ภารกิจสำเร็จแล้ว!! สำหรับ โครงการ “รวมหัวใจไปให้สุดแดนใต้” กับการขี่เจ็ทสกีและปั่นจักรยานทางไกลข้าม 12 จังหวัด ระยะทางกว่า 1,300 กม. เพื่อหาทุนช่วยเหลือเด็กน้อยผู้ไร้โอกาส, เด็กน้อยผู้พิการและทุพพลภาพ, เด็กพิเศษ, เด็กที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง และ เด็กที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีดาราและผู้ร่วมโครงการกว่า 100 ชีวิต!! นำทีมเข้าเส้นชัยโดย โย ยศวดี, พิ้งคืกี้ สาวิกา และตุ้ย ธีรภัทร์
สำหรับ โครงการ “รวมหัวใจไปให้สุดแดนใต้” ดำเนินงานโดยสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ร่วมกับมูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์ และบริษัท คนดี ต้องทำดี จำกัด นำทีมโดย เป๊ก – ร้อยโทสัญชัย เองตระกูล โดยเจ้าตัวเผยได้แรงบันดาลใจมากจาก ตูน บอดี้สแลม และ จตุรงค์ มกจ๊ก เลยทำโครงการนี้ขึ้นมา
โดย เป๊ก สัญชัญ เปิดใจมาว่า “วันนี้ (19 สค.) ทีมเจ็ทสกีเราก็ได้ประสบความสำเร็จด้วยการเข้าเส้นชัย แม้จะเหนื่อยล้า แต่ก็ยังโอเคอยู่ ซึ่งในวันนี้ที่ประสบความสำเร็จได้ เพราะก็ได้แรงบันดาลใจต่างๆ และสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเด็กที่อยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้เราได้มีกำลังใจ”
”และเป้าหมายหลักของเรา เอาเงินที่ได้รับบริจาคมาก็นำไปช่วยเหลือเด็กๆ ก็เอาเงินเข้าบัญชีของสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย และสภาสังคมสงเคราะห์ฯ เป็นคนแจกจ่าย”
”แม้วันนี้โครงการใกล้จะประสพความสำเร็จ หากย้อนกลับไปวันแรกสิ่งที่เราตั้งใจไว้ มันได้ครบหมดทุกอย่าง แม้ตัวรายได้มันอาจจะไม่ได้เยอะมากมาย แต่สิ่งอื่นๆ ที่เราได้นั้น คือได้ทั้งมิตรภาพ เรียนรู้จากธรรมชาติ ได้ทำให้คนทั้งประเทศได้เห็นได้ยินชื่อของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากขึ้น และกิจกรรมอันนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้น เราก็จะคอนตินิวต่อๆ ไปเรื่อยๆ ในการทำกิจกรรมนี้ เราก็จะสานต่อไปเรื่อยๆ เพราะครั้งนี้เป็นการสตาร์ทอัพ ที่ทำให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน และลงมาที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเป็นครั้งแรกก็ได้ และเราเองก็ต้องทำต่อไป เพราะถ้าให้รัฐบาลทำเพียงคนเดียว คงไม่ไหว แต่เราเองมีเพื่อนพ้องเป็นดาราก็ช่วยกันกระจายข่าว แต่อาจจะไม่ใช่เร็วๆ นี้เพราะต้องพักร่างกายก่อน สัก 4-5 เดือน เดี๋ยวค่อยว่ากันใหม่”
”อย่างเรามาลงปฏิบัติเอง ขี้เจ็ทสกีเองก็อาจจะมีดำไปบ้าง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ยินดีครับ และพอไปถึงแต่ละทีก็มีคนมารับพวกเรา แต่ด้วยตัวของผมเองเห็นภาพเหล่านี้มานาน ตั้งแต่เรารับราชการคือมันยิ่งทำให้เรา ยิ่งทำให้เป็นแรงบันดาลใจทำให้เกิดกิจกรรมนี้ขึ้น และเราคนเดียวคงทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นไม่ได้หรอก แต่พอมีเพื่อนๆ มาช่วยกัน เป็นแรงฮึดให้ทุกอย่างประสบความสำเร็จอย่างที่เราเห็นในวันนี้”
”แม้วันนี้เงินบริจาคของเราจะได้ 7 ล้านแต่ก็ยังจะมีบริษัทใหญ่ๆ ร่วมกันสมทบทุนอีกหลายแหล่ง และก็ยังจะเปิดรับบริจาคต่อไป เพราะโครงการนี้ จะมีอีกหลายกิจกรรม ก็คงต้องเดินต่อไป ไม่ใช่เพียงเจ็ทสกีจบ ปั่นจักรยานแล้วจบ”
”แค่ให้คนไทยทุกคนได้รู้ ได้ยินก็พอแล้ว จริงๆ แล้วภาคใต้มีอะไรที่พวกเราเองไม่รู้อีกเยอะ มีอาหารอร่อย มีพื้นป่า มีทะเล และขณะที่เราขับเจ็ทสกีที่ออกจากกรุงเทพ จนมาถึงสงขลา และมาถึงนราธิวาส เห็นความเปลี่ยนแปลงของน้ำทะเล เห็นการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ แล้วยิ่งทะเลใน 3 จังหวัดยิ่งไม่มีขยะเลย อาจจะเป็นเพราะไม่มีคนมาท่องเที่ยว หาดทรายริมทะเลยังขาวสะอาดเพราะยังไม่มีคนได้มาเห็น สิ่งเหล่านี้ยังไม่มีคนเคยมาเห็น เราเป็นคนทำโครงการ เราก็ยังไม่ได้ตั้งหวังให้คนมาเที่ยวในทันทีทันใดแค่เขาได้เห็นกับการเอาภาพกลับไปให้เขาได้เห็น เอาชื่อปัตตานี ยะลา นราธิวาสไปให้เขาคุ้นหูมากขึ้น และน่าจะเป็นรุ่นลูกของพวกเรานั่นแหละที่จะได้ลงมาเที่ยว”
”พอคนพูดถึงจังหวัดสามชายแดนภาคใต้ คนก็จะเกิดความกลัวเพราะจากการเสพข่าวต่างๆ คือทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เราจะไปบอกใครไม่ได้หรอกว่ามันไม่ได้น่ากลัว เพราะมันก็ยังมีเหตุการณ์อยู่ ตามที่เราได้เห็นตามข่าว และการที่ผมทำโครงการนี้ขึ้นมาก็อยากทำให้มันเกิดความบันลาน ลดภาพที่ไม่ดีออกไปบ้าง แต่อีกมุมนึงก็อยากจะให้มุกคนได้เห็นภาพสวยๆ ของ 3 จังหวัดบ้าง ซึ่งอาจจะยังไม่มีใครได้เคยนำเสนอ นี่คือวัตถุประสงค์ของโครงการนี้”
”และคนพื้นที่เองเขาก็อยากให้เราลงมาเที่ยว ถ้าสังเกตดูพวกเขาจะต้อนรับพวกเรา เพราะพวกเขาไม่เคยเจอคนแปลกหน้า เขาเวลคัมมาก อีกอย่างอาหารอร่อยมาก และอีกอย่างถ้าภาคใต้กลับมาดีเหมือนเดิม แค่นี้พวกเราก็ดีใจแล้ว”
”เหนื่อยหรือท้อแค่ไหนที่ต้องใช้สองมือเพื่อจะพลิกโฉมหน้าใหม่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เหนื่อยนะ ทั้งการคิดกิจกรรมนี้ขึ้นมา และเพื่อนๆ ทั้งสองทีมก็เกิดอุบัติเหตุที่ค่อนข้างซีเรียสนะ แต่ก็ได้อะไรตอบกลับไปคืนให้กับประเทศชาติได้เยอะ ให้เด็กได้เยอะ เงิน 7-10 ล้านช่วยเหลือเด็กได้เป็นพันๆ คน ที่เขาต้องการสิ่งเล็กๆ น้อยที่ให้เขาได้ดำเนินชีวิตต่อไป”