จากกรณีถูกเจ้าของบ้านออกมาแฉผ่านทางเฟซบุ๊ก พาดพิงไปยังนักแสดงช่องมากสี ว่าค้างค่าเช่า ค่าน้ำ-ค่าไฟ อีกทั้งยังขโมยทีวีไป และทำบ้านเสียหายไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานั้น ล่าสุดทางหนุ่ม เหม ภูมิภาฑิต ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องคดีค่าเช่าบ้านว่ายังอยู่ในขั้นตอนของศาล แจงในส่วนของตนถ้าทำอะไรผิดไปไม่เคยแก้ตัว ถ้าผิดคือผิด แต่เรื่องของการตกลงต้องตกลงให้ชัดเจน แต่ในเมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ต้องคุยกันที่ศาล ในส่วนของตนถ้าทำอะไรผิดก็พร้อมที่จะยอมรับเสมอ แต่ถ้าใครละเมิดสิทธิของตนก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมเปรยมีการนัดคุยกันที่ สน.ประชาชื่น นัดตกลงเรื่องตัวเลขกัน แต่อีกฝ่ายไปแถลงข่าวซะก่อน ซึ่งตนมองว่าความตั้งใจคุยกันไม่มี กลายเป็นว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะทำให้ตนจมลง จึงยังไม่มีการตกลง ทั้งๆ ที่ตนพร้อมที่จะตกลง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายใช้วิธีการนี้ก็เลยไปคุยกันที่ศาล
เผยฟ้องกลับคู่กรณีในข้อหาหมิ่นประมาท เพราะเป็นเรื่องของครอบครัวด้วย ความจริงมี แต่สิ่งที่ไม่จริงทำให้เสียหายมาก รับติดค้างค่าเช่าบ้านจริง ในส่วนของตนผิดตนยอมรับ แต่ในส่วนที่ไม่จริงเช่นเป็นคนตอแ-ล ขโมยทีวีนั้นไม่ใช่ ก็ให้เป็นดุลพินิจของศาล ค่าใช้จ่ายที่อีกฝ่ายเรียกมาประมาณกว่า 5 หมื่นบาท เรื่องทำลายประตูก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้คนเข้าใจผิดว่าตนไม่พอใจอีกฝ่ายแล้วไปทำลายประตู ซึ่งไม่ใช่ เพราะตนได้ทำพังก่อนหน้านั้นและได้แจ้งอีกฝ่ายไปแล้วว่าจะรับใช้ค่าเสียหายส่วนนี้ให้
ส่วนที่ไม่จ่ายค่าเช่าแจงทีแรกตั้งใจจะเช่าไว้ทำบริษัทกับเพื่อนแต่มีปัญหาเคลียร์กันไม่ลงตัว ซึ่งตนเป็นคนรับหน้า เปรยก็อยากที่จะชำระให้ถ้าไม่มีเรื่องนี้ขึ้นมา ต้องเลื่อนเพื่อให้เพื่อนๆ หรือหุ้นส่วนบริษัทรับผิดชอบร่วมกัน ซึ่งตนได้แจ้งอีกฝ่ายตลอด เปรยไม่คิดว่าจะใช้วิธีนี้ เพราะตอนแรกอีกฝ่ายเป็นคนดีมาก ถ้ามีปัญหาอะไรก็คุยกันได้ตลอด ไม่เข้าใจทำไมอีกฝ่ายทำเช่นนี้
แจงมีปัญหาเพราะตัวเลขไม่ตรงกัน คู่กรณีคิดมาให้มาประมาณ 5 หมื่นกว่า แต่ของตน 3 หมื่นกว่า จริงๆ ตนพร้อมจะตกลง ก็เลยนัดกันไปที่สถานีตำรวจ แต่ในเมื่อนัดแล้วอีกฝ่ายไปแถลงข่าวก่อน ลั่นจริงๆ ไม่ได้แคร์ทำอะไรผิดต้องยอมรับ แต่ในเมื่อตนยอมรับแล้วอีกฝ่ายไม่อะลุ่มอล่วย คำขอโทษไม่มี คำพูดดีๆ ไม่มี เพราะฉะนั้นก็เลยปล่อยให้เป็นดุลพินิจของศาล นัด 23 ก.ค.
เปรยที่เรียกไป 1 ล้านบาท ตามความเหมาะสม จะไกล่เกลี่ยอะไรก็ได้ ขอแค่จริงใจที่จะทำ ที่จะยอมรับในสิ่งที่ทำ ทุกคนทำอะไรผิดก็ต้องยอมรับผล ซึ่งตนก็ได้รับผลของตัวเองไปแล้ว เพราะฉะนั้นในส่วนที่อีกฝ่ายละเมิดตนก็ต้องรอดูต่อไปว่าผลจะออกมายังไง คนมองลบไม่ได้แคร์เพราะอย่างที่บอกว่าถ้าตนทำผิดจริง และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ตนก็จะบอกกับทุกคนว่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ตัวอย่างที่ดีก็มี มีเรื่องดีๆ หลายเรื่องที่ตนเคยทำ เปรยถ้าอยากจะมองใครสักคนนึงในด้านลบก็อย่าไปทำตาม หลังจากนั้นมองในด้านดีและควรทำตามและเอาไปปฏิบัติ
เรื่องนี้ถ้าอีกฝ่ายพร้อมที่จะคุยดีๆ ไม่ใช้อารมณ์ตนก็พร้อมเสมอ แจงจริงๆ เรื่องนี้เป็นอารมณ์ของครอบครัวตนด้วยโดยคุณพ่อตนบอกว่าถ้าตนไม่ฟ้องตรงนี้ทางคุณพ่อก็จะฟ้องเอง เพราะอีก 10 ปีข้างหน้าข่าวนี้ก็จะยังอยู่ ลูกชายหรือลูกสาวตนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตไปโรงเรียนเพื่อนๆ ของลูกจะสามารถล้อเรื่องนี้ได้ทั้งๆ ที่ไม่จริงเลย เรื่องจริงเรื่องเดียวเลยคือค้างค่าเช่าบ้าน!! แต่เรื่องอื่นที่อีกฝ่ายพูดออกมามันเกินคำว่าเหตุผล มีคำว่าอารมณ์ ซึ่งคำว่าอารมณ์ตอนแรกเนี่ยตนเข้าใจได้ ไม่โกรธ แล้วตนก็ไม่เคยที่จะพูดกับสื่อว่าตนไม่ผิด ตนยอมรับเสมอว่าในสิ่งที่ทำผิดก็คือผิด แต่ในสิ่งที่อีกฝ่ายละเมิดตนก็ต้องรับผลตรงนั้นเหมือนกัน
