จี๊บ เทพอาจ

จี๊บ เทพอาจ เผยเบื้องลึกความสำเร็จ 12 ปี “ฟูลมูน” ผู้นำตลาด RTD ในไทย

Home / ข่าวและกิจกรรมดารา / จี๊บ เทพอาจ เผยเบื้องลึกความสำเร็จ 12 ปี “ฟูลมูน” ผู้นำตลาด RTD ในไทย

เดินทางต่อเนื่องมาถึงปีที่ 12 อย่างสวยงาม สำหรับแบรนด์แห่งสัญลักษณ์ “พระจันทร์เต็มดวง” “ฟูลมูน” ในตลอดระยะเวลา 12 ปี มักจะนำเสนอจุดเด่นด้วยการสร้างไอเดียแปลกใหม่ที่ล้วนมาจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัย สะท้อนความสดใส และส่องสว่าง เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่เติบโตไปพร้อมกับวัยรุ่นทุกยุคสมัยอย่างแท้จริง

ฟูลมูนนั้นอยู่ภายใต้ บริษัท รอยัล เกทเวย์ จำกัด โดยมี คุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นหัวเรือใหญ่ที่สร้างให้ฟูลมูนครองใจวัยรุ่นทั้งประเทศได้อย่างต่อเนื่องมาตลอด 12 ปี โอกาสนี้ ได้พูดคุยกับ คุณจี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์ ถึงประวัติความเป็นมาของฟูลมูน ณ จนถึงวันนี้ที่เติบโตมากว่า 12 ปี เล่าด้วย ประสบการณ์การบริหารที่เข้าใจธุรกิจนี้อย่างถ่องแท้ ผู้ที่นำฟูลมูนประสบความสำเร็จครองใจกลุ่มลูกค้าในตลาด

ฟูลมูนแบรนด์ที่สร้างตัวตนอย่างเข้าใจคนในทุกยุคสมัย
ตลอดระยะเวลา 12 ปี ในด้านการสื่อสารของทุกแคมเปญภายใต้ฟูลมูน แบรนด์จะมีจุดเด่นคือ การที่เราเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค ที่ปรับเปลี่ยนตามกาลเวลาและยุคสมัยตลอดเวลา แบรนด์ฟูลมูนจึงมีการปรับเปลี่ยนการสื่อสารให้เข้ากับกลุ่มผู้บริโภคเรื่อยมา เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์ที่กำลังเติบโตเคียงข้างไปพร้อมกับวัยรุ่นในแต่ละยุคสมัย

โดยในช่วงแรกๆ ฟูลมูนเลือกนำเสนอตัวตนของแบรนด์ผ่านทางการออกแบบ Packaging ที่แตกต่างด้วยความคลาสสิกสีทองของฉลาก ตามสมัยนิยมแห่งยุคและความชื่นชอบของกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ยังขี้เล่นและสร้างความสนุกซุกซนด้วยการซ่อน Easter Egg เล็กๆ เป็นเจ้ากระต่ายตัวน้อยตรงมุมขวาด้านล่างของโลโก้พระจันทร์ โดยเจ้ากระต่ายค่อยๆเติบโตเปลี่ยนผ่านมาถึงปัจจุบันจนเจ้ากระต่ายมีรูปร่างโตเต็มวัย ในปีที่12 นี้ ฟูลมูนได้รีเฟรชแบรนด์เพื่อสะท้อนจุดยืนว่า ฟูลมูนคือแบรนด์ที่เข้าใจและพร้อมเติบโต และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปพร้อมกับวัยรุ่นในทุกยุคสมัยอยู่ตลอดเวลา

“กระต่าย” สัญลักษณ์ ที่ให้นัยยะสะท้อนพฤติกรรมที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
การสร้างแบรนด์สตอรี่ของฟูลมูนนั้น ฟูลมูนได้สร้างคาแรคเตอร์ของกระต่ายขึ้นมาเป็นตัวแทนของผู้ที่มีชีวิตในโลกปัจจุบันด้วยบุคลิกซุกซนและกล้ากระโดดออกจากกรอบเดิมๆ เปรียบเสมือนกระต่ายคือเพื่อนร่วมเดินทางของวัยรุ่นที่อยู่เคียงข้าง เปิดทุกประสบการณ์ใหม่ไปพร้อมกัน และสร้างภาพจำว่าทุกครั้งที่เห็นเจ้ากระต่ายที่กล้ากระโดดออกมาจากดวงจันทร์คือสัญลักษณ์แห่งความกล้าที่เต็มไปด้วยสีสันและถึงเวลาที่จะออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ

พูดถึงกลยุทธ์ “ป่าล้อมเมือง” การสร้างกระแสปากต่อปาก เป็นยุทธศาสตร์การตลาดที่ประสบความสำเร็จของฟูลมูน แบรนด์
นับตั้งแต่ปี 2552 ได้เปิดกลยุทธ์ทำการตลาดฟูลมูนในประเทศไทยแบบป่าล้อมเมือง เพราะแบรนด์ฟูลมูน เล็งเห็นว่าประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยว ซึ่งคนไทยชื่นชอบการเดินทางคู่กับการดื่มสังสรรค์เสมอ ในวันนั้นย้อนไปประมาณเมื่อ 12 ปี เราเห็นโอกาสในการให้ฟูลมูนเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์การดื่มที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงแต่กลุ่มลูกค้าจากต่างจังหวัดแต่ยังรวมไปถึงกลุ่มลูกค้าในเมืองที่ออกมาท่องเที่ยวต่างจังหวัดด้วย โดยเป้าหมายของแบรนด์ฟูลมูนนั้นคือ ฟูลมูนนั้นจะต้องกลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่จะสามารถสร้างประสบการณ์เติมเต็มสุขในการพักผ่อนระหว่างการท่องเที่ยวในไทยของกลุ่มเป้าหมายในยุคนั้น เราจึงเริ่มวางจำหน่ายสินค้าในพื้นที่ตลาดต่างจังหวัด เริ่มจากโซนแหล่งท่องเที่ยวไปถึงร้านขายของฝากและร้านขายส่งที่นักเที่ยวจะสามาถซื้อสินค้าไปเป็นลังไปดื่มด่ำแบบเบาๆ กับเพื่อนร่วมทริป หลังจากนั้นเราจึงค่อยๆ ขยายตัวอย่างรวดเร็วจากนอกเมือง ขยับมาจนถึงกลางเมือง จนเติบโตและทำให้กลยุทธ์ป่าล้อมเมืองนั้นสมบูรณ์

ถ้าให้พูดถึงผู้บริโภคนั้น เราจะเห็นกลุ่มนักเที่ยวนักเดินทางมักจะเลือกซื้อหาสินค้าฟูลมูนจากร้านขายส่งและร้านสะดวกซื้อบริเวณแหล่งที่พักและนำไปดื่มตามสถานที่ท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงวันหยุดตามเทศกาลของไทยจะปรากฏลังหรือขวดของฟูลมูนอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น ภูเขา ทะเล ดอย น้ำตก ตลาดน้ำ โรงแรม ที่พัก รีสอร์ท แม้กระทั้ง ลานกางเต็นท์ต่างๆ เป็นต้น

ในแง่ของภาพจำคนเมืองกับประสบการณ์การดื่มฟูลมูน อาจพูดได้ว่าครั้งแรกของกลุ่มเป้าหมายคนในเมือง มักจะมีภาพจำในลักษณะการดื่มของฟูลมูน เช่น ไวน์องุ่นที่มาจากวังน้ำเขียวเคยดื่มที่เขาใหญ่ ดื่มแล้วชื่นชอบจนต้องชื้อกลับมาที่บ้าน โดยจะเห็นจากร้านขายของฝากในพื้นที่เที่ยวจนเกิดเป็นกระแสปากต่อปาก ( word of mouth ) ในสมัยนั้นจนเริ่มมีการพูดถึงและความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ จากเพียงชื้อมาเป็นของฝากหรือชื้อมาดื่มที่บ้านกับคนในครอบครัว เติบโตจนเป็นการชื้อกลับมาเพื่อจำหน่าย ทำให้เพียงระยะเวลาไม่นานประมาณ 3-4 ปี ชื่อฟูลมูน ไวน์คลูเลอร์ ครองใจผู้ดื่มทั้งต่างจังหวัดและในเมือง พร้อมภาพจำ รสชาติที่ถูกปาก พร้อมกับความประทับใจในแต่ละทริปที่ตราตรึงในความทรงจำ

11 ปี ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งกับผู้สร้างวัฒนธรรมการดื่มแบบ “On The Go”
ตลอด 11 ปี ที่ผ่านมา ฟูลมูนพยายามสร้างสรรค์วัฒนธรรมการดื่มแบบ On The Go หรือเครื่องดื่มที่สามารถดื่มเติมเต็มความชิวได้ทุกที่ ไม่ว่าจะดื่มในบ้านหรือนำไปดื่มในระหว่างกิจกรรม Outdoor ด้วยคนในยุคนี้ไม่ได้ดื่มสังสรรค์โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นความมึนเมาอีกต่อไป หากแต่เลือกดื่มเพราะชื่นชอบในรสชาติ บางคนดื่มพร้อมกันเติมเต็มประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิต เช่น การดื่มระหว่างท่องเที่ยวซึมซับบรรยากาศและช่วงเวลาที่ประทับใจ ไม่ว่าจะที่ไหนๆ ฟูลมูนสามารถช่วยเติมเต็มบรรยากาศ มิตรภาพในวงสนทนาและเป็นตัวเชื่อมให้พวกเค้าพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันได้อย่างถูกคอ นี่เองคือมนต์เสน่ห์ของเครื่องดื่มฟูลมูน

จากสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจ ฟูลมูนมีการปรับตัว โดยเน้น “สร้างประสบการณ์แคมเปญใหม่ๆ บนโลกออนไลน์”
ในสถานการณ์ปัจจุบัน การดื่ม การสังสรรค์ไม่สามารถทำได้อย่างสะดวก รวมถึงร้านกลางคืนที่ต้องปิดให้บริการ แต่ด้วยการทำตลาดและการสร้างแบรนด์ของฟูลมูนที่เน้นให้คนชื้อกลับไปดื่มที่บ้านหรือนอกสถานที่ต่างๆ ในเวลาพักผ่อนเพื่อเติมฟิลลิ่งความสดชื่นและเพื่อผ่อนคลาย ฟูลมูนจึงเป็นแบรนด์ที่ยังสามารถสร้างการเติบโตขึ้นอยู่ระดับหนึ่งได้แม้ในสถานการณ์โควิด-19

ส่วนในพาร์ทการตลาดฟูลมูนที่นำมาแก้เกมส์ในสถานการณ์โควิด-19 เรายังคงสื่อสารเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆต่อไป แม้แบรนด์ฟูลมูนเราที่เติบโตมาจากแหล่งท่องเที่ยวที่มาคู่กับการเดินทางก็ตาม แต่ในยุคดิจิทัลปัจจุบันคำว่าการเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ๆไม่ได้ถูกจำกัดให้ต้องเป็นเดินทางไปในสถานที่จริง ๆ เสมอไป

ฟูลมูนเชื่อว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเรายังคงสามารถเรียนรู้เปิดประสบการณ์แปลกใหม่ได้อยู่เสมอ ในโลกแพลตฟอร์มออนไลน์ คำว่าการเดินทาง ไม่ได้ถูกจำกัดเพียงแค่ต้องออกรถไปพบเจอสิ่งใหม่อีกต่อไป แต่หากการเดินทางผ่านความคิดบนโลกออนไลน์ ก็ถือเป็นการเดินทางที่เติมเต็มประสบการณ์ได้อีกรูปแบบหนึ่ง เราจึงปรับแคมเปญการสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในช่องทางออนไลน์แพลตฟอร์ม ชื่อแคมเปญ “เติมจันทร์ให้เต็ม” เพื่อเปิดโอกาสให้วัยรุ่นมีโอกาสได้เติมประสบการณ์ความสนุกไปกับการสร้างความทรงจำและประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เต็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้พระจันทร์ดวงเดิมเพียงแต่เกิดขึ้นบนสถานที่แห่งใหม่

เตรียมก้าวสู่ปีที่ 13 ในการเป็นผู้นำแห่ง Brand Creativity Campaign กับกลุ่มเป้าหมาย ขยายช่องทางรุกทุกแพลตฟอร์มออนไลน์
ก้าวสู่ปีที่ 13 ทางฟูลมูนมีแผนที่จะปรับตัว เพิ่มช่องทางการสื่อสารเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียมีหลากหลายช่องทาง บางช่องทางสามารถโต้ตอบกับกลุ่มเป้าหมายและกิจกรรมความประทับใจได้อย่างใกล้ชิด ดังนั้นทางฟูลมูนมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางเชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์ที่เต็มไปด้วย Creative & Innovative เพื่อสร้างสรรค์สินค้าให้ วาไรตี้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสร้างประสบการณ์การดื่มใหม่ๆ ไปพร้อมกับยุคสมัย เพราะโลก New Normal หลังจากสถานการณ์โควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป