เป็นมหากาพย์ฮือฮาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดก็จบกันที่ศาลระหว่างนักแสดงหนุ่ม กัปตัน ชลธร และอดีตแฟนสาว มิ้ง ศวภัทร หลังจากเข้าไกล่เกลี่ยลงตัว ย้อนกลับไปเรื่องราวเริ่มจากที่ฝ่ายหญิงเปิดไอจีลับ ขุดภาพคู่มาโพสต์จนมีข่าวลือว่านักแสดงวัยรุ่นทำแฟนสาวตั้งท้อง พอ หนุ่มกัปตัน เจอสื่อโดนจ่อไมค์ถามก็ยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้คือแฟนเก่าที่เลิกกันไปแล้ว แต่ยินดีรับผิดชอบเด็กหากเป็นเรื่องจริง ต่อมาทั้งสองฝ่ายและครอบครัวออกสื่อแถลงข่าวพร้อมหน้ากัน สาวมิ้ง ยืนยันว่าท้อง ฝ่ายชายก็พร้อมจะรับผิดชอบ อย่างแรกคือการพาไปฝากครรภ์ เพราะห่วงความปลอดภัยของเด็ก แต่ สาวมิ้ง ยังคงบ่ายเบี่ยงและเลี่ยงมาตลอด
ต่อมามีการโพสต์โชว์หลักฐานที่ตรวจครรภ์ ตอบคอมเม้นท์ขอบคุณทุกกำลังใจ ขอคำแนะนำการตั้งท้อง การเลี้ยงลูก ตลอดจนรับรีวิวสินค้าเกี่ยวกับแม่และเด็ก ดารานักแสดงหลายคนก็โพสต์ให้กำลังใจเพียบ พอ สาวมิ้ง โดนเรียกร้องให้โชว์ใบฝากครรภ์มากๆ เข้า ก็ชี้แจงกลับว่าฝากแล้วแต่รพ.ไม่มีใบฝาก ส่วนหลักฐานอื่นๆ มีครบ ให้แค่คนสนิทดูเท่านั้น เหนื่อยที่จะตอบคำถาม ขอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างก็แล้วกัน จนในที่สุดก็มีโพสต์ร่ายยาวเรียงความหลายหน้ากระดาษ บอกวันเวลาละเอียดยิบ มีการกล่าวถึงบุคคลที่ 3 คือมีการไปยืมฉี่ของคนท้องจริงๆ มาตรวจด้วย แต่ก็ยังยืนยันว่าตัวเองท้องจริงและแท้งไปตามสเต็ปที่หลายคนคาดเดาว่าต้องออกมาเป็นแบบนี้!!
เหมือนคำที่ว่า “ความลับไม่มีในโลก” เพราะสุดท้ายและท้ายสุดเรื่องไปถึงชั้นศาล เนื่องจาก หนุ่มกัปตัน ยื่นฟ้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง โดยไม่เรียกร้องค่าเสียหาย แค่ต้องการความจริงให้สังคมรับรู้ ซึ่งความจริงจากปาก มิ้ง ศวภัทร ก็คือ ไม่มีการแท้ง เพราะไม่มีการท้องตั้งแต่แรก ทุกอย่างคือเรื่องโกหกทั้งเพ ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ด้วยความรักที่อยากให้ฝ่ายชายกลับมา ไม่อยากเลิกราหรือสูญเสียไป ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอโกหกไปเรื่อยๆ คงเข้าทำนองที่ว่ากลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง จนบานปลายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตในที่สุด
พอสังคมรับรู้ความจริง แน่นอนว่า มิ้ง ศวภัทร โดนโจมตีถล่มทั่วโซเชียล คนที่เคยให้กำลังใจหลายคนเงิบไปตามๆ กัน แต่เจ้าตัวไม่ได้ดราม่าน้ำตานองออกสื่อให้เห็น ยังคงโพสต์ภาพเซลฟี่ลงไอจีส่วนตัวด้วยหน้าตายิ้มแย้มสดใส และไล่ตอบคอมเม้นท์ที่เข้ามาให้กำลังใจเธอ วันนี้เราเลยรวบรวมโพสต์ต่างๆ จากปลายนิ้วของ มิ้ง ศวภัทร ทั้งความเล่นใหญ่ และพล็อตสตอรี่ต่างๆ ที่หลอกคนทั้งประเทศมาให้ย้อนอ่านกันอีกครั้ง ความชั่ววูบของคนเรามันไม่เท่ากันจริงๆ