แคมเปญ ที่ใส่ความเป็นซอมบี้ ที่มันมากกว่าที่เขาทำตลาดในอเมริกา ก็ประสบความสำเร็จนะ

คุณเบร็ดด์ : หนังใหม่ของโซนี่อีกเรื่องที่ผมอยากชูเป็นไฮไลต์ เป็นหนังที่ยังไม่ออกฉาย คือเรื่อง Little Woman ผมอยากโชว์เรื่องนี้เป็นไฮไลต์ เพราะว่า ผมดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว 4 รอบ และทุกครั้งที่ผมดูมันสะเทือนอารมณ์มาก ถ้าไปดูต้องดูกระดาษทิชชูเป็นกล่องไปด้วยนะ เพราะหนังมันเศร้ามาก แต่มันเป็นเศร้าที่เป็นเรื่องเชิงบวก มันเป็นเรื่องที่โดนใจ แบบคนดูดูแล้ว ต้องออกจากโรงด้วยความรู้สึกสะเทือนใจบางอย่างแน่นอน
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนัง Litte Women ออกฉาย มันเคยถูกทำมาก่อนนี้แล้ว แต่ผมบอกได้เลยว่า เวอร์ชั่นนี้จะต้องได้รับความสนใจจากสายเวทีรางวัลแน่นอน และมีศักยภาพที่จะแข่งขันในช่วงฤดูกาลมอบรางวัล และบอกได้เลยว่าต่อให้คุณเคยดูเวอร์ชั่นอื่นๆมาแล้ว คุณควรจะไปดูเวอร์ชันนี้ มันสุดยอดจริงๆครับ

Q โซนี่มีแผนอะไรเกี่ยวกับสไปเดอร์แมนภาคต่อในอนาคตบ้างไหม?
คุณเบร็ดด์ : มีแผนเยอะเลยล่ะ และเราก็ยังจับมือกับมาร์เวลเหนียวแน่น จะร่วมมือกันต่อ กับทั้งค่ายดิสนีย์และการร่วมในจักรวาลหนังมาร์เวล และสไปเดอร์แมนจะไปโผล่ในหนังมาร์เวล พร้อมๆกับ มีหนังฮีโร่เดี่ยวกับโซนี่ด้วย และที่สำคัญเราหวังจะสร้างจักรวาลหนังมาร์เวลของโซนี่ (Marvel’s Sony universe) พัฒนาตัวละครอื่นๆ และหนังเรื่องใหม่ในอนาคต อย่างหนังเรื่อง Morbius (มอร์เบียส)และมีโอกาสที่จะครอสโอเวอร์กันเรื่อยๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็ขึ้นอยู่กับว่า คนดูตอบรับหนังเหล่านี้ยังไงบ้าง ที่แน่นอนคือมีแผนใหญ่ในอนาคตสำหรับสไปเดอร์แมน และอย่าลืมว่าเรามีคาแรคเตอร์จากมาร์เวลคอมมิกอีก 930ตัว ที่เราเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์(ทำเป็นหนัง)แบบเอ็กซคลูซีฟว์ ที่รอให้พัฒนาต่ออีกหลายเรื่อง

Q โซนีจะมีอะไรเซอร์ไพรส์ ที่จะทำให้ Venom มันใหญ่ขึ้นอีกไหม?
คุณเบร็ดด์ : มีครับ ถ้าจำได้ จะเห็นว่าในตอนจบของVenom ภาคแรก โดยเฉพาะตัวละคร (คลีตุส คาซาดี) ที่แสดงโดย วูดดี้ ฮาเรลสัน น่าจะมีพิเศษในหนังภาคต่อไป นอกเหนือจากนั้น เรายังบอกอะไรมากไม่ได้ เพราะเรามีนโยบายเข้มงวดห้ามสปอยล์เด็ดขาด แต่เราเตรียมบิ๊กเซอร์ไพรส์ไว้แน่นอนสำหรับหนังแนวๆนี้ แน่นอนว่าจะมีอะไรใหญ่ๆ