เรามีโอกาสได้พูดคุยกับสาวก้อยแบบ Exclusive ถึงไลฟ์สไตล์ชีวิตที่เปลี่ยนแปลง พร้อมภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไป แต่ความสดใส ผิวพรรณยังโดดเด้ง สวยคงทนแบบนี้ อยากรู้ว่า รัชวิน ใช้ชีวิตแบบไหนจ๊ะ
ช่วงนี้ ชีวิตติดการวิ่ง ?
“วิ่งจริงจังเลยค่ะ ตอนนี้เหมือนการวิ่งเป็นกิจวัตร เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว เพราะว่าหลังจากวิ่งโครงการเสร็จเหมือนเราเสพติดการออกกำลังกาย มันกลายเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เราได้ทำในทุกๆ วัน ถ้ามีเวลาว่างจากงานก็จะไปซ้อมวิ่งทุกสัปดาห์เลยค่ะ”
แรงบันดาลใจจากการวิ่ง จริงๆ คือ ติดแฟน ?
“จุดเริ่มต้นที่วิ่ง คืออยากจะทำกิจกรรมกับคนที่เรารัก รู้สึกว่าได้ใช้เวลาร่วมกัน ในขณะเดียวกันสิ่งที่ได้รับกลับมา มันมีมากกว่านั้น กลายเป็นเรื่องของสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น โครงการทำให้รู้สึกว่าการวิ่งมันสร้างพลังบางอย่าง สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คน ได้ช่วยเหลือคนโดยที่เราแค่วิ่ง มันจุดประกายให้คนอื่นเห็น ทุกคนรู้สึกเหมือนกันแล้วออกมาดูแลตัวเองมากขึ้น ก้อยว่ามันเป็นมากกว่าการออกกำลังกาย”
ในวันที่การวิ่งเป็นมากกว่าการออกกำลังกาย ?
“ตั้งแต่ออกมาวิ่ง สิ่งที่ได้มันไม่ใช่แค่ตัวเราเอง มันกลายเป็นแรงส่งไปถึงคนอื่นที่เขาอยากจะออกกำลังกาย จากจุดเริ่มต้นที่เราอยากจะวิ่งเพื่อคนอื่น ตอนนี้มันกลายเป็นแรงกระเพื่อมให้กับคนรอบข้าง จากในระดับใกล้เคียง เพื่อนก้อย หรือคนรอบข้างก้อยเห็นแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย!! อยากจะออกกำลังกาย อยากจะวิ่งบ้าง มาตอนนี้มันเป็นในระดับที่ทำให้คนในสังคมรู้สึกรักตัวเอง ดูแลตัวเองได้ มีความสุขจากการได้ออกมาทำกิจกรรมร่วมกัน สุดท้าย อีกสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้น คือ มิตรภาพระหว่างทางค่ะ”
พี่ตูน คือ ไอดอล ?
“เขาเป็นแรงบันดาลใจของเราอยู่แล้ว มันเริ่มจากการที่เราได้อยู่ใกล้ชิดเขา แล้วก็ได้เห็นเขา มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่ต้องพูดไม่ต้องบอก ไม่ต้องมาบังคับว่าเราจะต้องทำอะไร แต่การทำให้เห็น การเป็นตัวอย่างที่ดีมันทำให้เรารู้สึกอยากจะทำตาม เขาเลยเป็นแรงผลักดันที่สำคัญมากที่ทำให้ก้อยออกมาวิ่ง แล้วมันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมากทั้งภายในและภายนอก เรารู้สึกว่าสิ่งที่เขาพยายามบอกผ่านการกระทำของเขาตอนนี้เราเข้าใจแล้ว เรามีความสุขกับสิ่งที่ทำ โดยที่เราไม่ต้องฝืนตัวเอง หรือพยายามที่จะไปวิ่งกับเขา แต่เราทำด้วยความสุขและความเต็มใจ”
ตอนนี้ก้อยเองก็กลายเป็นไอดอล ?
“จริงๆ ตัวก้อยเองไม่กล้าที่จะคิดว่าได้เป็นไอดอลของใคร เพราะก้อยเองก็มีไอดอลของก้อย มีคนที่ก้อยยึดเป็นต้นแบบ อยากจะบอกทุกคนว่า ทุกคนสามารถเป็นต้นแบบให้กับคนรอบข้างของตัวคุณเองได้ ทุกคนสามารถเป็นไอดอลในสิ่งที่ตัวเองรักในสิ่งที่ตัวเองทำได้ ถ้าใครเห็นก้อยแล้วรู้สึกว่าก้อยเป็นแรงผลักดันให้เขาอยากจะออกกำลังกาย เช่น มีคนเข้ามาในไอจีแล้วบอกว่า หนูเห็นพี่วิ่งแล้วหนูอยากวิ่งบ้าง แค่นี้ก้อยก็ดีใจแล้ว เหมือนกับเราได้เป็นแรงผลักดันให้กับผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว เหมือนได้ทำบุญในทุกๆ วัน มันคงไม่ถึงกับคำว่า ไอดอล แต่มันคือการทำให้เห็นและเป็นกำลังใจในการดูแลตัวเอง รักตัวเองมากขึ้น”
วิ่งบ่อยแบบนี้ ผิวพรรณเธอรอดมาได้ยังไงจ๊ะ ?
“เวลาออกแดด ก้อยก็จะทาครีมกันแดด บำรุงด้วยอาหารเสริมหรือวิตามินต่างๆ ที่สำคัญเวลาที่วิ่งเสร็จในช่วงร้อนๆ แบบนี้ ผิวหนังของเราจะเก็บความร้อนไว้ ลองจับหน้าดูจะรู้สึกร้อนๆ ก้อยก็จะมีเจลบำรุงผิวที่สามารถบำรุงได้ทั้งผิวหน้าและผิวตัวเพื่อเติมการสูญเสียความชุ่มชื้น หรือตากแดดเป็นเวลานานๆ อะไรแบบนี้ค่ะ คือกระเป๋าก้อยจะมีของพร้อมวิ่ง พร้อมสู้แดดตลอด จะมีแว่นกันแดด กระเป๋าเครื่องสำอาง ถุงมือเวลาเล่นเวท รองเท้าผ้าใบ เพราะวันไหนเสร็จงาน จะได้ออกไปวิ่งได้เลย ต่อไปก็มีน้ำหอม กระเป๋าเงิน แน่นอนว่าถ้าไม่มีคือซื้ออะไรไม่ได้แน่ (ยิ้ม)
ส่วนนี่คือไฮไลท์ของก้อยค่ะ เป็นเจลบำรุงผิวที่พกไปไหนมาไหนด้วยตลอด arra TOPFACE สูตร ALOE VERA Soothing & Moisturizing เป็นเจลว่านหางจระเข้ จะบอกว่าชอบมาก เพราะหลายๆ คนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าแดดบ้านเรานั้นแผดเผามาก เวลาโดนแดดเยอะๆ ก้อยจะทาอะโล เวร่า เจล เพื่อให้เจลช่วยปรับอุณหภูมิในร่างกายให้เย็นขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้นเติมน้ำที่สูญเสียไปให้กับผิว และยังช่วยเปลี่ยนผิวหยาบกร้าน หมองคล้ำ ให้ดูสุขภาพดีอีกด้วยค่ะ แล้วตอนนี้ก็มีลองใช้อีกสูตรนึง ก็คือ arra TOPFACE TOMATO x STRAWBERRY สูตรนี้ชอบมาก เป็นมะเขือเทศผสมสตรอว์เบอร์รี่ นอกจากจะได้เรื่องความชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความกระจ่างใส และช่วยลดรอยแดงหรือการอักเสบบนผิวหน้าและตัวได้ด้วย เปิดมาแล้วกลิ่นจะหอมมาก เนื้อสัมผัสซึมเข้าสู่ผิวเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบใดๆ ทั้งหมดเลยเป็นไอเทมที่ก้อยพกติดกระเป๋าไว้ทุกวันๆ ค่ะ”
ท้ายสุด คิดว่าเราไปได้ไกลแค่ไหนกับการวิ่ง ?
“ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ วิ่งไปเรื่อยๆ เราไม่ได้คิดว่าวิ่งมาราธอนแล้วมันจบ ตอนนี้การวิ่งเหมือนเป็น DNA ของก้อย มันซึมเข้าไปในสายเลือด เรารู้สึกว่าเรามีความสุข ไม่ว่าจะวิ่งเพื่อคนอื่นหรือวิ่งเพื่อตัวเอง มันคือสิ่งที่เราได้ทำแล้วก็ได้อยู่กับตัวเอง ได้มีสมาธิ ถ้าในโอกาสต่อๆ ไป จะสามารถใช้การวิ่งไปผลักดันสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง อย่างเช่นที่ได้ทำในโครงการกับพี่ตูน คือใช้การวิ่งเป็นการสื่อสารเพื่อนำไปสู่การช่วยเหลือในด้านอื่นๆ ก้อยว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดี ฉะนั้นตอนนี้อยากจะวิ่งไปเรื่อยๆ แล้วก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ค่ะ”
GossipStar ก็ขอเป็นหนึ่งกำลังใจให้ สาวก้อย ยืนหยัดเคียงข้าง พี่ตูน เป็นต้นแบบที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง สร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคมต่อไป และถ้าได้ฤกษ์แต่งเมื่อไหร่ ขอไปกระแซะไหล่สัมภาษณ์อีกนะจ๊ะ
ขอบคุณสถานที่ Clef Hotel (350 m. to BTS Bearing Station)