นักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง บูม จิรัชพิสิษฐ์ (ลูกคนที่ 4) พร้อมหน้าพี่ชายและพี่สาว ประกอบด้วย นายธนสิทธิ์ จารวิจิต(ลูกคนที่ 2), นางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต(ลูกคนที่ 3) พร้อมด้วย นายสัญชนัท วงศ์สกุลสุขดี(ทนาย) และ นายภูดิท โทณผลิน(ทนาย) ตั้งโต๊ะแถลงพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในคดีฉ้อโกงเงินบิตคอยน์ ร่ำไห้! ขอความเป็นธรรมให้กับครอบครัวของตน หลังโดนข้อกล่าวหาฟอกเงิน และถูกตราหน้าตระกูลคนโกง โอดกระทบงานในวงการถูกยกเลิกงานพรีเซ็นเตอร์และซีรีส์
โดยหนุ่มบูมเปิดใจมาดังนี้ “สงสารพ่อแม่ ต้องมาโดนคดีทั้งที่ไม่รู้เรื่องอะไร สุดซ้ำต้องโดนไปรับทราบกล่าวหาในวันเกิด หลังโดนข้อหาฟอกเงิน แถมต้องมาโดนจับในวันเกิดตัวเองวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา สิ่งที่กังวลคือกลัวพ่อแม่ อาจจะไม่ได้ประกันตัว อยากขอวิงวอนให้ครอบครัวมีสิทธิ์ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ โดยส่วนตัวยังเชื่อในกระบวนการยุติธรรม อยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองและครอบครัว พร้อมที่จะต่อสู้คดี ไม่หนีแน่นอน”
”ยันไม่รู้จักกับผู้เสียหาย นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ ชาวฟินแลนด์ ชี้แจงเคยเจอครั้งเดียวตอนไปกินข้าวกับพี่ชายคนโต ไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวกันและทราบว่าพี่ชายทำธุรกิจอะไรกับเขานิดหน่อย แต่ไม่รู้เบื้องลึกอะไรขนาดนั้น หลังจากเกิดเรื่องทางครอบครัวพยายามติดต่อพูดคุยกับทางคุณอาร์นีมาโดยตลอด แต่ด้วยความที่เขาอยากจะคุยกับนายปริญญา(พี่ชายคนโต) มากกว่า ไม่ใช่ครอบครัว แต่หลังจากนี้ถ้านายปริญญาได้รับการประกันตัวแล้วอาจจะอยากเข้ามาพบและพูดคุยกัน เพราะทางเราก็พูดมาแบบนี้ คุณอาร์นีก็พูดอีกแบบหนึ่ง ซึ่งเราต้องรอให้ทางเขาเจรจากันเอง แต่ตอนนี้คุณปริญญายังไม่ได้รับการประกันตัว จะตอบเท่าที่ครอบครัวสามารถจะตอบได้”
“ผลกระทบที่ได้รับถูกถอดจากพรีเซ็นเตอร์ 2 ตัวที่อยู่ระหว่างการพูดคุยและซีรีส์ที่จะได้ถ่ายในอนาคตก็โดนถอด และถูกกระแสสังคมกดดันอย่างมาก การใช้ชีวิตแบบปกติในประจำวันแทบจะทำไม่ได้เลย เพราะถ้าเดินออกไปความหมายคือถ้ามีคนจำได้จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกง”
ด้านพี่สาว(นางสาวสุพิชฌาย์ จารวิจิต) เปรย “รู้ว่าโดนหมายจับรู้จักสื่อ ไม่เคยชักชวนใครทำธุรกิจเลย ที่หายไปเพื่อไปสอบถามรายละเอียดไม่ได้หนีแบบที่เป็นข่าว เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาและให้ความร่วมมือกับตำรวจมาโดยตลอด ตกใจในเน็ตกล่าวว่าเป็นนักต้มตุ๋นชื่อดัง ข่าวมีผลต่อภาพลักษณ์และครอบครัว โดนส่วนตัวเชื่อมั่นว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้แน่นอน เพราะไม่รู้จักกับกลุ่มผู้เสียหายแม้แต่คนเดียว กลั้นน้ำตาไม่อยู่ พ่อแม่โดนข้อหาฟอกเงิน บอกครอบครัวทำงานหนักมาโดยตลอดและถือเป็นบุคคลมีชื่อเสียงไปไหนก็มีคนรู้จัก แต่ตอนนี้ถูกตราหน้าตระกูลคนโกง ยันแต่ละคนในครอบครัวไม่เคยมีประวัติที่ไม่ดีมาก่อน เพิ่งจะมาโดนคดีนี้ครั้งแรก วอนสื่อเสนอข่าวตามข้อเท็จจริง ตามข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริง เพราะตอนนี้พ่อ แม่ ตรอมใจที่เห็นลูกเดินเข้า-ออก กองปราบ, ศาล ตลอด แถมพ่อแม่อายุ 80 โดนข้อกล่าวหาฟอกเงิน ถ้าหลอกลวงทำไมไม่หลอกลวงตั้งแต่หนุ่มๆ ทุกธนาคารในชลบุรีรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่มีเงินมาอยู่แล้ว คุณทำร้ายครอบครัวเราแบบนี้ได้ยังไง”
ฝั่งพี่ชาย(นายธนสิทธิ์ จารวิจิต) รับรู้จักกับผู้เสียหาย(นายอาร์นี) “เคยเจอกัน โยนถามฝั่งผู้เสียหายว่าจำนวนเงินกว่าพันล้านที่เอามาลงทุน เอามาจริงใช่ไหม? ถ้าเป็นการลงทุนตามข่าวไปเอาเงินจากไหนมา? แต่ไม่อยากพูดถึง อยากพูดถึงครอบครัวมากกว่า ครอบครัวเรายืนยันว่าบริสุทธิ์ ถ้าโกงจริง ฟอกเงินจริง ทำไมยังทำงานอย่างทุกวันนี้ ทำไมไม่หนีไปแล้ว แต่ที่ยังใช้ชีวิตปกติ เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด พร้อมจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พิสูจน์ความบริสุทธิ์ ไม่มีพฤติธรรมหลบหนีแต่อย่างใด ที่ผ่านมาเท่าที่คุยกับพี่ชายคนโต นายปริญญา บอกมีการพูดคุยกับตำรวจตลอดและไม่มีเหตุผลที่จะหลบหนี เรามีหลักฐานและพยานยืนยันได้ ทางครอบครัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมนการฉ้อโกงใดๆ ทั้งสิ้น กังวลฝั่งผู้เสียหายที่มีเงินมหาศาล กลัวพลังเงินจะมาทำร้ายครอบครัว”
ทนายกล่าวเสริม “ส่วนเรื่องที่พี่ชายคนโตนายปริญญาโอนทรัพย์สินเข้าบัญชีของคนในครอบครัว ในส่วนรายละเอียดเส้นทางทางการเงินมีอยู่แล้ว แต่ขอเอาไปนำเสนอในกระบวนการสอบสวนก่อนเสร็จแล้วจะมาแจ้งสื่ออีกครั้งตรงนี้เรามีหลักฐานในการอธิบายในกระบวนยุติธรรมอยู่แล้ว ถ้าเอกสารตัวนี้ถ้าได้นำเสนอไปก่อนกลัวว่าอาจจะตีความคลาดเคลื่อนเลยขอเสนอชั้นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ รวมถึงชั้นศาลเรียบร้อยเสร็จทางครอบครัวน้องบูมคงจะมาแจ้งสื่ออีกทีว่าที่มา ที่ไปเป็นยังไง เราสามารถชี้แจงเส้นทางการเงินและมีเหตุผลรองรับกับตำรวจได้หมดทุกกรณีครบทุกยอดการโอนเงินครับ”