ศิต โมทีฟ โรคซึมเศร้า

ส่องชีวิต ศิต โมทีฟ ดึงสติ! ลุยงานต่อ พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

Home / ข่าวและกิจกรรมดารา / ส่องชีวิต ศิต โมทีฟ ดึงสติ! ลุยงานต่อ พร้อมช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า

จากข่าวคราวก่อนหน้านี้ของ ศิต ประกาศิต นักร้องนำวงร็อกขวัญใจวัยรุ่น โมทีฟ เจ้าของเพลงดัง อกข้างซ้าย ได้หายตัวไป และได้พบตัวภายหลัง ทำให้ได้ทราบว่า ศิต ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ และแฟนคลับทุกคน ทำให้ตอนนี้สามารถดึงสติกลับมาสู้ พร้อมลุยงานอย่างเต็มที่ได้อีกครั้ง

ศิต เผยว่า “ตอนนี้สภาพจิตใจดีขึ้นมาก เพราะด้วยการปรับเปลี่ยนหลายๆ อย่าง เช่น ความคิด การใช้สติ และมุมมองด้านต่างๆ รวมถึงการพักผ่อนอย่างเต็มที่ เมื่อก่อนจะเป็นคนที่ทำงานหนักมาก ช่วงที่ผ่านมา 4 เดือนกว่าเต็มๆ ที่นอนหลับไม่สนิท หลับแค่ชั่วโมงนิดๆ ก็ตื่นแล้ว เพราะในหัวของคนที่เป็นโรคซึมเศร้านี้ มักจะคิดมาก คิดเยอะ และช่วงชีวิตที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตแบบนอนดึกมาเป็น 10 กว่าปีแล้ว มันเลยเหมือนไม่รู้ตัวว่าตัวเองเครียด และพักผ่อนน้อย แล้วยิ่งช่วงหลังๆ มีเรื่องของสถานการณ์โควิดเข้ามาอีก ยิ่งทำให้เครียดมากขึ้นเพราะงานที่น้อยลง เกิดภาวะเครียดถึงขนาดที่ว่าได้ยินเสียงอะไรนิดๆ หน่อยๆ แม้กระทั่งเสียงถอนหายใจของคนอื่นที่เวลาเขาเหนื่อย เรายังเก็บเอามาเครียดได้ ความรู้สึกมันเครียด ไม่อยากได้ยิน เช่นเสียงร้องของเด็กในโรงพยาบาล หรือเสียงอะไรก็แล้วแต่ คือเรารับไม่ได้ แบบต้องอุดหู แล้วเดินออกมาเลย คือมันเป็นขนาดนั้นเลย

สำหรับผม การดูแลเยียวยาตัวเอง ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับจิตใจ 70 -80 % มันอยู่ที่ใจเรา ส่วนเรื่องยามันจะช่วยในเรื่องการปรับฮอร์โมน ซึ่งเราต้องเข้าใจก่อนว่า ฮอร์โมนเรามันผิดปกติ มันเสื่อม เพราะเรานอนไม่เพียงพอ หากเรากินอาหารดี นอนให้พอ ฮอร์โมนตัวนี้มันอาจจะกลับมาเองได้ และที่สำคัญหากเราคลายปมของเราได้ มันก็โอเคขึ้นครับ

สำหรับผลงานปัจจุบันของผม ก็จะเป็นเพลงล่าสุดของค่าย ข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ชื่อเพลง ไม่เหลืออะไรให้ถาม และกำลังจะถ่าย MV อีกเพลงหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เป็นเพลงใหม่ล่าสุดของ โมทีฟ เหมือนกัน นอกจากนี้เรื่องงานอาจจะหลายตัวหน่อย คือทำยูทูปเบอร์ด้วย ทำสติ๊กเกอร์, อู่ซ่อมรถ, เครื่องเสียง และก็ทำรายการเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า เรียกว่ากลับมาลุยงานเต็มที่อีกครั้งครับ

ตอนนี้มีกลุ่มคนที่เป็นโรคซึมเศร้ากันเยอะ ผมเลยทำรายการ เปิดอกคุย ซึ่งทำร่วมกับผู้จัดการของผมเอง เป็นรายการที่แชร์เกี่ยวกับเรื่องโรคซึมเศร้า โรคนี้ผมว่าคล้ายๆ กับโควิดในตอนนี้ตรงที่ว่า บางคนเป็นแล้วอาจไม่รู้ตัวว่าเป็น ซึ่งหลังจากที่ไลฟ์สดไปในเพจ ก็มีคนเข้ามาปรึกษาเยอะ นับได้เป็นครึ่งๆ คือร้อยละ 50 เลย เราอยากทำตรงนี้ เหมือนเป็นการเปิดประเด็นว่า เรากล้าออกมาพูด กล้าออกมาบอกว่าเราเป็น ซึ่งหลังจากที่เรากลับมาปุ๊บคนที่เป็นก็กล้ามาพูดกับเรามากขึ้น เหมือนเราเป็นจุดเริ่มให้เขากล้าพูดกล้าเล่า ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้เขาระบายกับใครไม่ได้ บอกกับใครไม่ได้ เหมือนต้องมีคนที่คอยซัพพอร์ตจิตใจเขา ผมก็เลยทำรายการตรงนี้ขึ้นมา

จริงๆ รูปแบบก็จะคล้ายๆ รายการของ พี่อ้อย-พี่ฉอด ซึ่งพี่ทั้งสองเขาเป็นไอดอลของผม แต่ของผมจะเน้นด้านการให้คำปรึกษาในเรื่องเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าโดยเฉพาะ ซึ่งสิ่งที่จะทำก็จะเป็นรายการเต็มตัวผ่านช่องทางในเพจเฟซบุ๊กของตัวเองก่อน และอาจจะใช้ช่องทางการ โปรโมทของเพื่อนๆ ศิลปินที่พอจะสะดวก ซึ่งเป็นไอดอลของใครหลายๆ คน อัดเป็นคลิปวิดีโอมาเผยแพร่ประมาณนี้ครับ นอกจากนี้ผมจะแบ่งเวลาในการดูแลตัวเองมากขึ้นเช่น การออกกำลังกาย เล่นเวท ปั่นจักรยานบ้าง แต่อาจจะไม่มากเพราะช่วงนี้ออกไปไหนไม่ได้ เป็นช่วงโควิดก็จะทำกิจกรรมในร่ม ภายในบ้าน คือไปตามสถานการณ์ที่โลกเป็นอยู่ในขณะนี้

ล่าสุดผมก็เพิ่งไปปลูกผมมาที่ นามนิน ฟอร์ วี คลินิก เนื่องจากช่วงที่เครียดๆ มีปัญหาเรื่องผมร่วง ผมตรงหน้าผากจะบางๆ ลง บวกกับอายุที่เพิ่มขึ้นด้วย เราทำงานตรงนี้จำเป็นต้องดูแลตัวเองโดยเฉพาะเรื่องเส้นผม ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ส่งเสริมบุคลิกและความมั่นใจของเรา ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำจาก คุณหมอนิน (แพทย์หญิง ดิลกณิกนันต์ นามทองต้น) แพทย์ผู้ชำนาญการด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม โดยคุณหมอใช้เทคนิคการปลูกผม Namnin Exclusive Advance Hair transplant Technique หรือ N / E / A /T ซึ่งเป็นเทคนิคการปลูกผมโดยใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กเพียง 0.6 mm นำเข้าจากประเทศเกาหลี โดยซ่อนแผลด้านหลังโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องต้องโกนผมบริเวณที่จะปลูกผม คือทำเสร็จก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเลย หลังจากปลูกผมถือว่า 60-70% ที่ขึ้นมาแล้วโอเคเลย คุณหมอบอกว่าระยะเวลาประมาณ 1 ปีหลังจากปลูกผม เส้นผมใหม่จะเติบโตสมบูรณ์และแข็งแรงขึ้นเสมือนเส้นผมปกติของเรา รู้สึกดีมาก เพราะว่ามันจะติดตัวเราไปตลอด

ท้ายนี้ขอฝากผลงานให้กับแฟนๆ ติดตามพวกเราศิลปินทั้งค่ายได้ที่ วงโมทีฟ ร็อกแบนด์ หรือ ข้าวสาร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ และขอขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่ส่งมาให้กับพวกเรานะครับ