เซฟฟานี่ อาวะนิค

ชีวิตที่สุขภาพดี เราเลือกได้! เซฟฟานี่ กับบทบาทเทรนเนอร์

Home / Lifestyle, แรงบันดาลใจ / ชีวิตที่สุขภาพดี เราเลือกได้! เซฟฟานี่ กับบทบาทเทรนเนอร์

“ทุกวันนี้งานยุ่งมาก ในหัวสมองจะแน่นมาก แม้กระทั่งตอนนอนเซฟยังคิดงาน แต่มันก็คือความสุขที่ทำให้เราได้แชร์ตรงนี้ให้กับหลายๆ คน ได้ดูแลสุขภาพ เพราะทุกวันนี้เราก็เห็นโรคแต่ละอย่างมันก็มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หรือมะเร็ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การป้องกัน เราก็อยากจะช่วยในจุดนี้ให้กับทุกคนค่ะ”

นี่คือบางส่วนจากความรู้สึกของ เซฟฟานี่ อาวะนิค นางเอกจากช่อง 7 สี ที่นอกจากงานในวงการบันเทิงแล้ว เธอยังมีอีกหนึ่งบทบาทนั่นก็คือ เป็นเทรนเนอร์ด้านการออกกำลังกาย รวมถึงดูแลให้คำปรึกษาทางด้านโภชนาการ (Nutrition) เธอเริ่มเข้ามาทำงานตรงนี้ได้ 2 ปี ซึ่งเซฟฟานี่ เรียนจบปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีวการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล บวกกับการเริ่มเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเอง และการเป็นนักกีฬาตั้งแต่เด็กๆ ก็เลยทำให้เธอสนใจและเริ่มไปเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับทางด้านนี้ ซึ่งเธอได้บอกว่า รู้สึกว่าเราอยากจะเอาความรู้ตรงนี้ไปช่วยคนอื่นที่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย หรือว่าวิธีการกินอาหารแบบที่ถูกต้อง

ปัจจุบัน เซฟฟานี่ เป็นเทรนเนอร์อยู่ 2 ที่ และถ้าถามว่า หน้าที่การเป็นเทรนเนอร์ในแต่ละวันต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง? เจ้าตัวก็เล่าว่า

“เอาตรงๆ เลยนะคะทุกวันนี้ยุ่งมาก เพราะบางคนก็เทรนตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ก่อนเขาไปทำงาน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องลุกก่อนตี 5 แต่ว่าก็เยอะค่ะ เพราะบางวันเราอาจจะว่างช่วงกลางวัน เราไม่ได้ทำงานในออฟฟิตเหมือนคนอื่น แต่ว่าอย่างที่บอกเป้าหมายของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นการวางโปรแกรมของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกันนะคะ แล้วก็ล่าสุดเซฟเพิ่งจบเกี่ยวกับ Nutrition ก็คือเกี่ยวกับโภชนาการ คือสอบเรียบร้อยแล้วเบื้องต้น เราก็สามารถให้คำแนะนำได้ และก็เริ่มมีลูกค้าแล้ว ก็เพื่อนๆ ด้วยนั่นแหละที่หันมาสนใจเปลี่ยนวิธีการกิน คือเราเรียกตัวเองว่าเราเป็นโค้ช ซึ่งเราไม่ได้ส่งตารางอาหาร แต่การโค้ชก็คือ ทำยังไงที่เราจะสามารถเปลี่ยนนิสัยวิธีการกินไปตลอดชีวิต เพราะว่าคำว่า ไดเอท มันไม่ใช่ตลอดไป มันเป็นอะไรที่ทำระยะสั้นๆ นั่นคือสิ่งที่เราไม่ต้องการ เราต้องการให้เขาเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตของเขา ที่เขาสามารถจะทำได้ตลอดไป

เพราะฉะนั้นเนี่ยมันหลายอย่างมากเลยค่ะ เวลาจะเทรนคนหนึ่งคน เพราะแต่ละคนโปรแกรมจะไม่เหมือนกัน แล้วตอนนี้เซฟมีลูกค้าเกิน 10 คน แล้ว รวมทั้งสอนปั่นจักรยานด้วย สอนกรุ๊ปคลาสด้วย เพราะฉะนั้นโปรแกรมมันไม่เหมือนเดิม คือแบบหัวสมองจะแน่นทุกวัน  แม้กระทั่งตอนนอนยังคิดทำงาน แต่อย่างที่บอกว่ามันคือความสุขของเรา ที่เราสามารถช่วยเขาได้ คือพูดง่ายๆ ลูกค้าหนึ่งคนอยากจะลดน้ำหนักโน่นนี่นั่น หนึ่งเดือนอาจจะลดได้แค่ 2 โล แต่มันก็ยังดีกว่าลดไม่ได้เลย เราก็พยายามคุยกับลูกค้าตลอดว่าเราเน้นสุขภาพ เน้นดูแลตัวเอง คือเราต้องอยู่กับร่างกายของเราตลอดไป เพราะฉะนั้นเราต้องลองคิดถึงอนาคตว่า คุณอยากใช้อนาคตแบบไหน คุณไปโรงพยาบาลทุกอาทิตย์ไปตรวจสุขภาพ ไปตรวจเลือดทุกอาทิตย์ หรือว่าคุณอยากมีความสุขกับการรีไทน์แล้วไปเที่ยวโน่นนี่นั่น คือเซฟจะสอนลูกค้าตลอดให้ดูไประยะยาว อย่าไปดูระยะสั้นๆ  ถึงจะหลายอย่าง แต่เราชอบนะที่ได้ดูแลลูกค้า

แต่ในจุดนี้แน่นอนถ้าพูดถึงการที่จะเปลี่ยนวิธีการกินของแต่ละคนมันไม่ใช่ง่ายๆ เจ้าตัวก็ตอบมาว่า

“เราเข้าใจแต่ละคนมาไม่เหมือนกัน และกำลังใจหรือแรงบันดาลใจของแต่ละคนอาจจะไม่ได้มี บางคนมาแบบฉันไม่ได้อยากออก แต่ฉันต้องมา แต่ในขณะที่บางคนแบบมุ่งมั่นมาก เพราะฉะนั้นบางคนเราอาจจะต้องบิ้วมาก แต่บางคนเราก็ไม่ต้องบิ้วอะไรเลย เพราะฉะนั้นมันก็แล้วแต่คน ซึ่งก่อนอื่นพูดง่ายๆ เราก็ต้องสัมภาษณ์เขาก่อน ทำคามรู้จักกับเขาก่อน ว่าเขาเคยทำอะไรบ้างก่อนหน้านี้แล้ว เขาบาดเจ็บอะไรตรงไหนไหม คือต้องเช็คทุกอย่าง พูดง่ายๆ เหมือนหมออ่ะค่ะ คือถ้าเขาบาดเจ็บตรงไหนมา ท่าบางท่าอาจจะเล่นไม่ได้ และอีกอย่างเราต้องดูด้วยว่าเขาทำงานออฟฟิตรึเปล่า ก็คือเราสามารถดูออกได้เลย เพราะบางคนมาแบบหลังค่อมมากๆ และมูฟเม้นต์ของเขามันทำอะไรเยอะไม่ได้ เราก็ต้องเริ่มอะไรเบาๆ ก่อน ซึ่งบางคนอาจจะไม่เข้าใจว่าเมื่อไหร่เราจะได้ยกน้ำหนักซะที คือบางทีเรามองร่างกายเขา เรารู้ว่าร่างกายเขาอาจจะยังไม่พร้อมที่จะออก ถ้าเขาบาดเจ็บ ใครผิด เราก็อาจจะผิดถูกไหม เพราะฉะนั้นแน่นอนลูกค้าจะมีคำถามตลอดว่าทำไมไม่อย่างนี้ ฉันอ่านที่นี่มาอย่างนี้ๆ แต่ว่าสุดท้ายเรามีประสบการณ์มาทางด้านนี้ เรียนมาทางด้านนี้ เราก็จะพยายามอธิบายให้เขาต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปนะ คุณไม่ได้ออกกำลังกาย ไม่ได้ขยับตัวมานานมันก็ต้องค่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆ”

เห็นเจ้าตัวจริงจังขนาดนี้ ก็อดถามไม่ได้ว่าจะผันมาทำงานตรงนี้เต็มตัวเลยรึเปล่า?

“พูดจริงๆ ทุกวันนี้มันก็เหมือนเต็มตัวแล้ว เต็มตัวไปอีกงานแล้วค่ะ แต่ว่าเราเป็นคนที่ชอบตรงนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอเราได้มาทำส่วนนี้มันเหมือนทำให้ชีวิตเรามีความสุขมากขึ้น และอย่างที่บอกการที่เราเห็นคนสุขภาพดีขึ้นเราก็ดีใจ เพราะว่าทุกคนไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก ทุกคนมีปัญหาสุขภาพหมด ตัวเซฟเองก็มี เพราะฉะนั้นเราต้องหาจุดที่สมดุล เราก็เหมือนเป็นโค้ชที่จะช่วยหาให้กับลูกค้า เพราะการออกกำลังกายมันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ อย่างบางคนไม่ชอบยกเวท เราก็หาอะไรให้เขาเล่นอย่างอื่นก็ได้ เพราะเป้าหมายแต่ละคนมันคนละทางกัน แต่ทุกวันนี้เซฟเองแฮปปี้กับงานทุกอย่างที่ทำอยู่แล้ว”

ซึ่งจริงๆ เซฟเพิ่งเริ่มมาได้ 2 ปีหน่อยๆ ก็คือตอนนี้อยากเก็บประสบการณ์ไปเรื่อนๆ เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะลงคอร์สต่างๆ เพราะเรียนไปมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันก็อยู่กับตัวเราตลอดไปอ่ะค่ะ แต่อย่างที่บอกมันคือ ความสุขของเราที่เราได้แชร์ตรงนี้ให้กับหลายๆ คน ซึ่งบางคนอาจจะมองว่ามันเป็นเทรนด์หรืออะไร แต่สำหรับเซฟมันไม่ใช่เทรนด์ มันคือวิธีการดูแลตัวเอง เพราะทุกวันนี้ก็เห็นโรคแต่ละอย่างมันก็มีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน หรือมะเร็ง เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการป้องกัน เราก็อยากจะช่วยในจุดนี้ให้กับทุกคนค่ะ

ขอบคุณรูปภาพจากIG:stephanyauernig

เซฟฟานี่ อาวะนิค บทบาทเทรนเนอร์
เทรนเนอร์ เซฟฟานี่ หุ่นดีมาก
เซฟฟานี่ อาวะนิค