ขับรถชนต้นไม้ น้องอิน ณัฐนิชา เสียชีวิต

ย้อนฟังไลฟ์สด น้องอิน สาวน้อยสู้ชีวิต เพื่อแม่!!

Home / Omgossip / ย้อนฟังไลฟ์สด น้องอิน สาวน้อยสู้ชีวิต เพื่อแม่!!

 

  เป็นข่าวที่ช็อกและน่าเศร้ามากสำหรับการจากไปของน้อง อิน ณัฐนิชา เชิดชูบุพการี อดีตนักแสดงเด็ก ที่ประสบอุบัติเหตุขับรถเสียหลักตกข้างทางแล้วชนเข้ากับต้นไม้เป็นเหตุให้เธอเสียชีวิตไปในช่วงเช้าของวันที่ ( 7 เม.ย.) ที่ผ่านมานี้ ซึ่งถ้าพูดถึงน้องอินก็ต้องบอกว่าหลายคนจดจำเธอได้จากโฆษณาค่ายมือถือยี่ห้อหนึ่งด้วยประโยคที่ติดหูว่า เก็กฮวยถ้วยใหญ่ๆ แช่เอาไว้อยู่ในตู้เย็น” และละครที่สร้างชื่ออย่าง แก้วตาหวานใจ กับบทบาท น้องมดตะนอย ที่พระเอกนางเอกคือ อู ภาณุ กับ ชมพู่ อารยา ออกอากาศทางช่อง7 เมื่อปี 2546

  

  ซึ่งถ้าหากมองย้อนกลับไปในเส้นทางบันเทิงของน้องอินนั้น เธอเริ่มเข้าวงการมาตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และนอกจากผลงานละครเรื่อง แก้วตาหวานใจ แล้วก็ยังมีผลงานละครอีกหลายเรื่องเช่น พรพรหมอลเวง โรบอทน้อยหัวใจเพชร ขบวนการปุกปุย ละครแผ่นดินหัวใจ บาปรักทะเลฝัน แก้วลืมคอน พยัคฆ์ร้ายหัวใจจิ๋ว เปลวไฟในฝัน 8-18-28 บ้านแฝดยกกำลัง 2 แสงสูรย์ รักของนายดอกไม้ จุมพิตพยัคฆ์สาว เจ้าสาวจำยอม รักเกินพิกัดแค้น วิหคหลงลม 

  

  แต่ก็มีช่วงหนึ่งที่เธอนั้นหันหลังให้วงการไปสักพัก จนเริ่มกลับมามีผลงานอีกครั้งกับละครเรื่อง เส้นสนกลรัก ของค่ายชลลัมพี ซึ่งถ่ายเสร็จแล้วแต่ยังไม่ได้ออกอากาศ ส่วนเรื่องล่าสุดนั้นเป็นซีรีส์ Bangkok Ghost Stories ตอนดีเจคลื่นแทรก ทางช่อง3 ที่เพิ่งออกอากาศไปเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา และนอกจากงานในวงการบันเทิงแล้วน้องอินเธอยังมีธุรกิจเป็นของตัวเองด้วยที่ถ้าใครได้ติดตามเฟสบุค Natnicha Cherdchubupagaree ของเธอจะเห็นว่าเธอนั้นเป็นสาวน้อยสู้ชีวิตและขยันอดทนมาตั้งแต่เด็กๆเพราะมีบางช่วงที่เธอนั้นได้ Live สดเล่าเรื่องราวชีวิตทั้งในช่วงที่ขึ้นสุดๆ และตกสุดๆให้ฟังเพื่อเป็นกำลังใจให้คนที่ท้อแท้ด้วยว่า

   

  “คือคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกันตอนที่คุณแม่ท้องอินอยู่ แล้วคิดดูผู้หญิงที่ท้องอยู่ แล้วต้องเลิกกับคุณพ่อ ซึ่งทำให้คุณแม่มีโรคเครียด โรคกระเพาะมาด้วย สภาพจิตใจของคุณแม่ไม่ดีเลยในตอนนั้น แล้วเราก็โตมาในสภาพที่แบบเครียด ที่เหมือนติดคุณแม่มาเพราะว่าไม่มีคุณพ่อ แต่อินก็โตมาโดยที่ไม่ได้คิดว่าขาดอะไรนะ แต่พอเวลาที่คุณแม่เครียดๆเราก็มีโดนตีนะ บางทีแบบทำอะไรไม่ถูกใจนิดหน่อยเราก็โดนตี บ่อยมากจนเราไม่อยากทำอะไรแล้ว เรากลัวว่าจะโดนตีอีก แต่ไม่เคยโทษแม่นะ เพราะเรารู้ว่าแม่เครียดไง แล้วเราก็กลัว ไม่ค่อยกล้าพูด คือที่เห็นในทีวีกล้าพูดใช่มั้ย แต่เวลาอยู่ที่บ้าน อยู่กับครอบครัวไม่กล้าพูดเลย นี่พูดจริงๆ นะ ตอนอยู่ในทีวีเพราะว่าเราต้องทำงาน เราต้องพูด แต่พอเรากลับบ้านเราไม่กล้าพูด เพราะว่าถ้าพูดไปปุ๊บเกิดเราทำอะไรไม่ถูกใจเราจะโดนตี โดยที่เราไม่เข้าใจเหตุผลนะว่าทำไมเราโดนตีทั้งๆที่เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ด้วยความที่คุณแม่เป็นโรคเครียดไงเราก็เลยต้องเข้าใจ แต่ก็ต้องบอกเลยว่าเมื่อก่อนเราก็อยู่บ้านตึกแถวนะ ไม่ได้อยู่บ้านดีๆ แล้วก็คุณตาเขาจะมีลูกหลายคน คือทุกคนก็อยู่ในตึกนี้กันหมดเลย เพียงแต่ว่าอยู่คนละห้อง สภาพแวดล้อมก็เลยไม่ดี คุณแม่ก็พยามหาอะไรทำเป็นพนักงานบัญชีบ้าง ทำโน่นทำนี่  ก็เพราะไม่มีคุณพ่อช่วยดูแล แล้วเราก็ยังเด็กเราเลยไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ช่วยเหลือแม่ได้ มันก็เลยเป็นแรงผลักดันเวลาอินไปโรงเรียนอินก็คิดว่าจะทำยังไงดีให้ได้ค่าขนม คือแค่ได้ซื้อขนมห่อหนึ่งก็ดีใจแหละ แต่ไม่อยากขอแม่ ก็เลยไปซื้อยางมัดผมโบว์มัดผมมาขายเพื่อนในห้องเรียน ตอนนั้นคือนุบาลนะ ได้สัก 5-10 บาทไว้กินขนมก็ดีแหละ ซึ่งมองย้อนกลับไปตอนนั้นน่าจะประมาณ 3-4 ขวบ นั่นก็คือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราพอคิดเป็นบ้าง แล้วพออินบอกแม่เขาก็ร้องไห้เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ แต่เราก็มีกันอยู่สองคนเรารักกันมาก ถึงจะมีทะเลาะกันบ้างแต่ก็เราก็เข้าใจแม่”

  

  ”แล้วเราโชคดีในเรื่องของวงการด้วยที่มีคนติดต่อมา ซึ่งตรงนั้นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ครอบครัวอินดีขึ้นมา แล้วมันไม่ได้ช่วยแค่คุณแม่ได้คนเดียว แต่รายได้ตรงนั้นยังช่วยอากง คุณตา คือญาติพี่น้องของคุณแม่ได้ด้วย ซึ่งตอนนั้นเอาจริงๆ คืออายุ 4 ขวบที่เริ่มเข้าวงการแล้ว แต่ว่าที่มีผลงานจริงๆเลยคือ 5 ขวบเป็นต้นมา ซึ่งตอนนั้นเรามีจิตใจที่อยากทำงาน อยากช่วยแต่ว่าจะมีคนพวกพ่อแม่เด็กคนอื่นๆว่าแม่เราว่าเหมือนเอาเด็กไปใช้แรงงานนะ แม่อินโดนด่าเยอะมากเหมือนแบบให้ลูกหาเงินให้ แต่เราเต็มใจทำนะ เราคิดว่าช่วยแม่เรา สนุกด้วย แล้วก็คิดว่าโอกาสมันไม่มีมาบ่อยๆ ตอนนั้นบางปีมีละคร3-4 เรื่อง ซึ่งคิวมันชนกันมาก เราแทบไม่มีเวลาเรียนเลย จนก็มีคนด่าว่ามัวแต่ให้ลูกทำงานไม่ให้ไปเรียนเดี๋ยวลูกก็โง่หรอก เราก็เลยใช้แรงกดดันคำด่าจากตรงนั้นมาทำให้ชีวิตเราดีขึ้น แล้วเชื่อมั้ยตอนเราไปกองเราก็เอาหนังสือเรียน ข้อสอบไปนั่งทำระหว่างว่าง เราก็แบ่งเวลาได้ดี เราเลยไม่ชอบเลยนะมาด่าเราแบบนั้น  แล้วเราก็สอบได้ติด 1 ใน 5 ตลอดเลยนะทั้งๆที่เราแทบไม่มีเวลาเรียนเลย แต่ถามว่าหนื่อยมั้ยเราก็เหนื่อยนะแต่เราก็เต็มใจทำ จนมาถึงช่วงประถมกลางๆ เราก็สามารถซื้อบ้านให้แม่ได้หนึ่งหลัง เราดีใจมากเพราะมันเป็นเงินจากที่เราทำงานมาก แล้วเราอยากให้แม่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น แล้วก็ซื้อรถด้วย แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าค่าเงินมันต้องเยอะแค่ไหนถึงจะให้แม่ซื้อบ้านซื้อรถได้ ซึ่งสำหรับคนที่ท้อแท้นะอินจะบอกว่าอย่าเพิ่งท้อแท้ อย่าเพิ่งนึกถึงตัวเอง นึกถึงครอบครัวเราก่อน คือพ่อแม่เราเขารอเราอยู่ไง เพราะถ้าเรานึกถึงแต่ตัวเองเราจะหยุดทำเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเรานึกถึงคนในครอบครัวเราก็จะมีแรงฮึดสู้ อินเชื่อว่าคนที่ขยันคนที่สู้คือไม่มีวันอดตายจริงๆนะ”

ขอบคุณรูปภาพจากเฟสบุค: Natnicha Cherdchubupagaree

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา Live สดเล่าเรื่องราวชีวิตในเฟสบุค

 

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา

 

อิน ณัฐนิชา
อิน ณัฐนิชา