หลายคนที่ทำงานในบริษัทมักจะได้รับสวัสดิการประกันกลุ่มจากนายจ้าง ซึ่งถือเป็นสวัสดิการที่ดี และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลได้ ทำให้มีทางเลือกในการรักษามากยิ่งขึ้น แต่หลายคนอาจสงสัยว่า เมื่อมีประกันกลุ่มแล้ว ยังจำเป็นต้องทำประกันสุขภาพส่วนตัวเพิ่มเติมอีกหรือไม่ จะเป็นการเปลืองเงินโดยใช่เหตุหรือเปล่า ในบทความนี้มีคำตอบ
การทำประกันสุขภาพส่วนตัวจำเป็นหรือไม่ ?
คำตอบคือ การมีประกันสุขภาพส่วนตัวเพิ่มเติมนอกเหนือจากประกันกลุ่มนั้นมีประโยชน์และควรพิจารณาอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ความคุ้มครองที่มากขึ้น ประกันกลุ่มมักมีวงเงินคุ้มครองและเงื่อนไขที่จำกัด เช่น วงเงินค่ารักษาพยาบาลต่อครั้งหรือต่อปีที่ไม่สูงมากนัก การทำประกันสุขภาพส่วนตัวเพิ่มเติมจะช่วยเพิ่มวงเงินคุ้มครองให้สูงขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเหมือนมีประกันสองฉบับ สามารถใช้วงเงินได้เพิ่มเติม
- ความต่อเนื่องของความคุ้มครอง ประกันกลุ่มจะสิ้นสุดลงเมื่อลาออกจากงานหรือเกษียณอายุ ในขณะที่ประกันสุขภาพจะสามารถใช้ได้ ตราบใดที่ยังจ่ายเบี้ยประกัน นี่เป็นสิ่งสำคัญมากโดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้นและมีความเสี่ยงด้านสุขภาพสูงขึ้น
- ความยืดหยุ่นในการเลือกแผนความคุ้มครอง ประกันกลุ่มมักมีแผนความคุ้มครองแบบเดียวกันสำหรับพนักงานทุกคน แต่ประกันสุขภาพส่วนตัวให้เลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณได้
- ผลประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม ประกันสุขภาพส่วนตัวมักมีผลประโยชน์พิเศษที่นอกเหนือจากการรักษาพยาบาลทั่วไป เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี การคุ้มครองทันตกรรม หรือการรักษาด้านสายตา ซึ่งอาจไม่มีในประกันกลุ่ม
- ความคุ้มครองโรคร้ายแรง บางแผนประกันสุขภาพส่วนตัวอาจรวมความคุ้มครองโรคร้ายแรงไว้ด้วย ซึ่งจะจ่ายเงินก้อน หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรงตามที่ระบุในกรมธรรม์ นี่เป็นความคุ้มครองที่มีประโยชน์มากแต่มักไม่มีในประกันกลุ่ม
- การลดหย่อนภาษี เบี้ยประกันสุขภาพส่วนตัวสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งเป็นข้อดีทางการเงินอีกประการหนึ่ง แต่พนักงานไม่สามารถนำประกันกลุ่มไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าควรทำประกันสุขภาพส่วนตัวเพิ่มเติมจากสวัสดิการหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สถานะทางการเงิน ความต้องการด้านสุขภาพส่วนตัว และระดับความคุ้มครองของประกันกลุ่มที่มีอยู่ แนะนำให้พิจารณาอย่างรอบคอบและเปรียบเทียบแผนประกันต่างๆ ก่อนตัดสินใจ ที่สำคัญคือการมองภาพรวมของความคุ้มครองทั้งหมด และพิจารณาว่าเพียงพอต่อความต้องการในระยะยาวหรือไม่
ในท้ายที่สุด การลงทุนในสุขภาพผ่านการทำประกันที่เหมาะสมถือเป็นการวางแผนที่ชาญฉลาดสำหรับอนาคต ช่วยให้มั่นใจและความสบายใจว่าจะได้รับการดูแลรักษาที่ดีที่สุดเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น