มัสแตง คันงาม ดีเจแมน มัดใจใบเตย

Home / ยานยนต์ / มัสแตง คันงาม ดีเจแมน มัดใจใบเตย

เนื่องจาก อดทน ทำงานหนักมานานหลายปีสำหรับ ดีเจแมน หวานใจหนุ่มของนักร้องสาว ใบเตย อาร์สยาม ที่เพิ่งแต่งงานเป็นเจ้าบ่าวป้ายแดง ที่ทุ่มสุดแรงทำงานและเก็บเงิน จนถอยรถรถหรูมัสแตง คันงามออกมาได้สักพักแล้ว มัสแตงถือว่าเป็นรถที่นิยมมากในหมู่ดารานักแสดง ไม่แพงเกินไป ราคาสามารถจับจองมาใช้ได้ ไม่รู้ว่าเพราะ มัสแตงคันนี้รึป่าวที่สามารถหมัดใจสาวใบเตยไว้สำเร็จ จนแต่งงานแต่งการ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาจ้า เราไปทำความรู้จักกับเจ้ามัสแตงกันดีกว่ามีคุณสมบัติ อย่างไร กันบ้างและ มีประวัติความ เป็นมาอย่างไร

  มัสแตง 2.3L EcoBoost

เจ้าม้าคะนองทั้งแรง-ทั้งสวยเป็นอีกหนึ่งความตื่นเต้นที่ผมรู้สึกเมื่อรับหนึ่งในรถสปอร์ตในฝันของคนทั่วโลก “ฟอร์ด มัสแตง” มาทดสอบ “ฟอร์ด มัสแตง” เป็นรถที่วัยรุ่นอเมริกันและทั่วโลกอยากครอบครองที่สุดรุ่นหนึ่ง ด้วยความสวย ความแรง เรียกว่ามากันครบ

รถสปอร์ตรุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกปี ค.ศ.1964 มียอดขายสะสมกว่า 10 ล้านคันทั่วโลก แต่เดิมเป็นรถที่ทำเป็นพวงมาลัยซ้ายเพราะเน้นขายในบ้านเกิดสหรัฐอเมริกาและยุโรป

กระทั่งต่อมาเริ่มขยายตลาดในเอเชียมากขึ้น จึงทำรุ่นพวงมาลัยขวาออกมาเมื่อปี ค.ศ.2015

ในเมืองไทยอาจเคยเห็นรถนำเข้ารุ่นนี้มาบ้าง กระทั่งปีที่แล้ว “ฟอร์ด ประเทศไทย” ตัดสินใจนำเข้ามาทำตลาดเอง มี 2 เครื่องยนต์ คือ รุ่น 5.0L V8 GT Coupe และ 2.3L EcoBoost Coupe กระทั่งต่อมาส่งรุ่นแต่งพิเศษในชื่อ “Performance Pack” เพิ่มลวดลายภายนอก และชุดแต่งอื่นๆ รุ่นที่ผมได้มาทดสอบคือ “2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack”

 ต้องบอกว่าแรกพบสบตาก็ให้อะดรีนาลีนสูบฉีด เพราะสวยและดูสปอร์ตอย่างที่คาดหวังไว้จริงๆ แต่ยังมีกลิ่นอายของรุ่นแรกๆ เรียกว่าคลาสสิคดีทีเดียว

คันที่ได้มาเป็นสีดำ มีเส้นคาดเส้นขวางตั้งแต่ฝากระโปรงพาดผ่านหลังคาไปถึงด้านหลัง

รูปลักษณ์ภายนอกดูปราดเปรียวและโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม ฝากระโปรงหน้าปรับให้แบนราบลงพร้อมช่องระบายอากาศในตัวและดีไซน์กระจังหน้าที่ต่ำลง

ไฟหน้าแบบแอลอีดีโปรเจ็กเตอร์ ไฟเดย์ไทม์แอลอีดีแบบ 3 ขีดล้อกับไฟท้ายอันเป็นเอกลักษณ์ที่ยาวนานของมัสแตง ไฟเลี้ยวเป็นแอลอีดีเช่นกัน

กันชนหลังและดิฟฟิวเซอร์แบบใหม่ช่วยเพิ่มความโฉบเฉี่ยวให้กับด้านท้ายของฟอร์ด มัสแตง มาพร้อมสปอยเลอร์

ต่ำลงมาเป็นท่อไอเสียแยกซ้าย-ขวาอย่างละ 1 ท่อ ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร เป็นแบบ 4 ท่อ

โดยรุ่น 2.3L EcoBoost บริเวณฝากระโปรงหลังติดสัญลักษณ์ “ม้า” แต่ถ้าเป็นรุ่น V8 ขนาด 5.0 ลิตร จะเป็นตัวอักษร “GT”

หลังคาค่อนข้างลาดลงด้านหลังพอสมควร ทำให้ดูสปอร์ตมากขึ้น

ล้ออัลลอยสีดำขนาด 19 นิ้ว หน้ากว้าง 9 นิ้วทั้ง 4 ล้อ ส่วนอีกรุ่น ให้ล้อด้านหลังใหญ่กว่าขนาด 9.5 นิ้ว

ภาพรวมถือว่าดูบึกบึนแต่สปอร์ตในที

ประตูทั้ง 2 บานเปิดได้กว้าง ซึ่งเป็นลักษณะของรถ 2 ประตูอยู่แล้ว เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออก มีกิมมิกเล็กๆ เวลาเปิดประตูจะมีไฟจากใต้กระจกมองข้างส่องลงพื้นเป็นสัญลักษณ์รูปม้า นอกจากดูเท่แล้วยังได้ความปลอดภัยเวลาเปิดประตูตอนกลางคืน

ภายในใช้โทนดำตัดกับสีเงิน พวงมาลัยทรงสปอร์ตระบบไฟฟ้าพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น แผงหน้าปัดแสดงผลดิจิตอล LCD ขนาด 12 นิ้ว จะแสดงข้อมูลโหมดขับขี่แต่ละโหมด คล้ายกับที่มีในรถซูเปอร์คาร์ อย่างรถฟอร์ด จีที การแสดงผลจะเปลี่ยนตามโหมดขับขี่โดยอัตโนมัติ

ตรงกลางเป็นหน้าจอทัชสกรีนกลางขนาด 8 นิ้ว ระบบสื่อสารและความบันเทิงภายใน SYNC 3 ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อและควบคุมสมาร์ตโฟน ระบบเสียง ระบบนำทางและระบบปรับอากาศสั่งงานด้วยเสียงและการสั่งงานด้วยการสัมผัสรองรับทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมลำโพง 12 ตัว และมีซับวูฟเฟอร์ด้วย

ต่ำลงมาอีกนิดเป็นระบบแอร์อัตโนมัติแยกซ้าย-ขวา ปุ่มควบคุมระบบต่างๆ เป็นแท่งๆ ยื่นออกมาแบบคลาสสิค ด้านซ้ายใกล้คนขับเป็นปุ่มสตาร์ต-สต๊อป

คันเกียร์ทรงย้อนยุคนิดๆ ส่วนเบรกมืออยู่ฝั่งซ้ายติดกับเบาะนั่งโดยสารตอนหน้า เนื่องจากเป็นการย้ายพวงมาลัยจากซ้ายมาขวานั่นเอง เช่นเดียวกับที่เปิดฝากระโปรงหน้าอยู่ด้านล่างซ้ายของผู้โดยสารตอนหน้า

แม้จะเป็นรถ 4 ที่นั่งแต่ก็ให้เป็นแบบ 2-2 ที่นั่งจะเหมาะกว่า เพราะด้านหลังนี่คับแคบพอสมควร บวกกับหลังคาที่ลาดลงด้านหลังทำให้ผู้ใหญ่อาจจะนั่งลำบากสักหน่อย แต่ถ้าไปไม่ไกลมากและขยับเบาะหน้าขึ้นไปอีกหน่อยก็พอไหวอยู่ 

มาถึงขุมพลังอีโค่บูสต์ขนาด 2.3 ลิตร กำลังสูงสุด 300 แรงม้า แรงบิด 440 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถปรับแต่งเครื่องตามโหมดการขับขี่ต่างๆ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถปรับเกียร์ตามสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว

ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง

มีโหมดการขับขี่ 4 รูปแบบ คือ นอร์มอล สปอร์ต แทร็ก และโหมดแข่งทางตรง (Drag Strip)

จุดเด่นไม่พ้นโหมดแข่งทางตรง ที่สามารถเบิร์นยางให้เกิดความร้อนเพื่อจับสนามได้ดีขึ้นก่อนการแข่งควอเตอร์ไมล์ แต่ผมว่าคงมีคนใช้โหมดนี้ไม่มากนัก และถ้าจะใช้จริงๆ ควรลงไปในสนามแข่งเพื่อความปลอดภัย

เทคโนโลยีความปลอดภัย อาทิ ระบบเตือนการชน (Pre-Collision Assist) ที่ผสานระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB) และระบบตรวจจับยานพาหนะ (Vehicle Detection) และระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Lane Keeping System)

เท่ขึ้นอีกนิดกับชุดท่อไอเสีย “Active Valve Performance Exhaust” สามารถปรับแต่งลดเสียงท่อไอเสีย เพื่อไม่ให้ชาวบ้านด่าเวลาติดเครื่องหรือขับเข้าไปในหมู่บ้าน เนื่องจากท่อไอเสียพ่นเสียงค่อนข้างดุดัน

การเปิดประตูไม่ต้องใช้รีโมตก็ได้ เพียงพกติดตัวมีจุดรับสัญญาณที่เปิดจับ ตัวรถค่อนข้างเตี้ยทำให้เวลาเข้าไปภายในนั้นลำบากนิดๆ เบาะนั่งเดินด้ายขาวโอบกระชับกำลังดี ปรับเดินหน้า-ถอยหลังด้วยไฟฟ้า แต่พนักเป็นแบบ “อัตโนมือ”

จุดแรกที่เข้าไปนั่งแล้วอึ้งนิดๆ คือการดึงเข็มขัดนิรภัยที่เยื้องไปด้านหลังค่อนข้างเยอะ เนื่องจากขยับเสาบีถอยไปด้านหลังมากนั่นเอง เรียกว่าเอี้ยวกันสุดตัว ถือเป็นข้อด้อยนิดๆ เพราะหากเทียบกับรถสปอร์ตของค่ายยุโรปบางรุ่น จะมีระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารไม่ต้องเอี้ยวตัวมาก

กดปุ่มสตาร์ต เสียงคำรามเข้ามาในห้องโดยสารพอได้ยิน ช่วงแรกผมกดคันเร่งตีนต้นรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่จี๊ดอย่างที่คาด ส่วนความเร็วกลาง-ปลายหายห่วง

จนมาเอะใจเพราะรู้สึกว่าตีนต้นช้าเกินไป ที่แท้เป็นโหมดนอร์มอล เลยปรับมาเป็นสปอร์ต

เท่านั้นละครับสมชื่อมัสแตง

ฟอร์ด มัสแตง ราคาของเจ้าฟอร์ด มัสแตง  รุ่น 2.3L EcoBoost Coupe Performance Pack ราคา3,649,000 บาท และ

รุ่น 5.0L V8 GT Coupe Performance Pack ราคา 4,799,000 บาท