คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานานหลายสิบปี สำหรับ “นก บริพันธ์ ชัยภูมิ” เรียกว่าทำมาหมดเกือบทุกแวดวง ทั้งวงการเพลง ละคร และภาพยนตร์ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวพลิกบทบาทใหม่ ด้วยการกระโดดมาเป็นผู้อำนวยการผลิตภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ เรื่อง “รักข้ามคาน” ซึ่งมี “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย “เอ๊ะ สายชล แผ่นผา” และ “ธรรมรักษ์ กมุทมาโนชญ์” พร้อมด้วย “สามารถ ทองขาว” รับหน้าที่โปรดิวเซอร์ โดยเรื่องนี้มีนักแสดงหน้าเก่า และหน้าใหม่คับคั่ง อาทิ คมกฤษณ์ ดวงสุวรรณ์, เพ็ญพิชชา นาคแดง Miss Grand Actress 2019, เต๋า สมชาย เข็มกลัด, อรอนงค์ ปัญญาวงศ์, ชานนท์ จันทสะโร, นันทภัค ไกรหา รองอันดับ 3 มิสแกรนด์ ไทยแลนด์ 2018, เฉลิมชัย ปั๋นแก้ว, เลาร่า มาสเซตติ, เบญทราย กียปัจจ์, ณรัตตญา ผิวทองอ่อน
“รักข้ามคาน” เป็นเรื่องราวของ “ของขวัญ” เด็กหญิงที่มีความทรงจำกับพ่อ เป็นรถเวสป้าคันที่พ่อรักมาก เมื่อพ่อกับแม่แยกทางกัน เธอย้ายจาก อ.เชียงคาน จ.เลย ไปอยู่กับแม่ที่ จ.น่าน พอโตขึ้นเธอคิดถึงพ่อ จึงเดินทางไปหาที่เชียงคาน แต่ก็ได้รับข่าวร้าย พ่อเสียชีวิต “ของขวัญ” ตามหารถเวสป้า ที่เป็นความรัก ความผูกพันของเธอกับพ่อ จนได้เจอกับเจ้าของใหม่ที่ซื้อต่อมาพร้อมสัญญา 2 ข้อที่พ่อขอไว้ เมื่อเธอขอซื้อคืน เจ้าของคนใหม่ก็ยื่นเงื่อนไขให้เธอต้องร่วมทริปไปกับเขาบนเส้นทางเชียงคาน-น่าน ซึ่งระหว่างการเดินทาง มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย
ซึ่งพล็อตเรื่องดังกล่าวตรึงใจจนทำให้ นก บริพันธ์ อ่านแล้วน้ำตาแตก เกิดเป็นความประทับใจและนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ทั้งยังทุ่มสุดพลังเพื่อให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาดีที่สุด ซึ่งเจ้าตัวได้ออกมาเปิดใจพร้อมผู้กำกับมากฝีมือ “เอ๊ะ สายชล แผ่นผา” เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำงาน และความพิเศษของ “รักข้ามคาน” ที่รับรองว่าหนังเรื่องนี้ไม่เหมือนหนังไทยเรื่องอื่นที่เคยดูมาอย่างแน่นอน
นก บริพันธ์ : “เอ๊ะ สายชล เป็นทั้งผู้กำกับหนังเรื่องนี้ และเป็นคนแต่งพล็อตเรื่องนี้ด้วย แล้วเอ๊ะยังเป็นคนแต่งเพลง คำแพง ของ แซ็ค ชุมแพ ที่มียอดวิว 500 ล้านวิว ฝีมือของคนนี้เลยครับ”
“ต้องบอกว่าผมอ่านพล็อตหนังครั้งแรก น้ำตาไหลเลย เป็นเรื่องของผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นคนไม่ดี เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง ที่อาจจะดูเหมือนเป็นคนไม่ดี แต่เขาก็รักลูกรักเมียนะ แต่วันหนึ่ง เขาทำในสิ่งที่ลูกเมียมองว่าไม่ดี แล้วด้วยปัจจุบันผัวเมียทำอะไรคู่กันหมด แต่ถึงเวลาเห็นผัวทำความผิด เมียจะเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ลงโทษ ตัดสินใจเลิก เพราะคิดว่าไม่เป็นไร เลี้ยงลูกได้ นั่นคือจุดเกิดเหตุ”
“ปัจจุบันนี้คนเรารักกันผ่านโซเชียล เห็นกันจากรูปภาพที่ผ่านแอป มันไม่ใช่เรื่องจริง มันไม่ใช่ภาพจริง ไม่ได้รักกันด้วยการรู้สึกอยู่ใกล้กัน คุยกันรู้เรื่องแล้วรู้สึกดี แล้วรู้สึกใช่ แล้วก็อยากจะรักกัน ก็เหมือนกับความรัก ที่มันถูกจัดสร้างแบบหลอกๆ เพื่อให้คนมารักกันชั่วครั้งชั่วคราว แล้วพอพบความจริงก็เลิกกัน เพราะฉะนั้นผมว่าหนังเรื่องนี้ จะทำให้คุณกลับไปรำลึกนึกถึงจริงๆ ว่าความรักมันเกิดจากอะไร อะไรคือความรัก และผมเชื่อว่าใครดูหนังเรื่องนี้ ใครที่มีแฟนดูหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะมีลูก ไม่มีลูก เมื่อคุณดูหนังเรื่องนี้ คุณจะไม่อยากเลิกกับแฟนคุณอีกเลยตลอดชีวิต”
“ผมเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ครอบครัวทุกครอบครัวดีขึ้น และเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะทำให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงหันมาเห็นคุณค่าแห่งความรักของคนสองมากขึ้น และครอบครัวจะรักกันมากขึ้น ถ้าเด็กวัยรุ่นดูจะเข้าใจพ่อแม่เลย และเขาก็จะกลับไปรักพ่อแม่มากขึ้น ไม่ใช่พอคุณเป็นวัยรุ่น พอเรียนจบก็อยู่กับแฟน กว่าจะกลับบ้านรอพ่อแม่ป่วยหรือตายค่อยกลับไปบ้าน แต่ถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องนี้ มันจะไม่เป็นแบบนั้นอีกต่อไป”
อยากทำหนังที่ช่วยสร้างสังคมดีๆ ให้เกิดขึ้น และทำให้คนเห็นคุณค่าของความรัก
นก บริพันธ์ : “นี่คือสิ่งที่พี่เอ๊ะ สายชล เขียนมา ผมรู้สึกเลยว่า พี่เอ๊ะเรามาช่วยสังคมกันด้วยการทำภาพยนตร์สักเรื่องไหม ผมอยากให้คนกลับมาเห็นคุณค่าของความรัก พี่เอ๊ะก็เลยต้องทำบทอันนี้ขึ้นมา แล้วก็ต้องช่วยกันกำกับขึ้นมา หนังเรื่องนี้ทั้งเรื่องเลยไม่ใช่ผู้ทำภาพยนตร์อาชีพ แต่รวมตัวกันขึ้นมาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ เพราะเราคิดว่ามันน่าจะช่วยสังคมไทยได้บ้าง และมันก็เป็นไปตามเป้าหมายของเรา คือเราไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจ จะเห็นว่าช่วงที่เราฉาย เป็นช่วงที่ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะฉาย เพราะยังอยู่ในช่วงโควิด-19”
“หนังเรื่องนี้ทุกคนจะต้องตกใจว่ามันไม่เหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ห้องตัดที่ทำก็บอกว่ามันไม่เหมือนหนังไทยเรื่องอื่น ผมกล้าพูดเลย แล้วเป็นหนังเรื่องเดียวที่ถ่ายทำในสถานที่จริงทั้งหมด ระหว่างเชียงคาน แล้วเส้นทางการเดินทางจากเชียงคานเป็นเส้นทางเปิดใหม่ ลัดเลาะภูเขาสวยงาม เป็นถนนหมายเลข 3 ภูเขาไฟฟูจิแห่งเมืองไทย มีอีกหลายสิบโลเกชั่นที่ต้องตัดออก เพราะเวลาไม่พอ เนื่องจากเราอยากให้คุณเห็นความสวยงามของการท่องเที่ยวไทยว่ามันมากมายขนาดไหน แล้วขี่เวสป้าไปเที่ยว 7 วัน 7 คืน ทำอย่างนั้นจริงๆ”
“ทีมงานไม่ทำอะไรทั้งสิ้น งดทำมาหากินทุกชนิด ไปอยู่เชียงคาน แล้วก็ค่อยๆ เลาะไปถึงน่าน อยู่กันเป็นเดือน ผมไม่อยากหลอกคนดู ถ่ายจริงทั้งหมด นี่คือความตั้งใจจริงของเรา และเราอยากให้เห็นว่าประเทศไทยเรายังมีจุดท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมาก และมันจะเป็นการเปิดเส้นทางให้กับนักเวสป้าที่ต้องการเดินทางแบบสวยงาม และมีความสุขผ่านจุดที่สวยงาม”
เป็นหนังที่เปิดเส้นทางอันซีนที่คนยังไม่เคยรู้จัก
เอ๊ะ สายชล : “จริงๆ แล้วกลุ่มเวสป้า หรือกลุ่มที่เขาเล่นรถคลาสสิค เขาจะมีเส้นทางที่เขาวิ่งกันประจำ เส้นทางท่องเที่ยว ถ้าลงเส้นนั้นก็จะไปเส้นเขาค้อ ภูทับเบิก เราก็เลยเปิดเส้นทางใหม่ ที่ต้นเรื่องมันอยู่ที่อำเภอเชียงคาน บ้านพระเอกอยู่ที่นั่น แล้วก็วิ่งไปตามเส้นทางพระธาตุศรีสองรัก อำเภอด้านซ้าย เป็นเส้นทางใหม่ ลงมาที่ฟูจิเมืองเลย เป็นพื้นที่ท่องเที่ยวใหม่ ที่อยากให้ทุกคนได้ดู เพราะว่าหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เคยเจอ วิ่งยาวจนถึงอำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน เป็นเส้นทางที่สวยงามเป็นธรรมชาติ อยากให้คนที่ท่องเที่ยวได้เห็นโลเกชั่นใหม่ๆ ในบ้านเราด้วย”
นก บริพันธ์ : “เราแอบไปสร้างโลเกชั่นพ้อยต์ เช็กอินไว้ นี่คือส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ผมอยากให้เราได้เห็นธรรมชาติกันอีกครั้ง อากาศที่นั่นออกซิเจนสูงมาก วิวสวย ไม่มีคนเที่ยว อากาศดี แล้วก็ถนนดีมาก ไปลองดูนะ ใกล้หน้าหนาวแพลนไว้เลย”
หนังเรื่องนี้เจาะกลุ่มเวสป้าเป็นหลัก เพราะเป็นตัวแทนของกาลเวลา
นก บริพันธ์ : “เจาะกลุ่มเวสป้าเป็นหลักเลยครับ แล้วเวสป้าที่เป็นพระเอกในเรื่องนี้ เป็นเวสป้าแฮนด์แป๊ป ตะเกียงล่าง ปีประมาณ 50 – 53 เกือบร้อยปี เชื่อไหมว่าเวสป้าคันนี้มันดังมาก ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อหรอก ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ผมได้ไปเวนิส ประเทศอิตาลี ไปเจอเวสป้ารุ่นนี้อยู่ในตู้โชว์หรูมาก คือพูดง่ายๆ เวสป้านี่มีเงินซื้อไม่ได้นะ รุ่นนี้มันเป็นของสะสม ราคาเป็นล้านเขาก็ไม่ขาย”
เอ๊ะ สายชล : “ที่เราเลือกกลุ่มเวสป้า เพราะเป็นตัวแทนของกาลเวลา เพราะอายุการสร้างของเขามันเป็นร้อยปีแล้ว เราเลยผูกโยงเรื่องราวทั้งหมดในหนังเรื่องนี้จากเวสป้า แฮนด์แป๊ป คันนี้ ครอบครัว พ่อแม่ลูก จะถูกโยงเรื่องราวทั้งหมด หรือแม้แต่ตัวพระเอกนางเอกก็จะเดินทางด้วยเวสป้า”
ทั้งเรื่องแทบไม่มีดาราซูเปอร์สตาร์เลย เหตุเพราะอยากขายเรื่องราวของหนังมากกว่าชื่อเสียงของดารา
นก บริพันธ์ : “ผมไม่ห่วงเรื่องนั้น เพราะเราไม่ได้ขายดารา เราขายเรื่องราว ผมอยากให้ทุกคนเก็ตเรื่องราว เวลาเก็ตเรื่องราว หนังมันจะใช่ มันได้ความจริง เรากำลังเล่าเรื่องให้คนเข้าใจ เพราะฉะนั้นคนจะเข้าใจได้ ต้องไม่มีส่วนประกอบอื่นมาเบี่ยงเบน เราเชื่อว่าวันนี้คนไทยน่าจะยอมรับเรื่องการใช้นักแสดงมากกว่าเรื่องชื่อเสียงของนักแสดง เพราะฉะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่มีนักแสดงซุป’ตาร์ที่จะต้องมาดึงดูด แต่ผมเชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่คนอยากดูก็คือ ถ้าดีก็บอกต่อ ถ้าไม่ดีคุณด่าเลย ด่าไปเถอะ ด่าหูซ้ายทะลุหูขวาผม (หัวเราะ) เราเข้าใจ เราตั้งใจดี เราคิดว่ามันต้องดี นั่นแหละคือความตั้งใจของเรา”
ฉายหนังในช่วงที่มีโควิด-19 แม้จะมีผลกระทบต่อรายได้หนังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทีมผู้สร้างอยากให้หนังเรื่องนี้กระตุ้นให้คนไทยได้ฉุกคิดมากกว่า
นก บริพันธ์ : “มาตรการเราทำตามรัฐ แต่ความตั้งใจเราทำตามตัวเอง เราคิดว่ายิ่งในช่วงนี้น่าจะฉายให้คนได้คิด ตอนนี้ดูหนังตลกมันก็ไม่สนุกหรอก ผมพูดตรงๆ นะ เพราะว่าชีวิตมันเครียด กังวลว่าธุรกิจจะล่มกันอีกไหม จะหยุดไหม ผมอยากให้ดูหนังเรื่องนี้แล้วกลับมามองหน้ากัน พ่อแม่ลูกมามองหน้ากัน แล้วบอกเฮ้ย…ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะรักกันนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะไม่แยกจากกันนะ นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากคุณดูหนังเรื่องนี้”
ถ้ารักแฟนให้พามาดูหนังเรื่องนี้ แล้วแฟนจะไม่มีทางเลิกกับคุณ
นก บริพันธ์ : “ถ้าคุณอยากให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น ถ้าคุณไม่อยากเลิกกับแฟน มีแฟนแล้วอยากให้แฟนคุณรักคุณมากขึ้น หรือคุณอยากรู้ว่าทำอย่างไรจะให้แฟนคุณรัก คุณลองมาดูหนังเรื่องนี้ แต่ผมเตือนก่อนนะครับ ถ้าคุณอยากเลิกกับแฟน คุณอย่าพาแฟนมาดูหนังเรื่องนี้ เพราะแฟนจะไม่ยอมเลิกกับคุณ (หัวเราะ) เพราะความรักมันมีคุณค่า ถ้าคุณรักแฟน พามาแสดงความรักด้วยการพามาดูหนังเรื่องนี้ เขาจะรู้เลยว่าคุณรักเขา และเขารักคุณ อย่าลืมดูหนังพร้อมกันนะครับ”
ไปตีตั๋วสัมผัสกับความรักที่สวยงามและลึกซึ้งนี้ได้ ในภาพยนตร์เรื่อง “รักข้ามคาน” วันนี้ในโรงภาพยนตร์