ถ้าพูดถึงสิ่งที่ให้ความบันเทิงในอันดับต้นๆ ก็ต้องบอกว่า ละคร เป็นความบันเทิงที่อยู่คู่กับคนดูมานาน แต่ในยุคที่สื่อโซเชียลมาแรง คนดูมีหลากหลายช่องทางให้เลือกเสพ การที่จะทำละครให้ทั้งสนุก ถูกอกถูกใจคนดู พร้อมกับมีเรตติ้งและกระแสที่ดีย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนทำละคร แถมที่สำคัญในยุคนี้สมัยนี้การตอบโต้ ตอบกลับ หรือว่าฟีดแบคจากคนดูยังมาเร็ว ชนิดที่ว่าวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ และมีการพูดถึงกันเป็นฉากต่อฉาก ช็อตต่อช็อต ซึ่งถ้ามีจุดดี คนดูก็มีการพูดถึงในทางที่ดี ชื่นชม แต่ถ้ามีจุดที่พลาด หรือไม่สนุก คำติต่างๆ ก็จะมาแบบรัวๆ จวกกันเละเทะ ซึ่งผู้กำกับหญิงอย่าง แอ้ว อำไพพร ได้เผยมุมมองในฐานะผู้กำกับไว้ว่า
”พี่ว่ายุคนี้มันมีหลายช่องทางให้เราเลือกชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทีวีหลากหลายมากขึ้น อุปกรณ์สื่อสารมากขึ้น ทุกอย่างมันมีให้เราเสพหลายสิ่งหลายอย่าง เพราะฉะนั้นในเรื่องของช่วงเวลาไพร์มไทม์ ช่วงเวลาที่ทุกคนอยากดูละคร แต่ถ้าคนใดเขาไม่อยากดูละคร ไม่ชอบ ไม่สนุกเขาก็ทิ้งเวลาตรงนั้นที่จะไปทำอย่างอื่นได้ เพราะฉะนั้นการทำละครสำหรับพี่ในยุคนี้เราต้องทำให้ดึงดูดคนดูให้อยู่กับละครเราได้ ในช่วงเวลาที่ละครออนแอร์ในแต่ละอาทิตย์”
แสดงว่ามันมีความยากกว่ายุคก่อนหน้านี้? “ถ้าถามว่ามันยากหรือไม่ยาก ต้องบอกว่าจุดประสงค์จริงๆ ของคนทำละคร ที่ถือเป็นจุดใหญ่เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือว่ายุคไหนๆ พี่เชื่อว่าสำหรับคนทำงานต้องอยากให้ละครสนุก ยังไงก็ต้องทำให้ละครสนุก แต่ในยุคนี้คือถ้าคนเขามีทางเลือก มันก็เลยต้องทำให้เราเนี่ยต้องมองไปในจุดนี้ด้วย และยิ่งยุคนี้หลายๆ อย่างมันเปลี่ยน บางจุดคนดูเขารู้หมดแล้ว อันนี้ก็ซ้ำ อันนั้นก็เชย คือเขาอยู่ในยุคที่ตอบโต้ได้ด้วย ฉะนั้นในสิ่งที่เราทำเอง ที่เราคิดว่าเรายังคงทำงานในแบบของเรา ทำละครให้ดีที่สุด ทำให้สนุก ทำให้สุดฝีมืออะไรแบบนั้นของเราไป แต่มีจุดหนึ่งคือการแก้ไขในฟีดแบคต่างๆ ทำให้เราต้องมาสังเกตตัวเอง สำรวจตัวเอง สำรวจการทำงานตัวเองว่าเราเคยผ่านอะไรจุดตรงนี้รึเปล่า แต่การตอบโต้ของคนดูเป็นสิ่งที่ดีนะ ฟีดแบคต่างๆ มันช่วยให้คนทำงาน หรือทีมงานกระตือรือร้นในการทำงานที่จะทำออกมาแล้วมันสมบูรณ์ มันไม่มีจุดอะไรที่ทำให้คนดูเอ๊ะ หรืออะไรได้”
ฟีดแบคจากคนดูที่กลับมาเร็วเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ต้องกลับมาดูงาน? “พี่ว่าเป็นสิ่งจำเป็นนะ ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือว่าอย่างสมัยก่อนก็ตาม อย่างเวลาเราไปไหนเราอาจจะไม่ได้มีโซเชียลอยู่ในมือ แล้วเราก็ไม่ได้รับฟีดแบคเร็วขนาดนี้ นักแสดง รวมถึงทีมงานเวลาไปเดินตลาด ที่เราๆ พูดกันว่าจะออกไปเดินตลาดไม่ได้ นั่นคือฟีดแบคทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ตอนนี้ฟีดแบคมันกลับมาเร็ว และยิ่งฟีดแบคที่อยู่ในโซเชียลมันเห็น มันอยู่ตลอดเวลา และทำให้เรารับรู้ได้เลย ซึ่งถ้าถามพี่ก็ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ คนสมัยนี้ฉลาด เพราะเขาดูละครแล้วเขาวิเคราะห์วิจารณ์ได้ และเขาก็มีที่อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ต่างประเทศอื่นๆ ให้เปรียบเทียบ มันก็เลยทำให้คนทำงานอย่างเรามันต้องก้าวออกไป (หัวเราะ) แล้วก็ไปดูตรงนั้นตรงนี้ด้วย ว่าโอ้โห้ๆ เด็กยุคนี้ฉลาด คนดูฉลาด เขาดูหนังมากขึ้นอะไรแบบนี้ ซึ่งพี่ว่าอะไรที่มันเป็นสิ่งใหม่ๆ ก็คือดีหมด เมื่อก่อนเราอยู่ในยุค 10 ปีที่แล้ว พอมาถึงยุคในอีก 10 ปีที่มีโทรศัพท์มันก็ดีขึ้นแล้ว แต่มายุคนี้ก็มีอะไรเพิ่มขึ้นมาอีก เราก็ต้องขยันมากขึ้น มองอะไรรอบด้านมากขึ้น”
มันทำให้เรากดดันมากขึ้นกว่าเดิม? “ถ้าถามพี่ พี่ไม่กดดัน เพราะว่าส่วนตัวแล้วพี่รับละครปีละเรื่อง คือเราอาจจะไม่ได้แข็งแรงมาก แต่เวลาทำละคร เราขอทำทีละเรื่อง เพราะถ้า 7 วันเราทำงานหมด แล้วเราจะไม่มีเวลาทำการบ้าน เพราะฉะนั้นก็จะทำการบ้านอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่ากดดันในเรื่องของฟีดแบครึเปล่า คือต้องบอกว่าช่วงที่เราทำงาน เราก็ทำอย่างเต็มที่กับมัน แต่พอมันรวมออกมาเป็นเรื่องที่จะออกอากาศ พอลูกเราคลอดออกไปจากเราแล้ว ความกดดันมันอยู่ในทุกๆ คนที่ทำงาน เพราะทุกคนที่ทำงานก็อยากให้มันออกมาถูกใจคนดูทุกคน อยากให้เขาดูละครเรา และเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าทุกอย่าง ทุกเรื่องไม่ว่าเราจะแก้ไข ปรับปรุง บางอย่างมันต้องมีข้อผิดพลาด ถึงแม้เราจะพยายามปกปิดแล้ว แต่พี่เชื่อว่ามันไม่มีอะไรที่เพอร์เฟ็กต์ไปหมด แต่ไม่ใช่เราจะทิ้งปัญหานะ ปัญหาอะไรที่มันเป็นฟีดแบคกลับมาเราก็ปรับปรุง แล้วพอถึงเวลาตรงนั้นอะไรทุกอย่างมันจะต้องมีฟีดแบคกลับมาแน่ 1. ดี 2. ไม่ดี เราต้องยอมรับ เพราะฉะนั้นถึงช่วงเวลาที่ออกอากาศจะเป็นช่วงที่เรา ทีมงานอยากให้ออกมาดี แต่ถามว่ากดดันมั้ย มันก็มีหลายปัจจัยนะในช่วงเวลานั้น เพราะมันจะมีเรื่องนั้นมาชนกันบ้าง หรือมีเหตุการณ์อะไรมาช่วงนั้น มันก็มีหลายอย่างที่เราจะต้องมาฝ่าฟันกันไป”
คาดหวังกับคำว่าเรตติ้งแค่ไหน? “ถามพี่นะ เรื่องเรตติ้งมันก็เป็นสิ่งที่มาพร้อมกับความรู้สึกที่เราทำงานไป ฟีดแบคคำวิพากษ์วิจารณ์ คำชื่นชมต่างๆ มันมาพร้อมกันหมด คือเราอยากได้ทั้งสองอย่างแหละ ถ้าคนชื่นชอบเรา แล้วเรตติ้งดีด้วยมันก็สวยงามเนอะ (หัวเราะ) มันก็คงทำให้เราลุกขึ้นมายิ้มอย่างมีความสุขแบบเต็มๆ แต่ถ้าเอ๊ะ! เรตติ้งไม่ดี แต่ว่ามีฟีดแบคที่ดีคนชื่นชม มันก็เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจคนทำงานว่ามันยังมีจุดที่คนเห็น สัมผัสได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในฐานะคนทำงานก็ยังอยากได้ทั้งสองอย่าง ทั้งเรตติ้งและฟีดแบคที่ดีด้วย
แล้วเนื้อเรื่อง บท ตัวพระนางมีผลกับความสำเร็จของละคร? “คือพี่ว่าถ้ามองในมุมกว้าง ทุกคนก็จะคิดว่าต้องเลือกในตัวพระนางมาก่อน เพราะคิดว่ามันมีส่วน แต่จริงๆ แล้วมันก็หลายๆ อย่างรวมกัน คืออย่างเราได้พระนางสวยงามมาแล้ว บทมันก็ต้องดีด้วย รวมไปถึงโปรดักชั่นต่างๆ การกำกับก็ด้วย พี่ว่าทุกอย่างมันรวมกันไป ถ้าเกิดว่าละครเรื่องมันดีเขาก็ตามพระนางอยู่แล้ว หรือว่าเขาชอบพระนางอยู่แล้วมันก็จะมีส่วน เพราะถ้ามีคนกลุ่มหนึ่งเขาชอบพระนาง เขาก็จะชอบของเขา แต่เขาก็อาจจะมีบ่นเรื่องบท เรื่องโน่นนี่อะไรไป ฉะนั้นพี่ว่ามันต้องไปด้วยกันทุกปัจจัย แต่อย่างพี่ถ้าจะรับละครนะ พี่จะต้องรู้สึกว่าเราอยากทำ พี่อยากทำ พระนางอาจจะไม่ใช่อันดับหนึ่ง ถ้าพี่อยากทำ ไม่เคยทำเรื่องแนวนี้ อยากทำก็จะทำ แล้วค่อยดูพระนาง”
ขอบคุณรูปภาพจากIG: @thongentertainment
Did you know: แอ้ว อำไพพร จิตต์ไม่งง ผู้กำกับละครที่ส่วนใหญ่ทำละครให้กับผู้จัดคนสวย แอน ทองประสม ที่ผ่านงานกำกับละครมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สาวฮอท หนุ่มเฮ้ว ผู้ชายมือสอง อุ้มรัก บัวปริ่มน้ำ รักนี้หัวใจเราจอง สวรรค์เบี่ยง ใจร้าว สูตรเสน่หา 365 วันแห่งรัก ปัญญาชนก้นครัว สามีตีตรา เกมร้ายเกมรัก แอบรักออนไลน์ ลิขิตรัก คลื่นชีวิต เป็นต้น ซึ่งก็เป็นผู้กำกับที่ได้รับรางวัลการันตีฝีมืออีกด้วยอย่างเช่น รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม นาฏราชครั้งที่ 6 จากละคร สามีตีตรา รางวัล Mthai Top – Talk About TV Drama2018 จากละคร คลื่นชีวิต โดยตอนนี้เจ้าตัวกำลังกำกับละครเรื่อง อกเกือบหักแอบรักคุณสามี ของค่าย ทอง เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
