นับว่าเป็นนักแสดงอาวุโสที่ฝืมือชั้นครู สำหรับ โย ทัศน์วรรณ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เพราะนอกจากจะเป็นนักแสดงเล่นภาพยนตร์ ละครอยู่เบื้องหน้าเป็นระยะเวลาหลาย 10 ปีแล้ว ก็ยังเป็นแอคติ้งโค้ช ที่คอยสอนการแสดงให้กับดารา นักแสดงรุ่นลูกรุ่นหลานในวงการบันเทิงอีกมากมาย เรียกว่ามีลูกศิษย์ลูกหาไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งในจุดนี้หลายๆ คนก็คงได้รู้มาบ้างแล้ว แต่ล่าสุดที่ได้เห็นนักแสดงอาวุโส โย ทัศน์วรรณ ได้โชว์ความสามารถที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้นั้นก็คือ การวาดรูป ที่บอกเลยว่าพอเห็นผลงานพูดได้ว่าฝีมือไม่ธรรมดานะจ๊ะ สวยงามอย่างกับศิลปินวาดรูป โดยทางเจ้าตัวได้เล่าที่มาที่ไปของการมาวาดรูปสวยๆ แบบนี้ว่า
”จริงๆ แล้วไม่เคยเรียน แต่ด้วยความที่ชอบวาดรูปอยู่แล้ว และพอวาดได้ ก็จะวาดเล่นมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็อยากจะเรียนพวกเพาะช่าง พวกช่างศิลป์ แต่ว่าไม่ได้เรียน ก็ใช้ความชอบวาดมาเรื่อยๆ อย่างตอนเด็กๆ ก็วาดตุ๊กตากระดาษเล่นเอง วาดรามเกียรติ์ ก็คือวาดเป็นแรเงาขาวดำ ไม่ได้ลงสีเพราะเราไม่ได้เรียน จะมีเรียนแค่แบบในโรงเรียนที่มีวิชาวาดรูป แต่มันก็มีแค่นั้น มันไม่ได้ลึกล้ำอะไรมาก แต่พอเราวาดเป็นแรเงาขาวดำมันสวยแล้ว เราก็ไม่กล้าลงสี เพราะเราไม่ได้เรียนมา ก็ไม่กล้าลงอยู่อย่างนั้น จนมีความคิดว่าก็อยากไปเรียน แต่ว่าพวกพ้องก็บอกว่าไม่ต้องไปเรียนหรอก อย่าง พี่ไก่ วรายุฑ ก็บอกว่าไม่ต้องไปเรียนหรอก เพราะนี่มันก็เป็นสไตล์ของพี่ วาดได้ขนาดนี้ไม่ต้องไปเรียนหรอก ถ้าสมมติว่าไปเรียนมันก็จะเป็นสไตล์ที่เขาสอนไง แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะไก่คนเดียว พวกที่เป็นศิลปินวาดรูปเขาก็บอกว่าพี่ไม่ต้องเรียนหรอกครับ เพราะนี่คือสไตล์ของเรา”
จนได้มาเจอกับ เหมี่ยว ปวันรัตน์ เขาก็บอกว่าลองไปเรียกับ ครูโต ม.ล. จิราธร จิรประวัติ ก็เลยไปเรียน เพื่อเอาความมั่นใจ กำจัดความกลัวที่เราไม่กล้าลงสี พอไปถึงเราได้ลองลงสี ตอนนั้นเป็นรูปดอกไม้ พอลงสีไปอ่ะๆ ภาพก็ไม่เสียนี่ จากนั้นมันเหมือนเปิดความมั่นใจ ก็วาดรูปและลงสีมาเรื่อยๆ จะเป็นสีน้ำ สีอะคริลิค ยกเว้นสีน้ำมันเพราะมันเหม็น ที่เห็นๆ ก็จะมีรูปของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งในตอนที่ท่านสวรรคต เราก็เสียใจ ก็ไม่รู้จะทำยังไง เห็นรูปท่านก็อยากจะวาด ก็เลยวาด ทั้งที่ไม่เคยวาดเลย แล้วก็มีวาดรูปสมเด็จย่า จนวันหนึ่งได้มีโอกาสเอารูปท่านทั้งสองที่เคยวาดไว้ไปแสดงในงานนิทรรศการ ที่สวนโมกข์ ซึ่งในงานจะมีรูปจากฝีมือของศิลปินที่วาดรูปเก่งๆ มากมาย แต่รูปของเราได้รับเชิญให้ไปโชว์ด้วย โดยสามีของคุณ แจง วราพรรณ ติดต่อมา เราก็รู้สึกภูมิใจที่งานเราได้ไปร่วมแสดงรวมกับคนเก่งๆ เพราะจริงๆ เราคือมือใหม่ ก็ดีใจ
เห็นมีวาดรูปของ อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ด้วย “อ่อๆ (หัวเราะ) อันนั้นน่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน คือจะวาดเซอร์ไพรส์พี่อ๊อฟเขาก่อนที่เขาจะป่วยนะคะ คือตอนเห็นรูปอ๊อฟ รูปนั้นที่เป็นรูปถ่าย ก็รู้สึกว่าอยากวาด ก็เลยแอบวาด และบอกแดง (แดง ธัญญา) ว่าอย่าเพิ่งบอกอ๊อฟนะ จะเอาไว้เซอร์ไพรส์ แล้วทีนี้สไตล์ของเราจะวาดละเอียดมาก ละเอียดมากจนรำคาญตัวเอง ก็เคยมีไปนั่งวาดกับคุณ โอ่ง กงพัฒน์ ซึ่งคุณโอ่งเขาจะสไตล์หยาบๆ ดิบๆ ใช่มั้ย เขาก็บอกว่าโอ้โห้ๆ ทำไมพี่วาดละเอียดจัง เขาก็ลองทำมั้งแต่เขาบอกว่าทำไม่ได้เหมือนพี่ เขาบอกว่าให้เราลองข้ามรายละเอียดไปบ้างสิ เลยลองข้าม แต่ว่าไม่สำเร็จ เพราะว่าพอเราข้ามไปใจมันก็จะอยู่แต่ตรงที่เราข้ามไป จนพวกศิลปินที่เขาวาดรูปเขาบอกว่าเราเก็บรายละเอียดแบบยิบมาก (หัวเราะ) ซึ่งเราก็รำคาญตัวเองนะ แต่ทุกคนก็จะบอกว่าดีแล้ว มันคือสไตล์ของพี่ แล้วก่อนหน้าที่จะวาดรูปพี่อ๊อฟ ทางศูนย์สภากาชาดก็ขอมาว่าให้วาดรูปอะไรก็ได้ เพื่อเอาไปประมูล เอาเงินเข้าศูนย์สภากาชาด เราก็วาดรูปดอกไม้ในแจกันให้ไปค่ะ”
เมื่อถามว่าแบบนี้ถนัดวาดบุคคล หรือธรรมชาติ ทางนักแสดงอาวุโส กล่าวเสริมว่า “จริงๆ อยากวาดอะไรก็วาด และไม่ได้มีฟอร์ม หรือจะต้องขึ้นโครงอะไรก่อน อยากเริ่มตรงไหนก็เริ่มเลย อย่างในรูป อ๊ออฟ พงษ์พัฒน์ คือร่างก่อน แล้วก็วาดกำไลข้อมือ มันเหมือนกับว่าอยู่ที่ใจเราอ่ะ มันอยู่ตรงไหน ใจสั่งตรงไหนก็ไปลงตรงนั้นก่อน คือเห็นอย่างนั้นกำไลไม่ใช่วาดง่ายๆ นะ (หัวเราะ) เก็บรายละเอียด ไล่มากระเป๋าแดงๆ แล้วก็มากล้องถ่ายรูปที่รายละเอียดมันเยอะมาก มาที่ผ้าพันข้อมือ แล้วค่อยมาจบที่หน้าเป็นจุดสุดท้าย”
ซึงฝีมือขนาดนี้จะมีนิทรรศการเป็นของตัวเองมั้ย เจ้าตัวบอกว่า “ไม่เคยคิด มีแต่คนอื่นๆ รวมทั้ง ม.ล. จิราธร จิรประวัติ ด้วยที่ชวนไปเปิดเอ็กซิบิชั่น แต่ก็คิดว่าคงต้องมีเยอะกว่านี้ ซึ่งรูปทีประทับใจที่สุดคือ รูปของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยตอนนี้มีคิววาดรูปให้หลายคนอยู่ เพราะมีแต่คนโน่น คนนี้อยากให้วาดให้หน่อย ซึ่งแต่ละชิ้นก็ใช้เวลาหลายเดือน
ส่วนในเรื่องงานการแสดง ที่เห็นกันอยู่เบื้องหน้า ก็ยังทำอยู่ โดยเจ้าตัวยังเล่าต่อไปอีกว่า มีทุกวันไม่เคยขาด จนสื่อเขียนแซวว่าฮอตกว่านางเอก และงานแอคติ้งโค้ช ก็มีเปิดสอนอยู่ที่บ้าน ซึ่งต่างจากเมื่อสมัยก่อนๆ ที่มีไปดูให้ที่กองถ่ายบ้าง แต่เดี๋ยวนี้เหนื่อยแล้ว ซึ่งถ้าย้อนเส้นทางการเป็นแอคติ้งโค้ช ก็นับเป็นเวลา 10 กว่าปีได้ เริ่มชัดๆ เลยคือตั้งแต่การได้มาสอน สเตฟาน สันติ วีรบุญชัย (ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์) ตอนเล่นละเรื่อง หลงเงาจันทร์ คู่กับ กบ สุวนันท์ ซึ่งต้องบอกว่ายาก เพราะสเตฟานเป็นลูกครึ่ง และในตอนนั้นเขาอ่านภาษาไทยไม่ออก เราก็ต้องอ่านให้เขาฟัง ให้เขาจำให้ได้ ให้เข้าใจ แต่โชคดีที่สเตฟานเขาหัวดี เขาจำได้หมดที่เราสอน อย่างมีวันที่เขาต้องถ่ายฉากที่ยากมาก แล้วเราเองไม่ได้อยู่ที่กองถ่าย ก็หวงเขาว่าจะทำได้ไหม จำที่เราสอนได้ไหม แต่ปรากฎว่าเขาจำที่เราสอนได้หมดเลย และเขาเล่นเทคเดียวผ่าน คือเขาสมองดีมาก แต่จะบอกว่าจริงๆ งานตรงนี้มันก็เหมือนมีรางมาเช่นกัน เพราะเคยมีหมอดูทักว่าจะมีอาชีพใหม่ คือจะต้องพูดเยอะ ต้องสอนคน แต่ไม่ใช่สอนหนังสือ จนมีพวกผู้จัดติดต่อมาให้สอนนักแสดง มีคนส่งพระเอก นางเอก มาเรียนก็เลยอ่อๆ แบบนี้นี่เอง
จนตอนนี้มาช่วยลูกสาว ขวัญ พิมพ์อัปสร ที่เป็นผู้จัดละคร ทางช่อง 7 ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า เราสองคนสนิทกันมาก เป็นเหมือนสไตล์เพื่อนกัน ไปไหนไปกัน เพราะอยู่กันสองคน และมีอะไรลูกสาวก็จะปรึกษาตลอด อย่างในเรื่องของงาน ตนก็จะช่วยตรวจดูบทละคร บทประพันธ์ ดูว่าบทแบบนี้จะเพิ่มใส่อะไรให้ละครมันเข้มข้น หรือว่าจะเลือกใครมาเล่นดี ตัวละครแบบนี้ควรเพิ่มเติมอะไรไหม
ทั้งนี้เจ้าตัวยังบอกว่าระหว่างให้เล่นละคร กับสอนนักแสดง ตัวเองรักการแสดงมากกว่า เพราะได้เล่นเป็นคนนั่น คนนี้ แต่การสอนเด็กมันเครียด เพราะเราต้องรู้และดูว่าเด็กแต่ละคนเป็นยังไง เพราะทุกคนไม่เหมือนกัน และยังฝากด้วย สมัยนี้กับสมัยก่อนต่างกันมาก เพราะสมัยก่อนนักแสดงต้องปากกัดตีนถีบ ผมทำเอง หน้าแต่งเอง หอบเสื้อผ้าเอง ทำเองทุกอย่างแต่สมัยนี้สบายมาก เพราะช่างหน้าผมพร้อม มีคนขับรถ มีผู้จัดการ และระบบการทำงานก็ไม่เหมือนกัน อย่างเมื่อก่อนหืออือ ก็ไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้หืออือเยอะมาก (หัวเราะ) อย่างไม่พอใจอะไรก็โน่นนี่นั่น แต่เมื่อก่อนเป็นเด็กนะ ผู้ใหญ่ว่ายังไงก็ฟัง แล้วความอบอุ่นมันมีเยอะกว่า ระบบผู้อาวุโส กับผู้ใหญ่ก็จะน่ารัก แต่เดี๋ยวนี้พอเจออะไรแบบนี้เราก็จะคิดว่าอ่ะๆ เด็กสมัยนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ เขาอยากไหว้ ก็ไหว้ เขาไม่ไหว้ก็ช่างเขาเถอะ ก็ทำใจ จะไปแบบว่าเอ๊ะๆ ทำไมไม่ไหว้ อ้าวๆ เขาไม่อยากไหว้ก็ไม่ไหว้เราจะว่าไง
ซึ่งสำหรับตนเอง ที่อยู่วงการบันเทิงมา 40 กว่าปี จะยึดหลักมีวินัย ตรงเวลา ไม่เคยมาสาย และจะทำการบ้าน ไม่ดูถูกบทที่เราจะเล่น ในเมื่อเรารับเล่นแล้วตัวละครทุกตัวมีความสำคัญหมด ไม่ใช่ว่าร้ายจังเลย ไม่ชอบตัวละครตัวนี้ ไม่ได้ๆ ในเมื่อเรารับเล่นแล้ว เราต้องเป็นเขา ไม่ชอบไม่ได้ ต้องเข้าใจและให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน ทีมงาน เพราะการทำงานในกองถ่ายมันเป็นทีม ที่ประมาณ 40-50 คนแบบนี้ ถ้าเราสายอยู่คนเดียว แล้วคน 40-50 คนรอเรา เราละอายใจมาก ไปสาย 5 นาทีนี่ใจตุ๊บๆ เลย และเตรียมตัวอย่างดี ไม่เคยสร้างปัญหาให้กองถ่าย และมีสัมมาคารวะ รุ่นพี่ รุ่นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เพราะว่าคนที่อายุเยอะแล้ว อย่าไปคิดว่าเขานั่นนะ จริงๆ เขาคือวิชาความรู้ทั้งนั้นเลย คือถ้าคุณไปคุยกับเขา เขาจะให้อะไรคุณได้เยอะมากเลย นักแสดงอาวุโสกล่าว
ขอบคุณรูปภาพจากIG: @yotassawan
Did you know: โย ทัศน์วรรณ์ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ปี 2515 มีผลงานเรื่องแรกคือภาพยนตร์ แม่อายสะอื้น รับบทเป็น ช่อเอื้อง โดยเรื่องนี้มีพี่สาวคนโตเป็นผู้อำนวยการสร้าง และพี่เขยคือ ชุติมา สุวรรณรัตน์ เป็นผู้กำกับ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่วงการบันเทิงอยากมีนักแสดงหน้าใหม่บ้าง พี่สาวเลยเอาตนเองมาเล่นเป็นนางเอก และแม่อายสะอื้น ดังมาก เข้าฉายที่โรงหนังเพชรรามา ที่เหมือนจะซบเซาแล้ว แต่พอ แม่อายสะอื้น เข้าไปฉายก็เหมือนฟื้นคืนชีพ คนดูล้นโรง ดูคนละหลายรอบ และทุกคนออกมาร้องไห้ น้ำตานองหน้ากันหมด