‘ญี่ปุ่น’ เป็นประเทศในฝันของใครหลายคน ที่หากมีโอกาสก็อยากจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต แต่สำหรับ ‘บิ๊นท์ สิรีธร ลีห์อร่ามวัฒน์’ ญี่ปุ่นเป็นมากกว่านั้น เพราะที่นี่ทำให้ความฝันของเธอกลายเป็นความจริง หลังจากเดินทางไปประกวดเวที Miss International ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และคว้ามงกุฎ Miss International 2019 มาครอง นับเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในเวทีอันยิ่งใหญ่นี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังสร้างตำนานใหม่ด้วยการครองตำแหน่งยาวนานถึง 3 ปี ก่อนจะกลับไปยังกรุงโตเกียวเพื่ออำลาตำแหน่งในเดือนธันวาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา
อาจกล่าวว่าการเดินทางครั้งนี้ทำให้บิ๊นท์ได้กลับไปยังสถานที่แห่งความทรงจำอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ก็เป็นการเดินทางที่สร้างความทรงจำใหม่ ๆ ให้กับเธอเช่นกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาใน ‘เมืองโอซาก้า’ ซึ่งเธอได้รับเชิญในฐานะตัวแทนประเทศไทย เนื่องในโอกาสที่โอซาก้าจะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมโลก (World Expo) ในปี 2025 และเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสบรรยากาศของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและแรงบันดาลใจแห่งนี้
วันนี้เราจึงชวนคุณบิ๊นท์มาเล่าประสบการณ์ในการไปเยือนโอซาก้าตลอด 2 วัน ที่แม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความสนุก ความอร่อย และความประทับใจจนอยากกลับไปอีกครั้ง
ในการเดินทางไปญี่ปุ่นรอบนี้ ได้มีโอกาสไปเยือนโอซาก้าเป็นครั้งแรกด้วย รู้สึกอย่างไรบ้าง
“บิ๊นท์เดินทางไปญี่ปุ่นเดือนธันวาคม ไปโตเกียวเป็นที่แรก จากนั้นจึงเดินทางไปโอซาก้า First Impression คือ คนโอซาก้าเดินเร็วมาก อาจเพราะอากาศหนาว ปกติอากาศหนาวจะทำให้รู้สึกไม่ค่อยแอคทีฟ แต่พอไปถึงโอซาก้า เขาตกแต่งเมืองให้ดูมีชีวิตชีวา มีความ Festive เลยรู้สึกสนุกสนานกับบรรยากาศไปด้วย”
แวะเที่ยวที่ไหนบ้าง
“หลายที่มาก ทั้งย่าน Dotonbori สวน Expo’70 Commemorative Park แล้วก็ Midosuji Street”
Dotonbori ถือเป็นแลนด์มาร์กของโอซาก้าเลย ได้ถ่ายรูปกับป้ายกูลิโกะด้วยหรือเปล่า
“ถ่ายค่ะ บิ๊นท์เห็นเวลาเพื่อน ๆ ไปโอซาก้าแล้วต้องแวะ ตอนบิ๊นท์ไปถึง Dotonbori ก็เดินตามถนนไปเรื่อย ๆ แล้วจู่ ๆ ก็เห็นป้ายอยู่ตรงหน้าแบบไม่ทันตั้งตัว (หัวเราะ) พี่เลี้ยงชาวญี่ปุ่นบอกว่า ‘นี่เป็นจุดที่พลาดไม่ได้เลยนะ ทุกคนต้องถ่ายรูปด้วย’ บิ๊นท์เลยรีบไปถ่ายจะได้รู้ว่ามาถึงโอซาก้าแล้ว วันนั้นนั่งเรือครูซส์ชมเมืองโอซาก้าด้วย เรือล่องไปตามเส้นการค้า บนเรือมีไกด์คอยแนะนำสถานที่ตลอดสองฝั่งข้างทาง แม่น้ำที่นี่ก็สะอาด ไม่มีกลิ่นเลย และที่ประทับใจมาก ๆ คือความน่ารักของคนโอซาก้า ที่พอเรานั่งเรือแล้วโบกมือทักทายคนริมทาง เขาก็จะโบกมือกลับให้เราด้วย”
เที่ยวโอซาก้าทั้งที จะขาดเรื่องของกินไปไม่ได้เลย ได้ลองชิมเมนูขึ้นชื่ออะไรบ้าง
“ทาโกะยากิค่ะ ทาโกะยากิของโอซาก้าอร่อยมาก เนื้อละมุน ไม่เลี่ยน แป้งน้อย ไส้เยอะ เป็นเมนูที่ไม่อยากให้พลาด เพราะมีความแตกต่างจากที่อื่นจริง ๆ แล้วก็ได้ทานโอโคโนะมิยากิด้วย”
ได้ยินว่าเป็นครั้งแรกที่ได้ลองโอโคโนะมิยากิของที่นี่
“ใช่ค่ะ บิ๊นท์ทานที่ร้าน Chibo ความพิเศษคือเชฟมาทำให้ดูตรงหน้า เราจึงเห็นสตอรี่ของอาหารตั้งแต่ต้น เชฟใส่ใจมากด้วย คอยบอกส่วนประกอบของแต่ละเมนูและถามตลอดว่าแพ้อาหารอะไรหรือเปล่า ตอนแรกคิดว่าคงจะทานไม่หมด แต่ปรากฏว่าทานคนเดียวหมดเลย (หัวเราะ)”
นอกจากอาหารแล้ว ไวน์ท้องถิ่นก็ดังไม่แพ้กัน ไปลองมาด้วยไหม
“ไป Kawachi Winery มาค่ะ บิ๊นท์ชอบดื่มไวน์อยู่แล้วเลยประทับใจที่นี่มาก เพราะเขาให้เราลองชิมไวน์สด ๆ จากถังไม้เลย รสชาติดีมาก มีความเฟรช กลิ่นหอมชัดเจน โดยเฉพาะไวน์ขาวอร่อยมาก แถมเขายังพาไปดูกระบวนการทำไวน์ตั้งแต่แนะนำสายพันธุ์องุ่นไปจนถึงการบ่ม เหมือนเป็นไกด์เลย ที่ชอบอีกอย่างคือ ในโรงบ่มจะมีกลิ่นไม้เป็นเอกลักษณ์ บิ๊นท์เป็นคนชอบกลิ่นไม้ด้วยเลยยิ่งประทับใจ (หัวเราะ) บิ๊นท์ได้แวะร้านขายสินค้าของโรงบ่มด้วย ในร้านมีทั้งไวน์สูตรของเขาเองและสินค้าแปรรูปจากองุ่น โรงงานที่ญี่ปุ่นมักจะมีร้านของตัวเอง ซึ่งไม่ค่อยเห็นในไทย เขาจะนำวัตถุดิบหลักมาเพิ่มมูลค่า อย่างโรงบ่มไวน์ก็จะนำองุ่นมาทำเป็นสินค้าต่าง ๆ ที่มีเฉพาะที่นี่ หาซื้อที่อื่นไม่ได้ เป็นความครีเอทีฟในแบบของประเทศญี่ปุ่น และยังดึงดูดนักท่องเที่ยวอย่างเราให้รู้สึกอยากไป”
ตลอดทริปที่โอซาก้า โมเมนท์ไหนที่รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ
“ที่ Midosuji Street ค่ะ บิ๊นท์ตั้งใจจะไปดูเทศกาลประดับไฟที่นี่ เพราะมีจัดเฉพาะช่วงปลายปี แต่วันนั้นฝนตกพอดี อากาศก็หนาวกว่าเดิม ตอนแรกทุกคนถามว่าจะสู้ไหม บิ๊นท์ก็บอกว่ามาถึงโอซาก้าทั้งทีต้องไปสิ (หัวเราะ) ซึ่งคิดไม่ผิดเลยที่ตัดสินใจไปเพราะสวยมาก ถนนทั้งเส้นประดับประดาไปด้วยแสงไฟ แล้วอากาศเย็น ๆ ฝนตกปรอย ๆ เป็นบรรยากาศที่ไม่มีในไทย บวกกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยของคนญี่ปุ่น ทำให้ตรงนั้นสงบมาก บิ๊นท์ยืนดื่มด่ำบรรยากาศ รับลม รับละอองฝน เหมือนได้สัมผัสผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 รู้สึกได้เติมพลังจริง ๆ รูปที่ถ่ายมาก็ Amazing มาก ปกติเวลาถ่ายรูปตัวเองจะคาดหวังความเพอร์เฟค ไม่ชอบให้ฝนตก แต่พอถือร่มแล้วปรากฏว่ารูปออกมาสวย ลงตัวมาก”
คุณบิ๊นท์เล่าว่าได้ไปเที่ยวสวน Expo’70 Commemorative Park มาด้วย บรรยากาศเป็นอย่างไรบ้าง
“สวนบรรยากาศดีมาก ตอนไปถึงเราเห็น Tower of the Sun ก่อนเลย หอคอยใหญ่ ดีไซน์แปลกตามาก สวนนี้เป็นสถานที่รำลึกถึงงาน World Expo ปี 1970 ที่จัดขึ้นที่โอซาก้า บิ๊นท์เป็นคนชอบสถานที่ที่มีประวัติความเป็นมาอยู่แล้ว ยิ่งทำให้สนใจมากขึ้น”
งาน World Expo มีความสำคัญและความพิเศษอย่างไร
“งาน World Expo เป็นงานที่เราจะได้เห็นทั้งวัฒนธรรมและเทคโนโลยีจากหลากหลายประเทศ อย่างปี 1970 มีการจัดแสดงโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกของโลก ประเทศไทยเองก็ส่งนางงามกับช้างไทยไปโชว์ด้วย และในปี 2025 โอซาก้าจะได้เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้อีกครั้ง ครั้งนั้นเราได้เห็นมือถือเครื่องแรก ครั้งนี้ก็ตั้งตารอเลยว่าแต่ละประเทศจะนำนวัตกรรมอะไรมากโชว์กัน”
แล้วครั้งนี้มีไฮไลท์อะไรที่น่าสนใจบ้าง
“บิ๊นท์เห็นว่าครั้งนี้มีรถยนต์บินได้ น่าสนใจมากเลยนะ อยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร บินได้อย่างไร จากปี 1970 ที่มีโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก จนปัจจุบันเราใช้กันอย่างแพร่หลาย เหมือนเป็นอวัยวะอีกอย่างหนึ่งไปแล้ว ผ่านไป 50 กว่าปีมีรถยนต์บินได้ แต่ก่อนเราเห็นแค่ในภาพยนตร์ ตอนนี้มันจะเกิดขึ้นจริงแล้ว อยากไปดูมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีการนำระบบแปลภาษาอัตโนมัติโดย AI มาทดลองใช้เพื่อช่วยสื่อสารภายในงาน รวมถึงศาลาแสดงวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ ด้วย อีกอย่างที่น่าตื่นเต้นคือ งาน World Expo 2025 จะจัดขึ้นบนเกาะเทียม Yumeshima โอซาก้าน่าเที่ยวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งมีงานนี้ยิ่งทำให้อยากไป”
แค่ไฮไลท์ก็น่าตื่นเต้นแล้ว ญี่ปุ่นมีอะไรให้เราประหลาดใจอยู่เสมอจริง ๆ
“ใช่ค่ะ คนญี่ปุ่นใส่ใจรายละเอียดและคิดมาเป็นอย่างดีจริง ๆ อย่างน้อง ‘Myaku Myaku (เมียะคุ – เมียะคุ)’ มาสคอตของงาน World Expo 2025 ตอนบิ๊นท์เจอครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร ทำไมหน้าตาแปลก ๆ (หัวเราะ) แต่สตอรี่ของเขาน่ารักมาก น้องเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวได้ ชื่อมีความหมายว่า ‘สืบต่อ’ อาจจะสื่อว่าเทคโนโลยีไม่มีที่สิ้นสุด เพราะงาน World Expo คือการสืบต่อความยิ่งใหญ่ของโลก ว่าคนตัวเล็ก ๆ แบบพวกเราจะทำอะไรให้โลกนี้ได้บ้าง ขนาดมาสคอตหนึ่งตัวยังผ่านการออกแบบมาเป็นอย่างดี ทำให้ทุกอย่างแมตช์กันไปหมด คนญี่ปุ่นมีความล้ำลึกทางภาษาและความคิดมากจริง ๆ”
อยากเห็นประเทศไทยนำอะไรไปโชว์ในงานนี้
“บิ๊นท์คิดว่า Soft Power ของประเทศไทยมีอีกหลายอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเดิมที่โปรโมทได้ดีอยู่แล้ว นางงามไทยก็เป็น Soft Power ได้เลยนะ อย่างตอนบิ๊นท์ไปประกวด Miss International ตั้งใจว่าอยากไปเผยแพร่ความคิด ไอเดีย และอยากนำของดีของประเทศไทยไปเผยแพร่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง บิ๊นท์พกทั้งยาดม ทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสต้มยำกุ้งไป แล้วใช้สิ่งเหล่านี้ผูกมิตร ทำให้สนิทกับเพื่อนเกือบทุกประเทศเลย วันสุดท้ายเห็นเพื่อน ๆ ดูเหนื่อยก็แจกยาดมให้ บางคนไม่รู้จัก คิดว่าเป็นยาหยอดตา (หัวเราะ) เราเผยแพร่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ให้กับเพื่อนต่างชาติ แล้วพอเขาเอาไปลงโซเชียล คนในประเทศของเขาได้รับรู้ไปด้วย ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น”
จากทริปโอซาก้าครั้งนี้ สิ่งที่รู้สึกว่าแตกต่างจากประเทศไทยคืออะไร
“ผู้คน คนญี่ปุ่นมีนิสัยที่ชัดเจน มีความเป็นญี่ปุ่น มีระเบียบเรียบร้อย อย่างเรื่องการเข้าแถว แต่คนโอซาก้าจะมีความสนุกสนานอยู่ในตัว คล้ายคนไทยอยู่บ้าง เมืองก็สะอาด รู้สึกสบายใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง”
แล้วสิ่งที่ประทับใจมากที่สุดในโอซาก้าล่ะ
“ของกิน (หัวเราะ) บรรยากาศ แล้วก็คน”
อยากให้ฝากถึงคนที่จะเดินทางไปญี่ปุ่นและสนใจไปเที่ยวโอซาก้าหน่อย
“บิ๊นท์ว่าโอซาก้าเป็นเมืองที่ทำให้ได้ใช้ชีวิต ไปเที่ยวแล้วมีความสุข เมืองมีผังเมืองดีมาก เหมาะกับการเดินเที่ยว ใครเป็นสายถ่ายรูป ถ่าย Vlog ลงโซเชียล เมืองนี้ถ่ายรูปสวยทุกมุมจริง ๆ งานดีไซน์เยอะด้วย ใครเป็นสายกินยิ่งพลาดไม่ได้ อาหารที่นี่อร่อยถูกปากคนไทยแน่นอน ส่วนสายช้อปปิ้งก็มีที่ให้ช้อปเพียบ อีกอย่างที่โดดเด่นคือเรื่องแฟชั่น สายแฟชั่นน่าจะเพลินมาก เพราะคนโอซาก้าแต่ละคนจัดเต็มกันมาก สีสันสดใส มีสไตล์ของตัวเอง ดังนั้น ใครอยากมาสัมผัสประเทศญี่ปุ่นในบรรยากาศสนุกสนาน มีสีสัน ได้เที่ยว กิน ช้อป ถ่ายรูปแบบครบในที่เดียว ต้องมาโอซาก้าเลยค่ะ”