หมู พิมพ์ผกา ในฐานะคุณแม่และผู้จัดการส่วนตัวของพระเอกชื่อดัง นาย ณภัทร หอบหลักฐานพร้อมทนาย ตั้งโตะแถลงชี้แจง กรณีไทย ฟินเทค ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ภายใต้เว็บไซต์ “www.thishop.com”(ดิสช็อป) กล่าวหาว่าตนทำบริษัทเสียชื่อเสียง จากการที่ตนและลูกชายโพสต์บนไอจีส่วนตัวเรื่องที่ ดิสช็อป นำรูปลูกชายไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยแม่หมูแจกแจงมาดังนี้
เริ่มต้นจาก ได้รับการติดต่อจากเว็บขายของออนไลน์ มีภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และตกลง พนง. ติดต่อมาบอกยังไม่มีประสบการณ์ ให้แนะนำเอเจนซี่ คือขอความช่วยเหลือมา จึงแนะนำเอเจนซี่อันดับหนึ่งของประเทศไปจากนั้นก็ให้ไปคุยกันเอง ยันไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับเอเจนซี่นั้น
สาเหตุยกเลิกสัญญา เปรยขอยกเลิกด้วยคำว่า “อาจทำให้น้อง(นาย ณภัทร)เสื่อมเสียชื่อเสียง” ภายในไม่ถึงเดือน เนื่องจากเพจเตือนภัยนักศึกษา ออกมาเตือนนศ.ว่ามีเว็บไซต์นึงนำบัตร ปชช. ไปถ่ายรูป ซึ่งพอเห็นแล้วรู้สึกว่ามีความไม่ชอบมมาพากล แล้วเห็นว่ามีโบรชัวร์ที่มีภาพนาย ณภัทร ซึ่งเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์
เผยทางบริษัทดังกล่าว ขอภาพนิ่งไปใช้ก่อน 1 ภาพ ตัดสินใจส่งไปให้โดยขออนุญาตเจ้าของภาพก่อน ซึ่งขอใช้แค่ 1 เดือนเพื่อเอาไปติดเว็บไซต์เท่านั้น ปรากฏว่าขึ้นมาเป็นโบรชัวร์ จึงขอใช้ข้อนี้ในการยกเลิกสัญญา ในวันที่ 23 พ.ค. ตกลงกันแต่โดยดี มีการคืนเงินไปครบทุกบาท
กรณีใช้คำว่า “แอบอ้าง” ในการโพสต์ในวันที่ 14 มิ.ย. เพราะไปเจอภาพน้องนายเป็นบิลบอร์ดติอยู่ที่ตึกแห่งหนึ่ง และวันที่ 13 เลิกสัญญาไปแล้วยังมีโบรชัวร์อยู่ โดยมีนศ. มหาวิทาลัยหนึ่งส่งมาให้ แจงทำไปเพราะใช้สัญชาตญาณในการปกป้องลูก ถ้าไม่ใช้คำว่าแอบอ้างจะใช้คำว่าอะไรนึกไม่ออกจริงๆ แล้วอีกฝ่ายจะเอาคำๆ นี้มาฟ้อง! อธิบายคำว่าสินค้าราคาแพง คือ เป็นสินค้าที่เกินความจำเป็น ไม่ได้อยู่ในปัจจัย 4 เด็กนศ.ยังไม่มีรายได้ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถูกให้มาผ่อนสินค้า ถ้าไม่มีเงินผ่อนจะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากให้เกิดการสร้างค่านิยมผิด กลัวปัญหาสังคมตามมาในอนาคต
เรื่องการขอคิว มีหลักฐานหมด เขาบอกไม่ให้ความร่วมมือ ขอคิวไม่ให้ จึงเอารูปดังกล่าวไปใช้(โชว์หลักฐาน) ขอล่วงหน้ามาแค่อาทิตย์เดียว อย่างน้อยรายคือเป็นไปไม่ได้ และได้ให้คิวที่ว่างไปแล้วให้อีกฝ่ายเลือก โดยเมื่อได้ดูงานอาร์ตเวิร์คแล้วคือไม่ผ่าน ชี้น้องนายรับเป็นพรีเซ็นเตอร์โปรโมทแบรนด์หรือเว็บไซต์เท่านั้น ไม่ใช่ตัวสินค้า แสดงความไม่มืออาชีพ
แจงมีการคุยกับทางดิสช็อปแล้ว ระยะเวลานานเป็นชั่วโมง และแจ้งข้อเสนอไป 1.ค่าเสียหาย 2.ขอแพลนตารางงานที่จะไปมหาวิทยาลัย เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ใช้รูป 3.ออกหนังสือแถลงการณ์ขอโทษ เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น คู่กรณีรับปากแค่ 2 ข้อ และบอกให้คุยกับทนาย ตนจึงต้องหาทนายมาบ้าง คาดหวังว่าจะมีการแถลงขอโทษ แต่ไม่มี กลับเป็นการพูดพลิกไปหมด
เรื่องเงินค่าตัว ตกลงกันที่ 5.8 ล้าน บวกค่านายหน้าโอนให้พนง.อีก 5 แสน(หักภาษี) รวมเป็น 6.3 ล้านบาท ซึ่งได้โอนคืนหมดแล้ว ซึ่งอีกฝ่ายคิดว่าเป็นค่ารูปที่ใช้ไป แต่ส่วนตัวคือคืนไปครบแล้ว ไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว เผยนอกจากจะไม่ขอโทษตน ยังจะเอาผิดเด็กที่โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ แจงภาพบิลบอร์ดถูกถ่ายในวันที่ 28 พ.ค. แต่วันลงวันที่เท่าไหร่ไม่รู้ ที่ติดใจคือเอาภาพที่มีลิขสิทธิ์ไปใช้
การฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญา บอกมีหลักฐานเยอะมาก การไปขู่เด็กสายไปแล้วเพราะได้หลักฐานมาแล้ว ได้มาจากหลายมหาวิทยาลัย แต่เอาจริงๆ คนไทยผิดก็ขอโทษก็จบ ไม่อยากมีเรื่อง ไม่อยากมีคดีให้เสียสมาธิ เครียด แต่ถ้าจะมีคดีเกิดขึ้นจริงคิดว่าทำทุกอย่างบนความถูกต้อง หลักฐานครบ อีกฝ่ายน่าจะเสียเปรียบ ขอแค่แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่ใช้รูป นาย ณภัทร อีก บอกหลัง ดิสช็อป แถลงยังไม่ได้รับการติดต่อจากอีกฝ่าย
ทนายเผยถ้าจะดำเนินคดีจะเป็นคดีแพ่ง กรณีทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ก็แล้วแต่เจ้าของภาพว่าจะฟ้องร้องไหม ด้านแม่หมูย้ำ! มั่นใจว่าทำงานด้วยความมืออาชีพ ขอความสบายใจว่าจะไม่ใช้รูป อย่าโกหก อย่าพลิกไปพลิกมา เราคนไทยผิดก็ขอโทษ ผิดก็ยอมรับผิด ไม่ใช้โยนไปโยนมา