หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า บริษัท ไทยทีวีพูล จำกัด และ บริษัทไทยทีวี จำกัด ของนาง พันธ์ุทิพา ศกุณต์ไชย หรือว่า เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล จะขอรับการเยียวยาตามมาตรา 44 ที่ออกมาปลดล็อคให้ทีวีดิจิทัลสามารถคืนช่องได้นั้น ทางด้าน เจ๊ติ๋ม ยืนยันว่าทางบริษัทไม่สามารถทำได้ เพราะไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับการเยียวยา ซึ่งเจ้าตัวเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย 62 ที่ผ่านมา ได้เข้าไปพบกับ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (เลขาธิการ กสทช.) เพื่อขอทราบรายละเอียดในคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องมาตราการการแก้ปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ถึงหลักเกณฑ์ และขอบเขตว่ามีประโยชน์กับบริษัทอย่างไร หรือไม่ หลังได้บอกเลิกสัญญาใบอนุญาตประกอบกิจการทั้ง 2 ช่องไปก่อนหน้านี้แล้ว
โดยหลังจากได้สอบถามจึงทราบว่า คำสั่งดังกล่าวใช้ได้กับผู้ถือใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งมาตราการเยียวยาค่าเสียหายยังไม่ชัดเจน ต้องรอแต่งตั้งอนุกรรมการเยียวยาก่อน ดังนั้นบริษัทจึงขอยืนยันว่าไม่เข้าข่ายมาตรา 44 เพราะบริษัทได้บอกเลิกสัญญากับทาง กสทช. ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2558 และได้ยื่นฟ้อง กสทช. ในวันที่ 30 มิถุนายน 2558 จนเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษา ระบุว่า กสทช. ผิดสัญญา ซึ่งการดำเนินการของ กสทช. ในการเปลี่ยนผ่านระบบรับส่งสัญญาณวิทยุโทรทัศน์เป็นระบบดิจิทัลเกิดความล่าช้า และไม่เป็นไปตามแผนงานตามที่ กสทช. ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้เข้าร่วมประมูล รวมถึงการแจกคูปองส่วนลดล่าช้า ซึ่งหลังจากนั้น เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2561 บริษัทได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา เพื่อเรียกเงินคืนและค่าเสียหายเป็นจำนวน 1,134,991,689.22 บาท เพราะ กสทช. ผิดสัญญาและละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องกลับสู่ฐานะเดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามมาตรา 391 กสทช. ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดให้กับบริษัทไทยทีวี
ทั้งนี้เชื่อว่าจะมีผู้ประกอบการคืนช่อง 3 ช่อง จากที่มีกระแสว่า 5 ช่อง ทั้งนี้เจ้าตัวยังกล่าวว่า เสนอให้ทาง กสทช. นำเงินจากกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ (กทปส) ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล แทนการรอเงินจากการประมูล 5G ที่จะได้รับจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (โอเปอเรเตอร์) ในปี 2563 ติ๋ม ทีวีพูล กล่าว
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก: matichon online, pantip, เดลินิวส์