เป็นอีกหนึ่งนักแสดงที่นอกจากจะใช้อาชีพนักแสดงทำสิ่งๆ ให้กับสังคมแล้ว ก็ต้องบอกว่าหนุ่ม ฌอห์ณ จินดาโชติ ยังได้งัดเอาความสามารถ และความชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการถ่ายรูป การเขียนหนังสือ หรือแม้แต่การพูดมาทำสิ่งดีๆ ตอบแทนให้กับคนที่ขาดแคลน คนที่ไม่มีโอกาส รวมไปถึงล่าสุดเจ้าตัวได้ไปร่วมกับ ยูนิเซฟ ( Unicef) ขึ้นไปมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับน้องๆ บนดอย ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยจะถ่ายทอดออกมาเป็นหนังสั้น ในโปรเจ็คที่ชื่อว่า The Blue Carpet Show ซึ่งเจ้าตัวได้เผยถึงความรู้สึกว่า
“รู้สึกเป็นเกียรติที่ยูนิเซฟติดต่อมา เราได้ลงภาคสนามจริง พื้นที่จริง ได้ลงมือทำจริง ได้รู้เห็นถึงปัญหาและแก้ปัญหา และเราก็เอาสิ่งที่เรารู้เห็นมาบอกต่อ ด้วยความที่ผมมีหลาน ผมว่าการที่เรามีเด็กเล็กอยู่ในบ้านมักจะเปิดใจกับเด็กอยู่แล้ว มันทำให้ผมอิน แต่พอไปเจอน้องๆ ที่เขาขาดโอกาสทางการศึกษา เราก็อยากจะช่วนน้องๆ ในสิ่งที่เราพอจะทำได้ คือผมว่าโอกาสสำคัญ พอโอกาสที่มันไปไม่ถึงมันก็เลยทำให้ทุกอย่างมันดูแตกต่างกันมาก กับเด็กๆ ที่เขาได้รับโอกาส”
ซึ่งนอกจากโปรเจ็คกับ ยูนิเซฟ แล้ว ก่อนหน้านี้หนุ่ม ฌอห์ณ เองก็มีทำอีกหลายโปรเจ็คที่เป็นการช่วยเหลือคนอื่นๆ อย่างเช่นเมื่อปีที่แล้วก็จัดนิทรรศการภาพถ่าย เล่าเรื่องเก่าที่เราแคร์ ซึ่งเป็นฝีมือการถ่ายภาพของเจ้าตัว โดยเป็นภาพจากชุมชมบางแค และเอารายได้ไปมอบให้กับบ้านบางแค
และต่อมาปีนี้ เจ้าตัวก็มีทำสนามบอลให้กับโรงเรียนวัดหนองพังตรุ อ. ท่าม่วง จ. กาญจนบุรี โดยหนุ่ม ฌอห์ณ เล่าว่า คือเขาบอกมาว่ามันขาดการส่งเสริม เพราะจริงๆ พื้นที่ตรงนี้มันก็เป็นพื้นที่สนามกีฬาของชุมชนด้วย เราก็เดินเรื่องกันไปว่าเขาต้องการอะไร สิ่งก่อสร้างยังไง ก็ไปหามาได้ และก็มาลงทุนทำกิจกรรมด้วยกันกับเด็กๆ ให้เด็กๆ ได้มีส่วนร่วมกับวัดด้วย เพราะโรงเรียนนี้ติดกับวัด
ต่อมาก็เขียนหนังสือเล่มที่ 2 ชื่อ ให้กาลเวลาเล่าเรื่องที่ดี เพื่อหาเงินทุนช่วยเหลือมูลนิธิคนตาบอดแห่งประเทศไทย และก็ช่วยเป็นทุนการศึกษาให้เด็กที่โรงเรียนวัดหนองพังตรุ ที่เคยไปทำสนามบอลให้ด้วย โดยเจ้าตัวบอกว่า ก็ให้ไปเลยร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้หักค่าใช้จ่ายอะไร ซึ่งตอนแรกทุกคนก็ทักว่าจะดีเหรอ แต่รู้สึกว่ามันทำมาแล้ว และเจตนาเราเป็นแบบนี้
ทั้งนี้หนุ่มเจ้าก็เล่าต่ออีกว่า จะมีแบบนี้มาเรื่อยๆ เพราะทุกคนก็จะแจ้งเข้ามาว่ามีปัญหาตรงนั้น ตรงนี้ นี่ก็มีที่ยะลา ที่รับทราบเรื่องมา เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ลงพื้นที่ ก็คือด้วยความเป็น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็จะมีเรื่องของความเข้าถึง เรื่องเงินทุนที่ขาด และจิตอาสาอะไรพวกนี้ ก็เดี๋ยวรอให้อะไรมันลงตัวก่อนก็ว่าจะไปดู
พร้อมทิ้งท้ายถึงเรื่องการเป็นผู้ให้ว่า “ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ ซึ่งมันจะมีคำพ่วงมาตลอด ทั้งให้โอกาส ให้เวลา ให้ความเข้าใจ การให้เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ดี ถ้าเราเป็นแต่ผู้รับ ไม่รู้จักการเป็นผู้ให้ ความสัมพันธ์ในระยะยาวคงไม่เกิด ถ้าเราเป็นผู้ให้อย่างเดียว ไม่เรียนรู้ที่จะป็นผู้รับ ความสัมพันธ์มันก็เกิดขึ้นเพียงช่วงเดียว เพราะเราจะเหนื่อย ฉะนั้นการให้เป็นการเริ่มต้นหลายๆ อย่าง ให้ในสิ่งที่เรามี ให้ตามกำลังที่มี พอเรามีมากขึ้นก็ค่อยๆ ทยอยแบ่งปันให้มากขึ้นตามๆ ไป”
ขอบคุณรูปภาพจากIG: @seanjindachot, @crosswalkcafe,bkk