Robert Downey Jr. โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

ย้อนเส้นทางชีวิตดิ่งลงเหวนับ 10 ปี ที่กว่าจะมาเป็น “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” – Iron Man ที่ทุกคนรัก

Home / Hollywood / ย้อนเส้นทางชีวิตดิ่งลงเหวนับ 10 ปี ที่กว่าจะมาเป็น “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” – Iron Man ที่ทุกคนรัก

 ถ้าใครได้ไปดูหนัง Avengers : Endgame แล้ว จะหลงรักผู้ชายคนนี้มากขึ้น โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) นักแสดงคู่บุญของแฟรนไชส์ Marvel Cinematics Universe มาตลอด 10 ปี ผู้บุกเบิกและปูทางของกลุ่มฮีโร่ชื่อดังของค่าย Marvel ที่สร้างชื่อของเขาให้โด่งดังไปทั่วโลกด้วยการรับบทเป็นมหาเศรษฐีเพลย์บอยที่มีมันสมองเป็นอาวุธอย่าง โทนี สตาร์ก aka Iron Man การแสดงที่ยอดเยี่ยมและเข้าถึงบทบาทของเขาทำให้แฟนหนังฮีโร่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ และรักตัวละครนี้เหมือนกับเขาเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

Iron Man
Iron Man

 

  ถ้าใครเคยดู Iron Man 2 จะมีการตีแผ่ช่วงชีวิตของสตาร์กที่สับสนปนเป ทำตัวเหลวแหลก จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่าซูเปอร์ฮีโร่ที่มีทุกอย่างจะมีช่วงชีวิตที่ผลิกผันขนาดนี้ได้ด้วยเหรอ ความเป็นมนุษย์ที่โรเบิร์ตได้ถ่ายทอดลงไปในตัวละครสตาร์กนั้น ทำให้คนดูสัมผัสถึงความเรียลที่ออกมาจากข้างใน เพราะช่วงชีวิตของเขาเองนั้นก็เคยเกือบกู้คืนมาไม่ได้เช่นกัน

      และถ้าวันนั้นไม่คิดมองย้อนกลับไปถึงตัวเองในอดีตขึ้นมาก่อน คงไม่มี โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ นักแสดงแถวหน้าของฮอลลิวูดอย่างในวันนี้

 

เติบโตในครอบครัวนักแสดงกับพ่อที่ติดยา – จุดเริ่มต้นของเส้นทางร้าวในชีวิต

  โรเบิร์ตเกิดในปี 1965 ที่นิวยอร์ก ในครอบครัวคนบันเทิง พ่อของเขา โรเบิร์ต ดาวนีย์ ซีเนียร์ มีอาชีพเป็นผู้กำกับหนังอินดี้ และเอลซี แอนน์ แม่ที่เป็นนักแสดงจากหนังของพ่อ ทำให้เขาได้ฝึกฝนการแสดงมาตั้งแต่เด็ก แต่ชีวิตวัยเด็กของเขากลับไม่เหมือนคนอื่น ด้วยความที่มีพ่อติดยา โรเบิร์ตในวัย 6 ขวบ ก็เริ่มเรียนรู้และลองเสพกัญชาเป็นครั้งแรก ทำให้เด็กชายโรเบิร์ตในวันนั้นดื่มด่ำกับสารเสพติด โดยไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอย่างใหญ่หลวงในชีวิตผู้ใหญ่ของเขาในวันข้างหน้า “เมื่อผมได้เสพยากับพ่อ มันเหมือนกับว่าพ่อกำลังแสดงความรักกับผม และเป็นทางเดียวที่เขาแสดงมันออกมา

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

  โรเบิร์ตเริ่มต้นอาชีพนักแสดงในวัย 5 ขวบด้วยการเล่นในหนังของพ่อตัวเอง Pound (1970) จากนั้นก็แสดงเป็นตัวประกอบในหนังของพ่อเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุ 10 ขวบ โรเบิร์ตได้มีโอกาสเรียนการแสดงที่ Stagedoor Manor Performing Arts Training Center  

  แต่แล้วพ่อแม่ก็หย่ากันตอนที่เขาอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น ทำให้โรเบิร์ตต้องย้ายตามพ่อไปที่แคลิฟอร์เนีย และออกจากโรงเรียนไฮสคูลเพื่อทำอาชีพนักแสดงอย่างเต็มตัว

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

 

เริ่มต้นอาชีพการแสดง ยากเย็นราวกับเข็นครกขึ้นภูเขา

  โรเบิร์ตเริ่มอาชีพการแสดงอย่างจริงจังด้วยการเล่นละครเวทีแนวมิวสิคเคิลเรื่อง American Passion at the Joyce ในปี 1983 และเริ่มขยับขยายไปเป็นนักแสดงตลกในรายการ Saturday Night Live ในปี 1985 แต่กลับได้รับคำวิจารณ์อย่างหนักหน่วงและถูกนิตยสาร Rolling Stone ตราหน้าว่าเป็นนักแสดงในรายการที่แย่ที่สุด

  แต่ว่าเส้นทางนักแสดงของโรเบิร์ตก็ต้องเดินหน้าต่อไป นักแสดงหนุ่มแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการด้วยการรับบทนำในหนัง Less Than Zero (1987) กับบทเด็กหนุ่มผู้ร่ำรวยแต่ใช้ชีวิตเสเพล ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด แต่แย่หน่อยที่ชีวิตจริงของเขาเหมือนถอดแบบออกมาจากตัวละครไม่มีผิดเพี้ยน แถมยังติดยาหนักขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถหวนกลับมาได้

 Less Than Zero
Less Than Zero

 

  แม้จะเป็นคนขี้ยาแต่ต้องยอมรับว่าฝีมือการแสดงของโรเบิร์ตไม่เป็นสองรองใคร เพราะในปี 1990 เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับ เมล กิบสัน ในภาพยนตร์ Air America โดยไม่รู้ว่าชายคนนี้จะมีบทบาทสำคัญในชีวิตของเขาในอนาคตข้างหน้านี้  และในปี 1992 เขาได้รับเสนอบท แชปลิน ใน Charlie Chaplin ที่ทำให้คนรู้จักชื่อของเขามากขึ้น นักแสดงหนุ่มฝึกฝนการเล่นไวโอลิน ตีเทนนิสด้วยมือซ้าย และฝึกท่าโพสแบบเชปปิน จนได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขา นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม

Charlie Chaplin
Charlie Chaplin

 

  ด้วยฝีมือและได้เชื้อแม่มาแรง ทำให้มีบทหนังดีๆ เสนอเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็น Heart and Souls (1993), Shortcuts (1993), Only You (1994), Natural Born Killers (1994), Restoration (1995), Richard III (1995) เป็นต้น

 

เมื่อดาวสุกสกวาวต้องร่วงหล่นจากฟ้า เพราะยาเสพติด

  จนถึงปี 1996 จุดเริ่มต้นของยุคมืดในชีวิตโรเบิร์ตได้เปิดฉากขึ้น นักแสดงหนุ่มถูกจับกุมเป็นครั้งแรก เพราะครอบครองสารเสพติดจำพวกเฮโรอีน กัญชา และโคเคน และยังพกอาวุธปืนคาลิเบอร์ .357 โดยไม่มีใบอนุญาต แต่พอถูกปล่อยตัวได้เพียงสองอาทิตย์ เพื่อนบ้านก็โทรแจ้งตำรจว่ามีคนบุกรุกที่มาลิบู แต่กลับกลายเป็นโรเบิร์ต ที่เสพยาจนขาดสติ ทำให้เขาถูกทัณฑ์บนและรอลงอาญาอีกสามปี อีกทั้งยังมีหมายเรียกตรวจสารเสพติด แต่กลับไม่ไปตามนัดหมายทำให้เขาถูกจำคุก 6 เดือนที่เรือนจำลอสแองเจลิส

  ต่อมาในปี 1999 โรเบิร์ตเมินเฉยต่อหมายเรียกตรวจสารเสพติดทำให้เขาต้องกลับไปติดคุกอีก และยาวนานถึง 3 ปี ทำเขาต้องเสียโอกาสการทำงานไปอย่างมากมาย ทั้งถูกถอดงาน ทั้งไม่มีใครกล้าเสนอบทให้ แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี โรเบิร์ตก็ได้ถูกประกันตัวด้วยเงินจำนวน 5 พันเหรียญ

  แต่ใช่ว่าเข้าออกคุกจะเข็ดเสียเมื่อไหร่ โรเบิร์ตก็ยังควพังอนาคตตัวเอง ด้วยการเสพยาทุกครั้งที่เขามีโอกาส แม้ว่าตอนนั้นเจ้าตัวจะได้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ Ally McBeal และได้เล่นคู่กับนักแสดงสาว คาลิสต้า ฟลอสฮาร์ต แล้ว แต่ถึงจะติดยาไปด้วยแสดงซีรีส์ไปด้วย ทว่าฤทธิ์ของยาเสพติดไม่อาจลดทอนพรสวรรค์ในด้านการแสดงที่เขามีติดตัวมาได้เลย ทำให้เขามีชื่อเข้าชิงรางวัล Emmy Award สาขา นักแสดงสมทบยอดเยี่ยม จากละครตลก แถมยังชนะรางวัลลูกโลกทองคำ สาขาเดียวกันนี้ นับว่าเป็นรางวัลใหญ่ครั้งแรกของชีวิตการแสดงของนักแสดงหนุ่มคนนี้ก็ว่าได้

Ally McBeal
Ally McBeal

 

  แต่ผ่านวันดีๆ ไปไม่ทันไร ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าปี 2000 โรเบิร์ตถูกจับกุมในห้องพักโรงแรม Merv Griffin’s Hotel and Givenchy Spa ที่แคลิฟอร์เนีย หลังจากบุคคลนิรนามโทรศัพท์ไปแจ้งว่าเขาขาดสติจากการเสพยาและครอบครองเฮโรอีน ทำให้ถูกจำคุกนานถึง 4 ปี 8 เดือน ส่วนซีรีส์  Ally McBeal ที่กำลังทำซีซั่นต่อ ก็ต้องตัดโรเบิร์ตออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากสัญญา 8 ตอน สุดท้ายของเขาสิ้นสุดลง

 

ถึงเวลาเข้าสู่จุดเปลี่ยน พร้อมจับมือเทวดาที่ช่วยดึงขึ้นมาจากหุบเหว

  ข้ามมาที่ปี 2003 ที่เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งของชีวิตโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ตัดสินใจเลิกรากับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เขาได้นั่งทบทวนกับตัวเองถึงช่วงเวลาที่เกิดมรสุมในชีวิตที่ผ่านมา ก่อนจะตัดขาดกับอุปสรรคที่เข้ามาทำลายชีวิตของเขาอย่างยาเสพติดให้หมดสิ้น จนกระทั่ง เมล กิบสัน เพื่อนนักแสดงที่เคยร่วมงานกันในปี 1990 ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือโรเบิร์ตในช่วงเวลาที่ไม่มีใครวางใจเขาอีกต่อไป ด้วยการเซ็นค้ำประกันเพื่อให้โรเบิร์ตได้แสดงหนังเรื่องแรกหลังฟื้นตัวจากหุบเหวอย่าง The Singing Detective กิบสันเทหมดหน้าตักเพื่อช่วยให้เพื่อนเขาคนนี้กับมาโลดแล่นในวงการอีกครั้งด้วยความเชื่อใจ

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์  - เมล กิบสัน
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ – เมล กิบสัน

 

  และในปีเดียวกันนี้โรเบิร์ตยังได้แสดงบทนำใน Gothika ที่มีโปรดิวเซอร์ โจเอล ซิลเวอร์ และกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำให้นักแสดงหนุ่มได้มีโอกาสพบกับรักแท้ ซูซาน เลวิน ที่ในตอนนั้นเป็นผู้ช่วยของโจเอล

  ในปี 2004 โรเบิร์ตได้ให้สัมภาษณ์กับ โอปราห์ วินฟรีย์ ถึงช่วงชีวิตที่ขรุขระของเขาว่า เขาวิ่งเข้าหาความช่วยเหลือ เพราะต้องการบำบัดรักษา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่แก้ปัญหายุ่งยากนี้ด้วยตัวเอง

  การได้กลับมาอีกครั้งโรเบิร์ตไม่เคยลืมความหวังดีของกิบสันแม้แต่น้อย เพราะในงาน 5th American Cinematheque Awards เขาได้เลือกนักแสดงรุ่นใหญ่มาเป็นผู้เชิญรางวัล และใช้เวลานั้นพูดยกย่องให้กับชายผู้ที่ทำให้เขาได้กลับมาลืมตาอ้าปากขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

ฟ้าหลังฝนจนชีวิตสมบูรณ์แบบ

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ - ซูซาน ดาวนีย์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ – ซูซาน ดาวนีย์

 

  หลังจากที่ได้เพื่อนใหม่และแฟนใหม่ มีงานเข้ามาแบบไม่ขาดสาย ชีวิตเริ่มตั้งตัวได้อีกครั้ง โรเบิร์ตเริ่มอยากสร้างชีวิตครอบครัว อยากเป็นคุณพ่อที่ดีแก่ลูกๆ หลังจากหย่าขาดกับอดีตภรรยา เดบอราห์ ฟอลคูเนอร์ ที่แต่งงานกันเมื่อปี 1992 และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนคือ อินดิโอ โดยกระบวนการทางกฎหมายได้เสร็จสิ้นในวันที่ 24 เมษายน 2004

  พอในปี 2005 โรเบิร์ตก็ได้เข้าพิธีวาห์กับ ซูซาน แม้ว่าก่อนหน้านี้โปรดิวเซอร์สาวจะมีความกังวลที่ต้องเดตกับนักแสดงและคิดว่าความสัมพันธ์จะไม่ยั่งยืน แต่ปัจจุบันทั้งคู่ยังรักกันดี และมีลูกด้วยกันสองคน ลูกชายคนแรก เอ็กซ์ตัน เอเลียส เกิดในปี 2012 และลูกสาว เอวรี โรเอล เกิดในปี 2014 และโรเบิร์ต ไม่ลังเลที่จะแสดงความรักแก่ภรรยาต่อหน้าสื่อทุกครั้ง เมื่อพาเธอไปร่วมงานพรมแดงด้วยกัน

   นอกจากนี้ยังมีการเผยอีกว่า ประโยค “รักนะ 3,000 (Love You 3,000)” ที่ปรากฏอยู่ในหนัง Avengers : Endgame ลูกของโรเบิร์ตเป็นคนพูดขึ้นมา ทำให้เขานำไปเสนอกับผู้กำกับ จนกลายเป็นซีนที่เขาพูดกับลูกสาวในหนัง จนกลายเป็นประโยคยอดฮิตและเรียกน้ำตาคนดูมาจนถึงตอนนี้

ซูซาน ดาวนีย์ - โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
ซูซาน ดาวนีย์ – โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

“I AM IRON MAN”

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

  มาถึงยุครุ่งเรืองของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ หลังจากค่อยๆ ไต่ขึ้นมาจากหุบเหวได้สำเร็จ เขาได้รับข้อเสนอให้เล่นเป็นโทนี สตาร์ก หรือ Iron Man ฮีโร่คนแรกที่มาร์เวลวางแผนจะสร้างทีมซูเปอร์ฮีโร่มหากาฬในอนาคตอย่าง The Avengers ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายครั้งแรกในปี 2008 และได้รับควานิยมอย่างถล่มทลาย ทำรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับที่แปดประจำปี 2008 ด้วยเม็ดเงินสูงถึง 585 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 140 ล้านเหรียญ นอกจากนี้โรเบิร์ตยังได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลที่สุดประจำปีของ Time โดยมี เบน สติลเลอร์ เขียนคำนิยมให้

  จากนั้นเขาก็ยังได้ทำหนังเดี่ยวของตัวเองจนถึงภาคที่สาม และได้เป็นหนึ่งในทีม Avengers รุ่นแรก ที่อยู่ในใจของแฟนหนังค่ายมาร์เวลตลอดกาล

 

  จนปัจจุบันนี้ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ก็ได้กลายเป็นนักแสดงขวัญใจคนทุกรุ่น จนแฟนหนังทั่วโลกของเขาอยากตะโกนบอกว่า “LOVE YOU 3,000”

 

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์
โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์

 

cr. biography.com, thefamouspeople.com, drugabuse.com, ranker.com, imdb.com