ออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานในสำนักงานเป็นเวลานาน โดยเฉพาะการนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ในท่าเดิมติดต่อกันหลายชั่วโมง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของกล้ามเนื้อและกระดูก ปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งหลายคนมักสงสัยว่าเมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด
ออฟฟิศซินโดรมกับการกายภาพบำบัด ควรเริ่มต้นทันทีที่มีอาการเบื้องต้น ไม่ควรปล่อยไว้จนอาการรุนแรง อาการที่บ่งชี้ว่าคุณควรพบนักกายภาพบำบัดได้แก่ อาการปวดคอ บ่า ไหล่ที่เป็นต่อเนื่องนานกว่า 1-2 สัปดาห์ โดยไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น หรือมีอาการปวดร้าวลงแขน ชา หรือรู้สึกอ่อนแรง
อาการปวดหลังส่วนล่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั่งทำงานเป็นเวลานาน และไม่หายไปแม้จะได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ก็เป็นสัญญาณที่ควรไปพบผู้เชี่ยวชาญ นอกจากนี้ อาการปวดข้อมือ นิ้วมือ หรืออาการชาที่เกิดขึ้นเมื่อใช้คีย์บอร์ดหรือเมาส์ ก็เป็นสัญญาณเตือนของกลุ่มอาการที่เรียกว่า Carpal Tunnel Syndrome ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของออฟฟิศซินโดรมที่พบได้บ่อย
ออฟฟิศซินโดรมและการกายภาพบำบัด มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เพราะการกายภาพบำบัดช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด นักกายภาพบำบัดจะประเมินท่าทางการทำงาน แนะนำการปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน และออกแบบโปรแกรมการบริหารร่างกายเฉพาะบุคคล เพื่อช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
อาการออฟฟิศซินโดรมที่ต้องรีบพบนักกายภาพบำบัดทันที ได้แก่ อาการปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นกะทันหันหลังจากยกของหนักหรือเคลื่อนไหวผิดท่า มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่แขนหรือขา หรือมีอาการปวดที่รบกวนการนอนหลับหรือกิจวัตรประจำวัน
ออฟฟิศซินโดรมกับการกายภาพบำบัด ไม่ได้เกี่ยวข้องกันเฉพาะเมื่อมีอาการรุนแรงเท่านั้น การพบนักกายภาพบำบัดเพื่อขอคำแนะนำในการป้องกัน ตั้งแต่การจัดท่านั่งทำงาน การปรับความสูงของโต๊ะ เก้าอี้ และจอคอมพิวเตอร์ รวมถึงการทำท่าบริหารง่ายๆ ระหว่างวัน ก็สามารถช่วยป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปแล้ว ออฟฟิศซินโดรมและการกายภาพบำบัด เป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ควรรอให้อาการรุนแรงจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การพบนักกายภาพบำบัดเพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ออฟฟิศซินโดรมกับการกายภาพบำบัด จึงเป็นเรื่องที่ทุกคนที่ทำงานออฟฟิศควรให้ความสำคัญ ทั้งในแง่ของการป้องกันและการรักษา เพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว