หญิง รฐา

หญิง รฐา เล่าเจอ กิ๊ก สุวัจนี เล่นนอกบทพ่นข้าวใส่หน้า เผย! พับโครงการมีลูกถาวร เหตุตรวจพบมดลูกมีปัญหา

Home / ข่าวบันเทิง / หญิง รฐา เล่าเจอ กิ๊ก สุวัจนี เล่นนอกบทพ่นข้าวใส่หน้า เผย! พับโครงการมีลูกถาวร เหตุตรวจพบมดลูกมีปัญหา

ถึงกับออกปากว่าไม่แก่เกินเรียน สำหรับ “หญิง รฐา” ที่ล่าสุดได้ไปร่วมงาน KUT-L CLUB ในฐานะพรีเซนเตอร์ KUT-L พร้อมร่วมเปิดตัว T-Plant Pro โปรตีนพืชออแกนิค ผลิตภัณฑ์น้องใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ Shining ณ TOPGOLF Megacity บางนา

โดย “หญิง รฐา” เผยว่าตอนนี้กำลังเป็นนักศึกษาปริญญาโทด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย พร้อมประกาศพับโครงการมีลูกแบบถาวรหลังตรวจพบปัญหาที่มดลูก แซวตัวเองเหมือนกะเทยไม่ต้องใช้มดลูก ลั่น ! หยุดมีลูก แต่ไม่หยุดทำ รวมถึงเผยฟีดแบคละคร เรือนโชนแสง เรตติ้งดี เล่าเจอ “กิ๊ก สุวัจนี” เล่นนอกบทพ่นข้าวใส่หน้า วันไหนเข้าฉากด้วยกันต้องวอร์มร่างกายไปจากบ้าน

ถามถึงฟีตแบคละครเรือนโชนแสง ? “หูย ฟีดแบคละครดี ก็ใจค่ะเพราะว่าแบบยอดวิวในโซเชียลก็ดีขึ้น รวมถึงเรตติ้งก็ดีขึ้นตามลำดับ ตอนนี้เรตติ้ง 4.0 แล้ว ก็คือค่อนข้างดีเลยอะไรอย่างนี้ค่ะ มันสนุกแหละหญิงว่า เราได้ทีมที่ดี ทีมนักแสดง ทีมเบื้องหลัง ผู้กำกับ แอคติ้งโค้ชทุกอย่าง แล้วมันทำงานกันเป็นทีมเวิร์คกันค่อนข้างดีมากอะไรอย่างนี้“

ตอนจบจะเซอร์ไพร้ส์มั้ย คนดูเกลียดเราตั้งแต่ EP แรก ? ”ตอนนี้เค้าเริ่มชอบแล้วนะ รู้สึกประสบความสำเร็จ เพราะว่าจริงๆ บทประมาณ 3-4 EP แรก คนต้องเกลียดแม่เดือนอยู่แล้ว เพราะว่าเราเหมือนเป็นตัวหลอกด้วยไง เราเป็นตัวหลอกที่ทำให้คนคิดว่าใช่หรือเปล่า แล้วก็พอมาช่วงนี้เริ่มเป็นพาร์ตของแม่อิ่มล่ะ แต่ว่าบอกเลยนะว่า จนกระทั่ง EP สุดท้ายก็ยังพลิกสุดๆ อยู่ดี“

ถ่ายกับพี่กิ๊กเอนเนอจี้เขาเยอะมากเลย ? ”คือกับพี่กิ๊กก็คือต้องวอร์มมาเลยนะ คือถ้าวันนี้มีคิวที่ต้องเล่นกับพี่กิ๊ก คือหญิงต้องเล่นพีลาทิสมาจากบ้านซัก 20 นาที ต้องวอร์มกล้ามแขน กล้ามขามาเพราะว่าก็ไม่รู้ว่า she จะกระโดดคล่อมเมื่อไหร่ หรือว่า she จะเขย่าตัวหรือ she จะฟาดยังไง แต่ก็สนุก คือจริงๆเป็นการร่วมงานกับพี่กิ๊กเป็นเรื่องที่สอง เรื่องแรกเนี่ยตอนนั้นเรายังเด็กมาก ก็ไม่ค่อยได้ปะทะกัน เรื่องฝากดินกลิ่นดาว แต่ว่าครั้งนี้กลับมาเจอกันก็รู้สึกว่าดีใจ พี่กิ๊กก็เอเนอจี้ยังเหมือนเดิม แล้วก็ความเป็นสุวัจนีมันเป็นอะไรที่แบบทุกคนเข้าถึงง่าย จับต้องได้สุดๆ น่ารักกับทุกคน แล้วก็เป็นคนเสียงดัง รู้เลยว่าแบบมาแล้ว สุวัจนีมาแล้วอะไรอย่างนี้ เวลามีเขาในกอง มันก็จะแอคทีฟดีค่ะ มันสดชื่นดีอะไรอย่างนี้“

จริงๆ เอาเขาอยู่ไหม เวลาเขาเล่นเขาจะอิมโพรไวส์อยู่แล้ว ? “ก็พ่นข้าวใส่หน้า ก็อิมโพรไวส์อ่ะคิดว่าไง ช็อคอยู่ (มีซีนไหนที่อึ้งบ้าง ?) มีทั้งอันที่กระโดดคร่อมคะ แล้วเอาจริงๆ ตัวเขาคร่อมหญิง แล้วด้วยความที่พื้นมันลื่นมาก เราก็เลยทรุดเข่าปัก เราอ่ะเข่าปัก แต่เขาอ่ะหัวปัก เพราะว่ามันกลิ้งลงอะไรอย่างนี้ เราก็บอกเขาว่า พี่ต้องเซฟตัวเองนะ ในการเล่นบางทีแบบถ้ามาแรงขนาดนี้ตัวพี่เองจะเจ็บเอง เราตอบไม่ได้เลยว่าในแต่ละวันมันจะเจออะไร เขาบอกว่า ฉันหัวไม่ได้ชนอะไรนะ ฉันไม่เห็นเจ็บอะไรเลยนะ พี่กิ๊กไม่ได้โดน พี่กิ๊กไม่ได้โดน(เลียนแบบเสียงกิ๊กสุวัจนี) แต่ว่าความเป็นเขาก็คือเขาใส่เต็มใส่ร้อยอ่ะคะ จนบางทีเรารู้สึกว่าแบบการเล่นละครบางทีมันถ่ายหลายเทคอ่ะ รู้สึกว่าแบตเขาอยู่ตรงไหนวะ ทำไมเอเนอจี้เขาไม่ตกเลย เวลาเขาเล่นเสร็จเขาก็จะบอกเสมอว่าก็ใส่ไปให้สุดเลย ถ้าได้มันก็ได้เลย เขาก็อยากให้ได้แบบที่เขาแพลนไว้ว่าเขาอยากได้ให้เต็มที่อะไรอย่างนี้ แต่ว่าการที่เขาเป็นตัวละครที่เป็นคนเสียสติ มันก็ถูกแล้วนะที่เราจะต้องลุ้นว่าวันนี้เขาจะมายังไง เข้าใจไหมว่าในทางการแสดงเราก็จะรู้ว่าเอ๊ะวันนี้เขาจะมาเวย์ไหนวะ ซึ่งคนเสียสติอ่ะเราก็จะเดาทางเขาไม่ได้อยู่แล้วว่าวันนี้เขาาจะมายังไง เขาพูดยังไง เข้าจะอยู่ดีๆ กระโดดเข้าหาเราหรืออะไรยังไง ซึ่งมันก็เป็นคาแรกเตอร์ที่เขาก็ช่วยให้เรามีความมีความ Doubt นิดๆ ในการเล่นว่าแบบเขาาจะเวย์ไหน เขาจะมายังไง ซึ่งมันก็ถูกต้องแล้วที่คุณไพลินต้องเป็นแบบนี้อะไรอย่างนี้ค่ะ”

เวลาเขาอิมโพรไวส์เล่นใหญ่ หญิง ก็ต้องใหญ่ใส่เขาไปไหม ? “ไม่นะมันคือตัวละครไง แต่ว่าเวลาคัทก็แบบ โห…พี่กิ๊ก สุด มันเหนื่อยมากแม่อะไรอย่างนี้ คือแบบมันมีวันนึงหญิงแบบสะบักจมอ่ะ คือวิ่งๆ อยู่แล้วพี่กิ๊กกระโดดคร่อม แล้วจังหวะมันไม่ได้เกร็งรับไว้ แล้วก็สะบักจม ปวดสะบักไปหลายวัน ก็วอร์มอยู่อย่างเนี่ยหลายวัน ไม่ใช่แค่หญิงนะคะ ไปถามพี่ปูเป้ ทุกคนโดนหมดอย่างพร้อมเพรียงกัน ใช้คำว่ากิ๊กสุวัจนีทั่วถึงได้เลย”

ใกล้จบแล้วเป็นยังไงบ้าง มันจะเหมือนสิ่งที่คนดูคิดไหม ? “มันก็มีคนที่คิดแล้วกับคนที่คิดอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะคิดถูกหรือเปล่า เพราะไว้ใจไม่ได้เลย แต่ว่าอีกประมาณซัก 2-3 ตอนก็น่าจะจบแล้วค่ะ ก็ฝากติดตามไปด้วยกัน แล้วก็ดูกันเยอะๆ เพราะว่าเราทุ่มเทกันมากจริงๆ บาดเจ็บกัน บทก็เขียนจนแบบโอ้โหมันพลิกไปพลิกมา ขนาดเราเป็นนักแสดงเองอ่านบทเรายังสนุกเลย ก็ใกล้จบแล้วค่ะ ประมาณต้นเมษาก็จบแล้วค่ะ”

ได้ข่าวว่าตอนนี้เรียนอยู่ด้วย ? “ใช่ ตอนนี้เรียนปริญญาโทค่ะ เกี่ยวกับเวชศาสตร์ชะลอวัย Anti Aging“

อะไรทำให้เราแบบว่าต้องเรียนด้านนี้ ? ”หลักๆก็คือทำธุรกิจเสริมอาหารเนี่ยแหละค่ะ แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากเรียนให้ถึงระบบในร่างกายเพื่อที่ว่ามันจะได้ไปช่วยพัฒนาสินค้าในอนาคต หรือว่าเราจะทำอะไรที่เกี่ยวกับสุขภาพในอนาคต แล้วหญิงก็อินกับเรื่องของ Anti Aging อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของวิตามินต่างๆ ร่างกายต่างๆ สารแร่ธาตุต่างๆในร่างกายรวมถึงเรื่องของการนั่งสมาธิ เรื่องของเรกิ เรื่องของ Sound Bath หรือว่าเรื่องของการทำ Meditation อะไรอย่างนี้ค่ะ คือเราก็ชอบด้านนี้อยู่แล้วก็เลยอยากเรียนให้รู้จริงๆเลยว่ามันเป็นยังไง“

เรียนที่ไหน ? ”หญิงเรียนที่ ม. ธุรกิจบัณฑิตค่ะ DPU ค่ะ ก็เรียนมาตอนนี้เป็นปีหนึ่งเทอมสองล่ะ ก็จะสอบไฟนอลเสร็จประมาณ วันที่ 18 พฤษภาคม” (เวลาเรียนด้วยเหรอ ?) “ เรียนทุกเสาร์อาทิตย์ ก็ยากอยู่ เพราะจริงๆ ช่วงเรือนโชนแสงเป็นช่วงที่หนักมาก เพราะว่าเรียนเช้าไปถ่ายละครบ่าย บางทีกองขอเช้าก็ไปเรียนต่อบ่ายอะไรอย่างนี้ ก็สลับไป แต่ว่าวันที่สอบก็จะขอไว้เลย ก่อนสอบหนึ่งอาทิตย์ก็จะขอไว้เลยว่าต้องมีวันติว ต้องมีอะไรอย่างนี้ค่ะ

ได้เรื่องความไม่แก่ด้วยมั้ย ? “คือความไม่แก่ก็เป็นเรื่องหนึ่ง คือการเรียน Anti Aging มันอาจจะแบบชะลอวัยเนาะ คำว่าชะลอวัยมันเป็นส่วนหนึ่ง แต่คำว่าแก่ หญิงว่ามันคงไม่ใช่เรื่องของการแบบนี้ความเหี่ยวย่น แต่ว่าการที่เราจะมีสุขภาพดีแบบองค์รวมในระยะยาวเพื่อที่ว่าวันนึงเราต้องป่วยแต่แค่ย่นระยะเวลาความป่วยของเรายาวออกไป ไกลออกไป ถ้าแต่ก่อนรู้สึกว่า 40 50 60 เราน่าจะเริ่มป่วยล่ะ แต่ถ้าเราเริ่มดูแลตัวเองได้ตั้งแต่ 20 30 เรารู้จักวิธีการทานที่ดี หลับที่ดี ตื่นที่ดี ออกกำลังกายที่ดี ขจัดความเครียดได้ดี ก็จะทำให้โรคไม่ได้เกิดเร็วขึ้น เราก็อาจจะแบบไปป่วยเอาตอนอายุมาก ยาก็อาจจะไปทานต่อนู้น ไม่ต้องรีบทานอะไรอย่างนี้ แล้วก็ดูแลคนรอบข้าง คนที่เรารักไปด้วย ใช่ ใช่ค่ะ”

เรียนกับ เกรซ กาญจน์เกล้า ? “ใช่ เรียนกับเกรซ กาญจน์เกล้า เรียนด้วยกันมาเลย ติวด้วยกันมาเลย น้ำตาร่วงด้วยกันมาเลย แต่ก็สนุกนะ หญิงว่าข้อดีคือปีนี้เป็นปีที่รุ่นนี้เป็นรุ่นที่แบบดีมากเลย ช่วยกัน ในห้องเนี่ยก็จะมีฝั่งเมดิคอล ก็คือจะเป็นคุณหมอจริงๆ บางคนก็ออกมาจากโรงพยาบาลมาเลย หมายถึงว่าทำงานแล้วก็มาเรียน ในฝั่ง Sci ก็คือฝั่งวิทยาศาสตร์ ก็เป็นฝั่งที่เป็นพวกหญิงอะไรอย่างนี้ อาจจะไม่ใช่คนที่เรียนจบหมอ อย่างหญิงจบ humanity จบศาสตร์ด้านอื่นมา แต่ว่าก็สามารถที่จะมาเรียนปรับพื้นฐานแล้วก็เรียนควบคู่กับคุณหมอในห้องได้อะไรอย่างนี้ค่ะ เวลาสอบทีนี่คือหัวจะระเบิดเลยแต่ว่า สิ่งหนึ่งที่เราได้เลยคือเรารู้สึกว่าจริงๆแล้วเราไม่มีใครแก่เกินเรียน เราคิดว่าสมองบางส่วน เราใช้ไปกับการทำงานทางด้านวงการมานานมาก แต่พอเข้าไปนั่งเรียนในห้องอ่ะ แล้วบางเรื่องเราจำได้ขึ้นใจอ่ะ ก็เลยรู้สึกว่าเฮ้ยจริงๆมนุษย์เรามันสามารถพัฒนาไปได้ตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ ดังนั้นหญิงก็เลยเชื่อว่าขนาดสมองเรายังพัฒนาได้ขนาดนี้ แล้วทำไมร่างกายเรา สุขภาพเรา มันจะพัฒนาไปด้วยไม่ได้”

วางแผนไว้กี่ปี ? “จริงๆ 2 ปีแม็กซ์อยู่แล้ว แต่ก็ต้องรอดู หญิงว่ามันจะมายืดตอนที่ทำวิทยานิพนธ์ เพราะว่างาน ด้วยอะไรด้วยอะไรอย่างค่ะ แต่ก็จะพยายามทำให้เต็มที่ค่ะ”

แล้วเราแบ่งเวลาให้สามียังไงบ้าง ? “เรามีกฎให้สามีไปรับ-ไปส่งเราเรียน (หัวเราะ) ก็คือเสาร์-อาทิตย์พี่ตุลย์ต้องไปส่งหญิง หมายถึงว่าเช้าก็ต้องไปส่งก่อน 9 โมง แล้วก็ไปรับ 4 โมงเย็น กลางวันก็จะว่าง เขาก็จะมีพาคุณแม่ไปทานข้าวบ้าง พาลูกๆ เราไปอาบน้ำบ้าง ก็ทำเป็นพ่อบ้านอ่ะ แล้ว 4 โมงเย็นก็มารับเรา แล้วก็ไปกินข้าวกันอะไรอย่างนี้ แต่ว่าวันธรรมดาก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเสาร์อาทิตย์ก็อาจจะไม่ได้มีเวลาให้กันเหมือนเดิม หมายถึงว่าแต่ก่อนอาจจะเป็นช่วงที่เรามีทริปไปวิ่ง เรื่องของการวิ่งก็อาจจะน้อยลงเพราะว่าเรามาเรียนอะไรอย่างนี้ค่ะ สลับกันไป”

ต้องแบ่งเวลายังไงบ้างเพราะบางทีเขาก็ต้องไปวิ่ง แล้วเราต้องมาเรียน ? “ก็ถ้าช่วงไหนที่เขาต้องวิ่ง เราก็ใช้คนขับรถ แต่ส่วนใหญ่เขาวิ่งเสร็จเขาก็จะมาหา แล้วช่วงนี้หญิงมีคอนโดอยู่ในเมือง มันก็จะง่ายขึ้นหน่อย บางที ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หญิงก็จะไปนอนคอนโดเพื่อที่ว่าตื่นเช้ามามันสามารถวิ่งสวนเบญจกิตติ์ได้ ก็จะไปแอคทิวิตี้วิ่งกับเขาหน่อยซักรอบนึง แล้วก็อาบน้ำ กินกาแฟกัน แล้วก็ออกไปเรียน เขาก็มาส่งอะไรอย่างนี้ ก็หาช่วงเวลาอยู่ด้วยกัน แต่ว่าเดี๋ยวจะมีบินไปต่างประเทศ ช่วงเวลาต่างประเทศ“

แล้วลูกล่ะ ? ”เอาเวลาไหนไปมีมีลูก ไม่มีลูกหรอก ก็มีลูกหมานี่แหละ แต่ว่าก็มีทริปที่วางแพลนกันไว้ว่าปิดเทอมแล้วจะไปดูแสงเหนือกัน ก็ต้องวางแผนกันแบบยาวๆ นิดหนึ่งเพราะว่าตอนนี้เราเริ่มเรียนแล้วอะไรอย่างนี้”

โปรเจ็กต์มีลูกหยุดเลย หรือว่ายังไง? “หยุดเลย หมายถึงว่าไม่หยุดทำ แต่ว่าไม่มี”

จำได้ว่าหญิงเคยพูดเรื่องจะแต่งคอสเพลย์ ? “ไม่ สุดท้ายแล้วเอาจริงๆ เรามีปัจจัยเรื่องมดลูกของตัวเองด้วย มันถึงต้องไปเรียน Anti Aging ด้วย เพื่อเราจะได้เข้าใจตัวเราเอง แล้วก็พอเราอายุมากขึ้น เราก็รู้สึกว่ามันอาจจะยากจริงๆ ก็ยังเก็บไข่ไว้นะ หมายถึงว่าที่เราเคยเก็บไข่ไว้ แต่ก็คุยกับทางโรงพยาบาลว่าถ้าถึง 45 แล้วยังไม่มา หรือว่ายังไม่มีความพยายาม ก็คงไม่เก็บแล้ว 45 ก็คงแบบว่าบ๊ายบายน้องไข่อะไรอย่างนี้ค่ะ”

ความคาดหวังของแม่มันกดดันเรามั้ย? “ช่วงแรกแม่ก็กดดันนะ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยแล้ว เขาก็เริ่มรู้สึกก็ปลงล่ะ ช่วงนี้แม่ก็ปลง เพราะเราให้แม่กินน้ำมะพร้าวเยอะ ที่เคยเหวี่ยงวีนพอกินน้ำมะพร้าวปุ๊บอารมณ์ดี รดน้ำต้นไม้ เขาก็เริ่มไม่มากดดันเราแล้ว ช่วงนี้ก็เสิร์ฟน้ำมะพร้าวให้แม่ตลอด”

ถ้าแม่มีคำถามขึ้นมาอีก เราจะมีคำตอบให้เขามั้ย? “ก็จะบอกเขาเสมอแหละว่าปัจจุบันมันก็ไม่ได้ง่ายนะการใช้ชีวิต อย่างหญิงมีหลาน ก๋คือเลี้ยงมาตั้งแต่ 2 เดือนเลยนะคะ ตอนนี้ก็คือจะขึ้น ม.4 แล้ว ดังนั้นเอาจริงๆ หญิงเหมือนมีลูกบุญธรรมแล้ว คือเราก็เสมือนเป็นแม่คนหนึ่งที่มีความรับผิดชอบในเรื่องการดูแลชีวิตคนหนึ่งมาในระยะหนึ่งแล้ว จนเขาจะ ม.ปลายแล้ว เราก็รู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลยนะ แล้วมานั่งคิดภาพตัวเองเป็นแม่คนอ่ะ ก็ยังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง ก็เดี๋ยวเลี้ยงเขาให้โตที่สุด ส่งเสียจนที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ก็คงเป็นความภูมิใจของเรา ก็เลยอาจจะเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ต้องมีก็ได้ เพราะเราก็มีหลานคนนี้แล้วอะไรอย่างนี้”

ในแง่ความรู้ที่เรามี แข็งแรงทั้งคู่ ทำไมถึงมีลูกยาก? “จริงๆ หญิงมีเงื่อนไขเรื่องของเนื้องอกค่ะ แล้วคุณหมอก็บอกว่าถ้ายังปล่อยไว้แล้วมีลูกมันก็จะไปเบียดลูกหรือว่าแย่งอาหาร แล้วตัวเราเองก็ยังไม่พร้อมจะผ่าด้วย ยังมีความเชื่อในหลายเรื่ององค์ความรู้ที่เราเรียนมา ฮอร์โมนก็อยากจะปรับเปลี่ยนด้วยวิธีธรรมชาติแล้วดูผลลัพธ์ของมันก่อน ก็เลยคิดว่าไม่มีดีกว่า เราอาจจะเป็นคนที่เกิดมาแล้วเป็นกะเทยจริงๆ ก็ได้