หนุ่มฮอต เอิร์ธ วิศววิท หรือ หลวงศรียศ จากละครดังบุพเพสันนิวาส เปิดใจทุกเรื่อง!! ทั้งเรื่องภาพหลุด เรื่องมีคนขุดภาพรถสปอร์ตหลายสิบคันจนเป็นประเด็นรวยพันล้าน?? และไหนจะเรื่องอดีตผู้จัดการกักขังหน่วงเหนี่ยว เรียกว่าพอเริ่มจะดังก็มีประเด็นให้ต้องเคลียร์กันรัวๆ ส่วนเรื่องไหนจะจริงหรือเท็จยังไงบ้าง ไปติดตามจากเจ้าตัวกันเลย…. ตามนี้
”ที่หลายๆ คนบอกว่าเป็นหนุ่มรวยพันล้านซื้อรถสปอร์ตทีละหลายคัน ไม่จริงครับ คือรูปที่เห็นมันเป็นผลงานของร้านผมครับ เป็นร้านที่ผมทำกับเพื่อน ผมเป็นผู้จัดการร้าน เป็นร้านแต่งรถซูเปอร์คาร์ ผมเป็นผู้จัดการร้าน ผมต้องดูแลทุกอย่าง การตรวจรถ การขับรถ เพราะรถพวกนี้มูลค่ามันสูงเป็นหลักหลายสิบล้าน เพราะฉะนั้นต้องมีความรับผิดชอบสูง”
”คนคิดว่าเรารวยพันล้าน ด้วยภาพลักษณ์มั้งครับ เพราะผลงานในโซเชี่ยลผมคือเวลามีลูกค้ามาทำรถผมก็จะถ่ายรูปลงว่าเรามีรุ่นนี้มาแต่งนะ เหมือนเป็นเครดิตเราและก็ให้ความมั่นใจกับลูกค้าว่ามาแต่งกับเรามีรถแบบนี้ๆ มาแต่งกับเรานะ แต่ผมก็ลงชัดเจนนะไม่เคยกำกวมว่าเป็นรถของผมเลย ถ่ายบอกตลอดว่าคันนี้มาทำอะไร เพื่ออัพเดทให้เจ้าของรถรู้ด้วย”
”กระแสอวดรวย ผมคิดว่ามีคนรักก็ต้องมีคนชัง ผมรู้ว่าตัวผมทำอะไร ครอบครัวผมรู้ดีว่าผมทำอะไรอยู่ การที่เค้าคิดไม่ดีกับผมผมไม่โกรธนะ เพราะผมไปบังคับความรู้สึกใครไม่ได้”
”ประเด็นผู้จัดการส่วนตัวเค้ากักขังหน่วงเหนี่ยว เค้าเป็นเพศที่สามครับ ต้องบอกว่าคนที่สองนี่เค้าเป็นเหมือนฝรั่งเลยเรื่องความคิดเค้าให้เกียรติผม งานก็คืองาน เรื่องส่วนตัวก็เรื่องส่วนตัว ผมว่าเค้าแค่หวังดีแต่ใช้วิธีผิดมากกว่า จริงๆ คนที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวเป็นเหมือนพ่อแม่ พี่น้อง เราผิดพลาดอะไรก็มาแนะนำ มาไกด์กันใหม่ แต่เค้าอาจจะหวังดีแต่ใช้วิธีที่เข้มเกินไปหรือเปล่า”
”เหตุการณ์ที่เค้าจะต้องมากักขังหน่วงเหนี่ยว ผมคิดว่าตอนนั้นมันมีบริษัทที่ดูแลผมอยู่สองบริษัทซ้อน เค้าก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในบริษัทนึง เค้าก็คงหวังในตัวผมเยอะว่าจะประสบความสำเร็จเร็วๆ นี้ คงจะได้ตังค์หรือผลตอบแทนเร็วๆ นี้ แต่พอสิ่งที่มันออกไปไม่ได้อย่างที่หวัง เค้าคงผิดหวัง แต่ฟีดแบ็คเค้าทำมันไม่ถูก กักขังยังไง ก็ยึดเงินรายเดือน ให้ไปพักที่บ้านเค้า ไม่ให้ทำไรเลย ให้อยู่แต่บ้านจะออกไปก็เฉพาะตอนเรียนแอ็คติ้ง”
”แจ้งความ ผมไม่ได้คิดขนาดนั้น ผมคิดว่าผู้ใหญ่อาจจะหวังดีกับเราหรือเปล่าหรือเราอาจจะไม่ดีจริงๆ เค้าหวังกินมั้ย เค้าไม่เคยครับ ผมพูดตรงๆ เลย เค้าไม่เคยทำแบบนั้นเลย เค้าค่อนข้างให้เกียรติผม จุดที่ทำให้เราคิดว่าต้องหลุดออกมาจากตรงนี้ ก็ผมทนไม่ได้ครับ คนเป็นแม่เค้าร้องไห้ทุกวัน แม่เค้าโทรหาเราทุกวันว่าเป็นยังไงบ้าง ผมรู้สึกว่ามันใช่ตัวตนเราหรือเปล่าในวงการ เส้นทางนี้เราพยายามจริง แต่เราไม่รู้ตัวเองหรือเปล่า ก็เลยตัดสินใจว่าต้องบอกแล้วล่ะ ว่าผมไม่ไหวแล้ว พี่จะตัดสินใจยังใจกับผมยังไงก็แล้วแต่ ผมขอออกไปแล้ว ผมขอกลับไปอยู่กับแม่ แล้วก็ให้แม่มาคุย เค้าก็ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่หรอก”
”ถ้าวันนี้คนนั้นเค้ากลับมาติดต่อเราทำงานอีกรอบนึง คงไม่ดีกว่า คงความสัมพันธ์ไว้เป็นคนรู้จักดีกว่า หรือเป็นพี่คนนึงที่นับถือกว่า เป็นเพื่อนร่วมงานกันคงไม่ได้ ตอนนั้นโกรธนะ แต่ตอนนี้ผมอโหสิกรรมให้แล้ว ถ้าดังขึ้นมา กลัวเค้ามาแฉมั้ย ผมไม่กลัวครับ ผมรู้ว่าเส้นทางที่ผมเดินมาเป็นยังไง เรารู้ตัวเองดีครับ”
”เรื่องภาพหลุด ก็ประมาณ 3 วันครับ ประมาณอาทิตย์ที่แล้วเอง ผมก็เฉยๆ ครับ ไม่ได้รู้สึกอะไร เค้าก็เก่งนะด้านการตัดต่อ เพราะรูปนั้นมันไม่ใช่ผมอยู่แล้ว คือมีคนรู้จักส่งรูปให้ ผมนึกว่ารูปละคร ผมกดเข้าไปดูมันเป็นรูปพาดหัวข่าวแล้วก็เซ็นเซอร์ประมาณจมูก ปากให้เห็นตรงตา แต่ดูจริงๆ แค่คิ้วก็ไม่ใช่แล้วครับ”
”จริงๆ เค้าเอารูปที่ผมถ่ายเองนั่งถ่ายที่ห้องสมัยเด็กๆ กับรูปที่ตัดต่อไปผสมเลยทำให้ดูเนียน ดูเหมือนเป็นเรา แต่ถ้าดูจริงๆ ตอนก่อนผมทำจมูกหน้าผมก็ไม่ใช่แบบนี้นะ กล้าบอกเลยว่าเราทำจมูกมา คือมันเป็นเรื่องปกติ ถ้าเกิดเราทำแล้วไม่ได้เดือดร้อนใคร ถ้าผมทำแล้วดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องน่าอาย คุณทำคุณสวยก็ทำไปเถอะ”
”คนมองว่าทำศัลยกรรมแล้วไม่แมน ผมว่าแมนไม่แมน ผมว่าอยู่ที่นิสัยมากกว่า มันไม่ใช่รูปร่างหน้าตา บางคนหน้าตาดีแต่ไม่แมนก็เยอะ พอเราดังขึ้นมา คิดมั้ยว่าเป็นผจก.คนเก่าแกล้งเรา คือถ้าเค้าแกล้งเราเค้าก็ต้องหารูปอื่น เพราะผมไม่มีรูปแบบนี้แน่นอน ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้” เอิร์ธ วิศววิท กล่าว
ขอบคุณ ภาพและข้อมูลจากรายการ คุยแซ่บShow และภาพเพิ่มเติมจากไอจี earthz_wisawawit