ชีวิตเคยพังเพราะยาเสพติดมาแล้ว สำหรับอดีตตลกหนุ่ม แม็กก้า ชวนชื่น ที่ก่อนหน้านี้เจ้าตัวติดคุกเกือบ 2 ปี เพราะยาเสพติด ทำเอาหนุ่มแม็กก้าเครียดหนักมากจนคิดสั้นฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว ล่าสุด แม็กก้า ชวนชื่น ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มี ธัญญ่า ธัญญาเรศ, หนิง ปณิตา และ เป็กกี้ ศรีธัญยา เป็นพิธีกร
ช่วงหนึ่งของชีวิตถือว่าพีคสุดๆ ไปเลย?
แม็กก้า : ใช่ครับ
แล้วมันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนตกใจตอนที่ดูข่าว มันเกิดอะไรขึ้น?
แม็กก้า : ก็ช่วงนั้นที่มีงานเยอะๆ มันเหมือนหลงระเริง สิ่งที่เราทำไปก็แบบว่าเดี๋ยวเราก็หาใหม่ได้ ช่วงนั้นเหมือนกับว่าไม่ได้คิดถึงอนาคต ไม่ระมัดระวังในการใช้ชีวิต ตอนนั้นอายุประมาณ 20 กว่าๆ
เหมือนเราไปคบกลุ่มเพื่อนที่พาเราไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด?
แม็กก้า : ใช่ครับ มันก็เริ่มจากปาร์ตี้ เหล้า ก็ไหลไปเรื่อยครับ
เหตุการณ์ในวันนั้นเป็นเพราะความประมาท หรือเพราะ?
แม็กก้า : เหตุการณ์ในวันนั้น เอาง่ายๆ ผมไม่โทษใคร โทษตัวผมเอง เพราะตัวผมเลือกที่จะไปทางนั้น
ช่วงเวลาที่เราจิตตก เรากำลังเศร้าในช่วงที่งานเราน้อยทำไมเราถึงหันไปหายาเสพติด?
แม็กก้า : จริงๆ มันไม่ได้หันไปหายาเสพติดแล้ว มันเป็นเพราะว่าเราไปปาร์ตี้บ่อย ต้องทำงานอะไรอย่างนี้ก็หาตัวช่วยประมาณนั้น
แล้วตอนที่เรารอคำตัดสินเห็นว่าเครียดมาก เห็นว่าอยากฆ่าตัวตาย?
แม็กก้า : ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทุกอย่างครึ่งๆ กลางๆ หมด
ในช่วงหนึ่งพี่เฟื่องฟูมาก ทุกที่ งานทุกช่อง ก็จะมีพี่ไปปรากฏ แล้ววันหนึ่งด้วยความหลงระเริง ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด พอเป็นข่าวขึ้นมา ระหว่างที่รอคำตัดสินของศาล คือจุดตรงนี้เลยใช่ไหม?
แม็กก้า : ตรงนี้เลย คือผมประกันออกมาประมาณปีนิดๆ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทรมานมากไม่รู้ว่าจะไปยังไงต่อดี ชีวิตไม่อยากติดคุก คือคิดว่าถ้าเกิดเข้าคุกไปฆ่าตัวตายแน่นอน
เห็นบอกว่ามีการคิดหาวิธีว่าจะตายยังไง?
แม็กก้า : ก็ใช่ครับ มีอยู่วันหนึ่งเครียดมากเลย ไม่อยากอยู่แล้ว ผมคิดเลยว่าจะขับรถไปทางสะพานพระราม 8 เพราะตอนนั้นไม่มีรถแล้ว นั่งรถไปสะพานพระราม 8 แล้ว จะไปโดดน้ำ แต่พอดีนึกได้ว่าว่ายน้ำเป็น
ไม่จริงๆ เพราะจริงๆ แล้วหวงแม่ใช่ไหม?
แม็กก้า : ใช่ครับ คือตอนนั้นนั่งรถไปแล้ว แต่ยังไม่ถึง แต่ระหว่างนั่งรถไปก็เครียด นั่งคิดไปด้วย แล้วหน้าแม่ลอยมา ทำให้คิดว่า เห้ย….ยังมีแม่นิ ยังเหลือแม่ที่คอยหวง คอยอะไรก็กลับ
พอศาลตัดสินทั้งหมดที่ต้องเข้าไปในเรือนจำเป็นเวลาเท่าไหร่?
แม็กก้า : ศาลตัดสิน 1 ปี 10 เดือน 15 วัน ตอนนั้นหูอื้อครับ ไม่คิดเลยว่าจะติด แต่ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียวตอนนั้นเราไม่มีเงินที่จะอุทธรณ์ คือไม่มีตังค์ที่จะสู้ต่อแล้ว ทั้งๆ ที่เรารู้ตัวเราอยู่ว่าเราทำอะไร อย่างผมผิด เพราะว่าผมเสพ ในการที่ข่าวออกมาว่าผมขาย อันนี้ผมอยากจะพูดมากเลยเผื่อคนอื่นเขาไม่รู้ว่าการที่จะจำหน่าย เป็นคนขายเนี่ยต้องมีน้ำหนัก 0.375 ขึ้นไป วันนั้นผมมีอยู่ 1.3 ก็คือมันเกินแน่นอนอยู่แล้ว แล้วเวลาข่าวมาคนไม่รู้เขาก็จะคิดว่าค้ายา แต่จริงๆ มันเกินปริมาณที่กฎหมายเขากำหนดไว้ก็เลยกลายเป็นจำหน่าย
อยากจะให้หลายๆ คนได้ฟัง จะได้รับทราบกันว่าคนเราบางทีมันผิดพลาดกันได้ จะแก้ไขยังไง?
แม็กก้า : อย่างเช่นเข้าไปในเรือนจำ ทุกคนจะต้องถามว่ามันโหดร้ายไหม เชื่อไหมวันแรกหลังจากที่ออกจากศาลมา ผมมองถนนแล้วคิดว่า นี่จะไม่ได้เห็นถนนอีกแล้วหรอ พอผมเข้าไปประตูแรก เอ้า…ถอดๆ ถอดหมดเลย คือการที่จะไปอยู่ในนั้นจะต้องร้องไห้ เสียใจ ต้องมีเวลาสัก 3-4 เดือนกว่าจะทำใจได้ แต่ผมอ่ะ 2 เดือน ผมก็คิดว่ายังไงก็ออกไปไม่ได้จะให้ทำยังไง สัญญาตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะต้องตายในคุก หมายถึงว่าจะอยู่ในคุกจนวันตาย ผมก็เลยทำใจได้
สรุปอยู่ทั้งหมดกี่ปี?
แม็กก้า : อยู่ประมาณ 1 ปี 6 เดือน 15 วัน เพราะได้อภัยโทษด้วย
มุมมองในการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม?
แม็กก้า : ก็เปลี่ยนนะครับ จากเมื่อก่อนคิดว่าเราหวังไว้ แต่พอมันไม่ได้ดั่งหวังเราก็เฟลก็นั่งเครียดอยู่คนเดียว เดี๋ยวนี้ก็คือก้าวไปทีละก้าวไม่เป็นไร คือขอให้ไม่อด
เห็นบอกว่าไม่อยากให้แม่ไปเยี่ยมเลย แต่แม่ไปบ่อยมาก?
แม็กก้า : ไม่อยากให้แม่เห็น กลัวแม่เสียใจ คือถ้าเห็นเขาผมต้องร้องไห้ แล้วเชื่อไหมวันแรกแม่ไม่ได้ไป แล้วอาทิตย์หนึ่งเยี่ยมได้ 3 วัน วันที่ 2 เขาไปโดยที่ผมไม่รู้ ตอนนั้นแม่ก็ร้องไห้ ผมแบบไม่น่า ผมรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอแบบนี้ แล้วเชื่อไหมตั้งแต่วันนั้นจนใกล้ๆ วันปล่อยแม่ผมเป็นคนที่ไปบ่อยที่สุด ไปทุกครั้ง แม่ก็บอกว่า ทนๆ นะลูก คือน้ำตามันออกมาเอง เราคิดว่าไม่เดือดร้อนใคร แต่สุดท้ายแล้วมันเดือดร้อนคนที่เรารัก ผมก็บอกแม่ว่าอยู่ได้ แต่ในใจนอนร้องไห้
วันที่ออกมาต้องมาเผชิญกับคนในสังคม สายตา ความรู้สึก?
แม็กก้า : ผมรู้ว่าตัวผมทำอะไรอยู่ ผมยอมรับ ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ไม่งั้นผมจะยอมติดคุกทำไม แต่การที่ผมโดนตราหน้าเป็นคนขายยามันก็เจ็บตรงนี้จนอยากจะมาอธิบายให้ฟัง
มีอะไรที่หลังจากออกมาแล้วทำให้เรารู้สึกว่าเราต้องอดทน ต้องต่อสู้?
แม็กก้า : มันเรียนรู้ว่าการที่อยู่ข้างในจะกิน จะอาบน้ำ มันเป็นเวลา เหมือนมันมีระเบียบในตัวเอง มีวินัยในตัวเอง
ยุครุ่งเรืองของเรา เรามีระเบียบไหม?
แม็กก้า : ไม่ ไปงานสายไม่เท่าไหร่ ประมาณ 2 ชั่วโมง
หลังจากออกมาก็ได้รับโอกาส?
แม็กก้า : ใช่ครับ ก็ได้เล่นละคร แล้วก็มีพี่พชร์ให้เล่นหนัง พี่กอล์ฟ เบญจพล ก็แบบไอแม็กมึงมาเช้าหรอเนี่ย
รู้สึกดีไหมที่เราออกมาจากคุกแล้วเราได้รับโอกาสที่ดี?
แม็กก้า : รู้สึกครับ เพราะผมมั่นใจว่าผมมีศักยภาพที่จะทำงาน แบบข่าวล่าสุดที่ออกมาว่าผมตกอับวอนของาน ผมไม่ได้รองานในวงการบันเทิงอย่างเดียว แต่งานในวงการเป็นสิ่งที่เรารัก เราอยากจะทำ ถ้าเกิดมีโอกาสเราได้ทำอีก แต่คือใช้ชีวิต ผมไม่ต้องนอนรอมันไม่ใช่
พอเราออกมาปุ๊บเราก็มีงานในวงการบันเทิงทำ แต่มันก็ไม่บูมเหมือนแต่ก่อน?
แม็กก้า : ถูกต้อง แต่ครั้งนี้เริ่มลำบากเหมือนเดิม ความรู้สึกทำไมไม่เป็นไร
ทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง?
แม็กก้า : ตอนนี้ผมคิดว่าวงการบันเทิงไม่ค่อยมี เราก็ต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด ผมก็ทำกางเกงขาย
เห็นว่าพอออกมาจากเรือนจำแล้วลำบากมาก บ้านที่เคยอยู่กับแม่ก็ไม่ได้อยู่ ต้องขนแม่ไปอยู่บ้านพี่เขย แล้วเห็นว่าต้องไปอยู่วัด?
แม็กก้า : ใช่ครับ เหมือนมันมีงานมาผมก็ดีใจ เอาว่ะ นับ 1 ของเราเป็นอย่างที่เราคิดไว้ แต่มันก็มีเหตุการณ์กลับมาเป็นอย่างเก่า งานไม่ได้บูม แต่เราก็ไม่ได้ทุกข์แบบร้องห่มร้องไห้
เรียกได้ว่าทำทุกอย่างที่มันจะได้เงิน?
แม็กก้า : ถูกต้องครับ
เคยมีเงินติดตัวน้อยสุดเท่าไหร่?
แม็กก้า : 20 บาท
มีข่าวว่าพี่อยู่ที่วัด ไปทำอะไรที่วัด?
แม็กก้า : ข่าวที่ว่าผมไปขอข้าววัดกิน ผมตกอับด้วย ผมอยากจะบอกตรงนี้เลยว่า ไม่ใช่ครับ ผมไปบวชเรียน แล้วผมชอบทำบุญตอนเช้า เช่นตักบาตร แล้วทีนี้พอผมบวชต้องเดินบิณฑบาตตอนเช้าเดินตามพระพี่เลี้ยงไป แต่ตอนที่เราเดินบิณฑบาตรเราก็รู้สึกสุขใจ แล้วหลังจากศึกมาก็ตั้งแต่วันนั้นจนถึง 2 ปี ผมเดินตามพระทุกเช้าเลย
ติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.30-14.30 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama