ดาราสาว แพท ณปภา เผยกังวลลูกชายป่วยไวรัสแต่ไม่ใช่ RSV ซึ่งต้องระวังอยู่ตลอดเวลา หวั่นลูกชัก สำหรับประเด็นเรื่องผิดใจกับคุณแม่สามี สาวแพทแจงแทบจะไม่ได้คุยกันจะผิดใจกันได้ยังไง ส่วนสถานะกับ เบนซ์ เรซซิ่ง บอกรอเคลียร์กันหลังศาลติดสินคดี ว่าจะไปต่อกันแบบครอบครัว หรือจะแค่ทำหน้าที่พ่อกับแม่! โอดทำงานหนักเลี้ยงลูกคนเดียว แถมอีกประมาณปี น้องเรซซิ่ง ก็ต้องเข้าโรงเรียน ซึ่งได้คุยไปแล้วแต่ฝ่ายชายมีฟีดแบคกลับมาน้อย
”เรซซิ่งไม่สบาย เป็นไวรัสแต่ไม่ใช่ RSV จริงๆ น้องป่วยตั้งแต่วันศุกร์ตัวร้อน แล้วคือวันเสาร์ยังไม่ดีขึ้น วันอาทิตย์ก็เลยไปตรวจอีกรอบนึง แต่คือทางคุณหมอไม่ให้แอดมิทเพราะว่าโรงพยาบาลเต็ม เตียงเต็มจะย้ายโรงพยาบาลอีกโรงพยาบาลหนึ่งก็เต็ม ซึ่งอาการทั่วไปตรวจรู้แล้วว่าเป็นไวรัสธรรมดาที่ไม่ใช่ RSV คุณหมอก็เลยไม่อยากให้อยู่โรงพยาบาลเพราะเดี๋ยวจากไวรัสธรรมดาจะกลายเป็นไวรัสที่ติดจากโรงพยาบาล คุณหมอเลยอยากให้เอากลับบ้าน กลับบ้านมาก็ป้อนยาเช็ดตัว ถ้าไม่ดีจริงๆ ค่อยว่ากัน ก่อนจะมางานวันนี้ก็เอาไปโรงพยาบาลอีกคุณหมอก็บอกว่าไม่มีอะไรน่าจะเป็นเด็กเจ็บคอ ซึ่งเด็กๆ พอเจ็บคอ คอแดง จะไม่เหมือนผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ยังมีภูมิคุ้มกันแต่เด็กก็เจ็บคอ คอแดงเขาจะเป็นไข้แล้วพอเราเป็นแม่ได้เช็ดตัวแล้วตัวยังร้อนอยู่เราก็จะกังวลพาไปหาคุณหมอดีกว่า”
”งอแง ก็ไม่ต้องนอนกันไปเลยค่ะ ถามว่าเป็นการคูณที่หนักที่สุดไหมจริงๆ เธอป่วยมาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แต่เรารู้สึกเองว่าครั้งนี้หนักสุดเพราะครั้งแรกจำได้ว่าให้น้ำเกลือวันรุ่งขึ้นก็ออกจากโรงพยาบาลเลย แล้วก็แฮปปี้ แต่อาการครั้งนี้วันนี้น่าจะเข้าวันที่ 4 แล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันที่ดีขึ้นที่สุด คือตั้งแต่เช้ามาเราก็พยายามจับตัว โอเคแฮปปี้ตัวไม่ร้อนแล้ว ซึ่งคุณหมอนัดอีกทีวันพุธมาตรวจอีกครั้งหนึ่ง จากคุณหมอบอกว่าเรซซิ่งเป็นเด็กที่แข็งแรง เพราะยังกินได้ ไม่ถ่ายเหลวมาก เพราะคุณหมอบอกว่าถ้าเด็กที่กินไม่ได้ อันนั้นน่ะจะมีปัญหาแต่เรซซิ่งยังกินได้ถือว่ายังโอเค”
”ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บอกยากจังเลยเพราะว่าโรคมากับฝนมากับอากาศตอนนี้ เพราะอากาศมันไม่โอเคเลยตอนนี้ เราโชคดีที่น้องยังไม่ได้เรียนเด็กส่วนใหญ่ที่เป็นคือเด็กที่ไปโรงเรียน ถามว่าเรากังวลขนาดไหนตอนนี้เรียกว่าโอเคแล้ว แต่ก่อนหน้านี้คือมันบอกไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรแล้วเราพยายามรักษา แล้วสุดท้ายเราก็ไปหาคุณหมอซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะตอนคลำตัวร้อนเราก็กลัวว่าเขาจะชักไหม เพราะเด็กถ้าชักแล้วมันไม่ดีเลย นั่นแหละคือสิ่งที่เรากลัวมากที่สุด”
”เวลาออกงานมาเจอผู้คน ส่วนใหญ่เป็นหมอก็จะให้ดูแล อย่างเช่นถ้าเสร็จแล้วขึ้นรถก็เช็ดไม้เช็ดมือตามประสา อย่างเราเราต้องบอกตรงๆ ว่าเราติดลูกมาก เราชอบที่จะไปไหนกับลูก หรือเราไม่ใช่แบบที่ว่าเป็นแม่ที่ทำงานแล้วทิ้งลูกไว้กับพี่เลี้ยง คุณหมอก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นคุณแพททำใจไปเลยเพราะเท่านี้เรซซิ่งก็ถือว่าแข็งแรงมาก”
”ต้องทำงานด้วยและก็ต้องดูแลลูกด้วย เหมือนตรงที่ว่าเรายังไม่ได้นอนตั้งแต่ 6 โมงเช้า คือเราตื่นทั้งคืนเลยเพราะว่าเขาไม่สบายตัว แล้วเราเองก็ต้องตื่นมาทำรายการสด แล้วทั้งคืนลูกไม่นอนเลย แต่เราก็ต้องสู้ไงเราก็คิดว่าตอนเราเด็กๆ แม่เราคงเหนื่อยมาก คุณย่าแกคงต้องสุดยอด คนหนึ่งป่วยต้องมาป้อนยาเช็ดตัว ลูกดิ้นทีเราก็นอนไม่หลับ เพราะเราไม่รู้ว่าเขาดิ้นหรือเขาชัก”
”ฝากใครดูแลลูก ใจหนึ่งเราก็อยากฝาก แต่ว่าเรารู้สึกว่าการที่เราพาลูกออกมาอย่างแรกเลยเขาได้เห็นอะไรเยอะ เรารู้สึกว่าเขาก็จะได้ไม่กลัวคน เพราะถ้าเราฝากน้องไว้ที่บ้านอีก คือที่บ้านเราเองก็มีคนป่วยอยู่แล้ว 2 คน เราเลยคิดว่าเราเอาออกมา ก็ไม่ได้เหนื่อยมากขึ้นเท่าไหร่”
”ข่าวว่าผิดใจกับแม่เบนซ์ เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยค่ะ ฉะนั้นเรื่องผิดใจกันตัดออกไปก่อน เพราะทุกวันนี้ไม่ได้คุยกันเลย คงได้คุยกันอีกทีน่าจะช่วงที่ต้องคุยกัน คือตอนนี้แพทก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหลังจากที่เราแยกบ้านกัน แพทกลับมาอยู่บ้านแพท ทางแม่ของพี่เบนซ์เขาก็ต้องเตรียมเรื่องของพี่เบนซ์ เมื่อเดือนที่พี่เบนซ์เขาขึ้นศาลถี่มาก เราก็ต้องขึ้นด้วยเราก็เข้าใจแม่เขา เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อเราเลย เขาก็ยอมรับตรงๆ ว่าเขาเหนื่อยกับการเตรียมเอกสารต่างๆ จนมาตอนนี้แทบจะไม่ได้ติดต่อกันเลย เราก็ทำความเข้าใจกับตัวเองว่าแกก็คงวุ่นวายเรื่องของพี่เบนซ์อยู่”
”ส่วนแพทกับพี่เบนซ์เราคุยกันแล้วว่าออกมาคงต้องคุยกันจริงจังว่าจะเอายังไงกับเรื่องลูก เพราะตอนนี้แพทเลี้ยงลูกคนเดียว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดทุกอย่างคือแพทคนเดียว พอเราพูดกับพี่เบนซ์ไปแกก็บอกให้เรารอไปก่อน รอให้ทุกอย่างมันคลี่คลายกว่านี้ก่อน ว่าตัดสินแล้วเป็นไปในรูปแบบไหน แล้วเดี๋ยวเขาจะมาคุยกับเราอีกทีนึง ซึ่งแพทจะไม่ได้คุยกับแม่พี่เบนซ์อยู่แล้ว ต้องให้พี่เบนซ์เป็นคนคุยให้ แต่จุดนี้พี่เบนซ์เขายังไม่คุยให้ เราก็เลยคิดว่าเราไม่พูดดีกว่า เราก็บอกว่าเราเลี้ยงลูกเราไหว ณ ตอนนี้เราก็เลี้ยงมาปีกว่าคนเดียว เราก็เลี้ยงไหว ถ้าต่อไปเราจะต้องเลี้ยงอย่างนี้อีกเราก็ไหว”
”ตอนนี้ยอมรับตรงๆ ว่าห่างเหินกับครอบครัวของพี่เบนซ์ แพทแยกมาตั้งแต่พี่เบนซ์ติดแรกๆ เลย พอแยกแล้วการสื่อสารมันก็น้อยลงทันทีเลย ตอนแรกๆ คุณแม่พี่เบนซ์เขาก็อยากให้เราเอาหลานไปเยี่ยมเขาบ้าง แต่เราเองรู้ว่ามันยาก ไปอยู่ตรงนั้นเราไม่สะดวกกับอะไรหลายอย่าง ทั้งที่อยู่ ลูกเราโตขึ้นลูกเราต้องการใช้พื้นที่เยอะขึ้น แม่เราที่ต้องดูแลเพิ่มมากขึ้น พอเราเริ่มห่างออกมา การติดต่อน้อยลง หลังๆ การติดต่อก็จะเป็นเรื่องของคดีหมดเลย”
”สัมภาษณ์ของแพทช่วงหลังๆ ดูแล้วเหมือนจะไปกันไม่รอด ก็ไม่ใช่แค่ทุกคนหรอกค่ะ ผัวดิฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน คือเราก็พูดกับพี่เบนซ์ตรงๆ เขาก็เข้าใจนะ วันล่าสุดที่แพทไปขึ้นศาลแล้วเจอกัน เราก็บอกเขาเลยว่าพี่เบนซ์รู้ใช่มั้ยว่าแพทเลี้ยงลูกคนเดียวนะ แล้วลูกจะต้องเข้าโรงเรียนแล้วนะ ถึงมันจะอีกปีนึงแต่มันก็ต้องแพลนแล้วนะ เราก็พยายามบอก แต่ถ้าทางนั้นยังเงียบอยู่ เราก็โอเค ไม่เป็นไร”
”เอาเป็นว่าสุดท้ายก็รอเลยแล้วกันว่าจะเอายังไง ถ้าวันนี้ศาลตัดสินแล้วออกมาได้เราสองคนต้องคุยกันแล้วนะว่าเราจะไปต่อกันแบบครอบครัว หรือจะแค่ทำหน้าที่พ่อกับแม่ ถ้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ ถ้าได้ก็ต้องปรับตัวมากๆ เลย เพราะตอนที่พี่เบนซ์ไปน้องอายุ 3 เดือน เขายังไม่รู้เรื่อง แล้วตัวพี่เบนซ์ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรเยอะแยะมากมาย ตอนนี้ลูกขวบหกเดือนแล้ว กว่าเขาจะได้ออก ลูกก็ 2 ขวบแล้ว แพทก็คุยกับเขาตรงๆ ทุกคนก็รู้คนรอบข้างก็รู้ว่าแพทดูแลลูกคนเดียว แพททำงานหนักมาก แพทก็บอกเขาว่าอย่าคาดหวังว่าแพทจะต้องไปเยี่ยมเขาตรงตารางเป๊ะๆ ทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละวัน แพททำไม่ได้ แพทเอางานมาก่อน”
”พออธิบายไป เขาเข้าใจ เขาบอกแพทไม่ต้องมาก็ได้ ถ้าสมมติว่าพี่เลี้ยงว่างก็เอาลูกไปอย่างเดียวก็ได้ เราก็เลยโอเคว่าเขาคงเข้าใจเรา”
”คนมองว่าทิ้งเบนซ์ ไม่เกี่ยวกับทิ้งหรอกค่ะ แพทเชื่อว่าคนที่มีครอบครัวสุดท้ายแล้วไม่มีใครอยากเดินมาถึงจุดที่มันแยกกัน และตอนนี้แพทกับพี่เบนซ์เราก็ยังไม่ได้แยกกัน แค่รอคุยกัน คนจะคิดว่าคนข้างในเขามีความหวังเป็นเรา เราอย่าทิ้งเขา แต่คุณต้องมองคนข้างนอกด้วยว่าคนข้างนอกก็หวังเหมือนกันที่จะมีครอบครัวที่แข็งแรง รวมถึงคาดหวังการดูแล แพทเชื่อว่าต่อให้เขาอยู่ข้างในเขาก็ยังดูแลเราได้ ทีนี้มันก็ต้องลองดูว่าเราสามคนจะคุยกันแบบไหน โอเคเรากลับมาแล้วเราต้องจูงมือกันไปให้ได้นะหรือ เราคุยแล้วมันไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร”
”ทุกวันนี้ถือว่าสตรองพอมั้ย ไม่เลยค่ะ ด้วยความที่เรามีอะไรหลายอย่างให้ทำเยอะมาก ลูกก็ต้องการการดูแลแบบเต็มร้อย งานก็ต้องเต็มร้อย เราเลยแทบจะไม่มีเวลามาคิดเรื่องตรงนั้นว่าทำไมนั่นทำไมนี่ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ให้ก็คือไม่ให้ ติดต่อก็คือติดต่อ ไม่ติดต่อก็คือไม่ติดต่อ ไม่ว่างด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่เป็นไร เตรียมใจกับการเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เพิ่งจะมาเตรียมหลังจากที่เราได้คุยกับพี่เบนซ์ ฟีดแบคมันน้อย พอมันน้อยเราก็ค่อยๆ เตรียมมาเรื่อยๆ” แพท กล่าว