อัลบั้มภาพ 9 ภาพ
แม้จะเป็นข่าวร้ายส่งท้ายปีกับการสูญเสียคุณแม่อันเป็นที่รัก แต่ในความเศร้า พระเอกหนุ่ม ชาคริต แย้มนาม ก็มีความซาบซึ้งใจปะปนอยู่ เมื่อ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี โปรดให้ผู้แทนพระองค์นำพวงมาลาวางหน้าหีบศพ คุณแม่สมลักษณ์ แย้มนาม ถือเป็นพระกรุณาธิคุณแก่ครอบครัวของนักแสดงหนุ่มอย่างยิ่ง
โดยในช่วงบ่ายวันนี้ (23 ธ.ค. 2562) ทางครอบครัวของ ชาคริต ได้จัดทำพิธีรดน้ำศพ คุณแม่สมลักษณ์ ณ ศาลาทองคำ วัดยาง พระอารามหลวง ซอยอ่อนนุช 23 หลังจากที่เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค. 2562) ท่านได้จากไปด้วยโรคชราและโรคเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งชาคริตได้กล่าวถึงความสูญเสียในครั้งนี้ว่า…
“อย่างที่ทุกคนทราบว่าท่านป่วยมาจะครบ 4 ปีแล้ว ผมเชื่อว่าในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่เจ็บปวด ต้องทนอยู่กับการรักษามายาวนาน ท่านสู้เต็มที่แล้ว เราในฐานะลูกก็ทำดีที่สุดแล้วเหมือนกัน ต่างคนต่างทำดีที่สุดในระยะเวลาที่เรายังมีเหลืออยู่ ดีใจที่ท่านได้เจอหลาน อย่างน้อยในสภาพร่างกายที่ท่านไม่ 100% ก็ยังได้กอดได้ยินเสียงหลาน หลานได้ยินเสียงย่า ทุกวันนี้รูปตอนที่ย่ายังสาวๆ หลานก็รู้ว่าเป็นใคร น่าจะถึงที่สุดแล้ว เราไม่อยากทรมานท่านไปกว่านี้ ท่านหมดสังขารแล้วก็หลับไปอย่างสงบ
ด้วยความที่คุณแม่มีโรคประจำตัวทั้งภูมิแพ้ ทั้งไซนัส พอเข้าช่วงอากาศเปลี่ยน ระบบทางเดินหายใจมันติดขัด เวลามีเสลดลงปอด ออกซิเจนเลยขึ้นไปเลี้ยงสมองไม่ทัน เหมือนคนวูบสลบไป ประมาณอาทิตย์กว่าที่ท่านไปอยู่ในความดูแลของคุณหมอ ย้ายจากสถานที่ดูแลผู้ป่วยไปอยู่โรงพยาบาลใหญ่ของในเครือ คุณหมอก็รักษากันเต็มที่ ใช้เครื่องช่วยหายใจต่างๆ ผมถึงบอกว่าถึงที่สุดแล้ว ท่านไปอย่างสงบ
(ท่านได้สั่งเสียอะไรไว้ไหม?) ท่านพูดไม่ได้มานานแล้วครับ เราต้องแปลเอาว่าอันนี้ถูกใจไหม ชอบใจไหม แต่ด้วยชีวิตคุณแม่ผมไม่ได้เป็นคนที่ซับซ้อนอะไร สิ่งที่เขาชอบที่เขาต้องการมีไม่กี่อย่าง สีที่เรารู้ว่าท่านชอบสีม่วง เราก็เลือกดอกไม้สีม่วง ท่านชอบนกยูง เราก็เอานกยูงมาให้ ท่านเองทรมานมาเยอะแล้วกับการป่วย ท่านเป็นคนที่เรียบง่ายเราเลยเลือกที่จะสวดอภิธรรมแค่ 3 คืน ไม่อยากจะยื้อดวงจิตท่านไว้นาน และมันเป็นความต้องการของท่านด้วย คิดว่า 3 วันนี้ก็จะทำให้เต็มที่
(น้องโพธิ์ทราบไหมว่าคุณย่าไม่อยู่แล้ว?) เขาบอกคุณย่าหลับครับ ความตั้งใจคือเราบอกคุณย่าไว้ว่าไม่ต้องห่วง เพราะเขาได้เจอกัน และเราจะทำอย่างเต็มที่ให้โพธิ์เขาจำคุณย่าได้ ตอนนี้เขาอยู่ในวัยที่ยังเด็ก แต่หน้าที่ของเราคือต้องการให้เขารู้ว่า เขามีย่าที่ดีมากๆ เป็นมนุษย์ที่มีคุณค่ามากๆ คนหนึ่ง
(หลังจากพิธีเสร็จ จะนำอัฐิไว้ที่ไหน?) คิดว่าน่าจะเก็บไว้ที่บ้าน เพราะยังมีญาติหลายคนที่อยู่ต่างจังหวัด ต้องกราบไหว้ เอาไว้สัก 100 วัน และคิดว่าน่าจะเอาไปฝังไว้ใกล้ๆ เพราะใช้ชีวิตอยู่ที่สวน เลยจะเอาไปอยู่ด้วยกันที่สวน ให้อยู่กับธรรมชาติ เราได้ทำพิธีเผาเรียบร้อยแล้ว มันอยู่ที่เราเลือกจะฝังหรือลอยอังคาร คิดว่าน่าจะให้ไปอยู่ใกล้ๆ กันที่บ้านสวนครับ
(ที่ว่าจะรีโนเวทบ้านเพื่อให้คุณแม่มาอยู่ด้วย ยังทำอยู่ไหม?) ยังทำอยู่ครับ คิดอยู่เหมือนกันว่าอาคารนั้นจะทำยังไง มันมีประโยชน์สำหรับญาติพี่น้องคนอื่นๆ เวลามาช่วยงานหรือมาเยี่ยมหลาน มันก็ยังมีประโยชน์ของมันอยู่ ในอนาคตอาจจะเป็นที่ที่เราอยู่ก็ได้ เพราะคงเดินขึ้นลงบันไดไม่ไหว ยังไงก็ยังทำครับ ไม่ได้ตัดออกจากโครงการ” ชาคริตกล่าว