ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ ไมค์ ภัทรเดช

ไมค์ – ปุ๊กลุก ไม่ติดเรียกแฟน! ทำธุรกิจร่วมกันเพื่ออนาคต

Home / Hot Gossip, ข่าวบันเทิง / ไมค์ – ปุ๊กลุก ไม่ติดเรียกแฟน! ทำธุรกิจร่วมกันเพื่ออนาคต

แม้จะยังปากแข็งไม่ยอมใช้คำว่า “แฟน” แต่ก็เป็นอันรู้กันว่าสถานะความสัมพันธ์ของพระเอกหนุ่ม ไมค์ ภัทรเดช และนางเอกสาว ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ เป็นคนพิเศษ นอกจากจะเป็นคนพิเศษแล้วล่าสุดทั้งคู่ยังกลายเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ จูงมือกันมาเปิดตัวธุรกิจใหม่นั่นคือ บองชา คาเฟ่ แบรนด์ชานมไข่มุกที่ลงทุนร่วมกัน

ไมค์ – ปุ๊กลุก พูดเลยว่าทำธุรกิจด้วยกันไม่กลัวมีปัญหา เพราะเราต่างเชื่อใจกัน และรู้จักกันทั้งมุมดีและไม่ดี ส่วนเรื่องสถานะตอนนี้แล้วแต่คนจะเรียก ถ้าจะมองว่าเป็นแฟนก็ไม่ติด เราทั้งคู่คุยกัน มีความรู้สึกที่ดีต่อกันและแฮปปี้กับตอนนี้มากอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้จึงไม่อยากรีบร้อนเรื่องข่าวดีแต่งงาน ขอเวลาทำงานเก็บเงินสร้างอนาคตให้เต็มที่ก่อน

วันนี้ได้ฤกษ์เปิดตัว บองชา คาเฟ่
ไมค์ “เมื่อต้นปีผมทำธุรกิจอีกธุรกิจนึง แล้วมีหุ้นส่วนเป็นคนกัมพูชาด้วย เราเริ่มทำชาพอดี เขาชอบมากอยากเอาไปเปิดที่โน้น เราก็เลยหาชื่อกันจนได้ชื่อว่า บอง แปลว่า พี่ชาย มันพ้องเสียงกับภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่าดี เอามารวมกัน แปลว่า ร้านชาดีๆ ของพี่ไมค์”

ทำไมถึงตัดสินใจทำชาไข่มุก
ไมค์ “มันเริ่มจากความชอบก่อน เราชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่เราเป็นคนที่ดูแลสุขภาพมาก เราก็ไปหาข้อมูลว่าในชานมมีอะไร แล้วก็ได้คุยกับพี่ๆ ที่มีความชอบเดียวกัน ก็เลยเริ่มทำธุรกิจนี้”

อย่างปุ๊กลุกมาร่วมลงขันด้วย หรือว่าไมค์คนเดียว
ปุ๊กลุก “จริงๆ เริ่มจากไมค์เป็นแกนนำก่อน เพราะก่อนหน้านี้เราทำธุรกิจตัวนึงอยู่ที่กัมพูชาอยู่แล้ว ตัวไมค์ริเริ่มทำ ตอนหลังหนูเข้ามาช่วยเลยได้กลายเป็นพาร์ทเนอร์กันค่ะ เราตั้งใจให้ไมค์เป็นพรีเซ็นเตอร์ เหตุผลเพราะว่าเราคิดว่าสาวๆ น่าจะเข้ามากินเพราะเขา”

ปุ๊กลุกเข้ามาดูเรื่องการตลาด
ปุ๊กลุก “ดูรวมๆ ทั้งหมดค่ะ เวลาทำงานหนูค่อนข้างเข้มงวดเลยคอยดู จริงๆ ช่วยประชาสัมพันธ์ด้วย”

ลงทุนเยอะขนาดไหน
ไมค์ “หลายคนก็หลายอยู่ครับ จริงๆ เริ่มจากผมเวลาที่เราประชุม ปุ๊กเขาจะอยู่ด้วยตลอด ปุ๊กเขามีความคิดเห็นที่โอ้โห ถ้ามีความคิดขนาดนี้ก็มาทำด้วยกันเลย ก็เลยมาลงทุนด้วยกันหลายคนในองค์กรเรา”

มีขายแฟรนไชส์ด้วย
ปุ๊กลุก “เราไม่ได้เน้นที่เรื่องการเน้นขายชาไทย แต่เราเน้นขายแฟรนไชส์ เราคิดว่าตลาดชาไข่มุกขยายไปได้อีกเยอะ โดยเฉพาะตลาดต่างจังหวัดที่คนอยากกินชาไข่มุก อย่างหนูลงรูปก็จะมีคนบอกว่า มาเปิดนครสวรรค์นะคะ มาเปิดที่นั่นที่นี่ เราก็คิดว่าคนไทยการที่เขาจะทำอาชีพที่ลงทุนไม่มาก มันสำคัญจริงๆ”

ตอนนี้มีแฟรนไซส์กี่สาขา
ปุ๊กลุก “ตอนนี้เซ็นสัญญาไปแล้วกว่า 10 สาขา”
ไมค์ “เป้าในปีนี้เราวางไว้ 30 สาขา แล้วก็มีความเป็นไปได้สูงด้วย”

ได้ยินว่าเตรียมไปเปิดที่ต่างประเทศ
ปุ๊กลุก “เราตั้งใจที่จะไปเปิดที่กัมพูชาก่อนที่จะมาเปิดในไทย แต่ด้วยความที่เป็นโควิด แฟรนไชส์เราเทรนตัวต่อตัวด้วย เราไม่ได้ส่งสูตรให้ผ่านออนไลน์ เราให้มาเทรนเองเลย”
ไมค์ “จริงๆ กัมพูชาเขาพร้อมแล้ว เขาโทรมาสัปดาห์ละหลายครั้งว่าเมื่อไหร่จะเอาไปทำ แต่เราก็คำนึงถึงเรื่องคุณภาพว่าถ้าเปิดแล้วเราไม่ได้ไปดูเอง ไม่ได้ไปชิมเอง กลัวสูตรไม่เป็นไปตามต้นฉบับเป็น”

ดูแลยากไหม เปิดแฟรนไชส์หลายสาขา
ปุ๊กลุก “ตอนแรกก็เหนื่อย มันหลายๆ อย่าง คือหนูชิมชาจนหนูเลิกกินชาไปเดือนนึง มันเยอะมาก น้ำหนักขึ้น เรากินเยอะมาก แล้วเป็นไข่มุกที่เชื่อมน้ำเชื่อม แล้วเอามาผสมเท่าไหร่เพื่อให้เข้ากับชานม”

คาดหวังกับธุรกิจตัวนี้ไว้อย่างไร
ไมค์ “เราทำธุรกิจก็เหมือนกับเราทำงานในวงการ เราตั้งใจอยู่แล้ว เราก็อยากให้มันสำเร็จ เราก็ลงทั้งทุนที่เป็นเงินและลงทั้งแรงด้วย อยากให้มันสำเร็จครับ”

เรียกว่าธุรกิจตัวนี้ถือว่าเป็นการสร้างอนาคตร่วมกันไหม
ไมค์ “ถ้างานที่ทำร่วมกันไปได้ด้วยดี ผลในอนาคตมันก็น่าจะใกล้ขึ้น”

คู่เราไม่กลัวเหรอว่าคู่รักทำธุรกิจด้วยกันจะมีปัญหา
ปุ๊กลุก “ถ้าตีกันคงตีกันหลายงานแล้ว เพราะลงทุนด้วยกันหลายงานมาก จริงๆ ไม่มีหรอก หนูว่าช่วยๆ กัน เราต่างรู้จักกันทั้งมุมดีและไม่ดี เวลาทำงานเราเป็นตัวกลางในการสื่อสาร ของไมค์ประมาณนี้ ของปุ๊กประมาณนี้”

มันต้องมีความเชื่อใจกัน
ปุ๊กลุก “เชื่อใจค่ะ เราใช้ใจในการทำชาไข่มุก”

ถือว่าเราฝากอนาคตกับคนนี้แล้ว เชื่อว่าคนนี้คือคนในอนาคตของเรา
ไมค์ “อย่างที่บอกเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว เวลาเรามีอะไรก็จะคิดถึงกันเป็นคนแรกๆ เรื่องของงานผมก็ปรึกษาเขา จนมาถึงธุรกิจที่ทำร่วมกันก็ชวนเขามาทำ ไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไหร่ ทำงานด้วยกันโอเคครับ เราสนิทกันมาทำงานด้วยกันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

ถามเรื่องงานแต่งงาน
ปุ๊กลุก “อุ้ย ไปถึงงานแต่งงานเลยเหรอ เขายังไม่เปิดกันเลยนะ (หัวเราะ)”

อยากแต่งงานแล้วไหม
ไมค์ “ทำงานก่อน หาความมั่นคงก่อน”

ต้องเก็บเงินเท่าไหร่ถึงไปขอเขา
ไมค์ “จริงๆ เก็บมานานแล้วล่ะ”

วันนี้เรียกว่าแฟนได้ไหม
ไมค์ “แล้วแต่คนจะเรียกครับ เรียกว่าอะไรก็ได้ แต่ในส่วนตัวของพวกเรา เรามีความรู้สึกที่ดีให้กันมากอยู่แล้ว”

มันชัดเจนมากขึ้นไหมคู่เรา
ปุ๊กลุก “ถ้าถามหนู หลายคนรู้ว่าเราอยู่ในโมเม้นท์ที่ผู้ใหญ่รับรู้ ไม่อยากรีบร้อนจริงๆ เพราะคิดว่างานในวงการบันเทิงของเราสองคนไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่”

เกี่ยวไหมว่าเรากำลังสนุกกับการทำงาน
ปุ๊กลุก “ใช่ค่ะ เรื่องแต่งงานไกลมาก แต่ว่าในพาร์ทของความสัมพันธ์ หนูก็ให้ไมค์ได้ทำงานเต็มที่ เต็มศักยภาพที่ไมค์อยากเป็น”

เห็นบอกว่าอยู่ในขั้นที่ผู้ใหญ่รับรู้ แม่ไมค์ฝากให้ดูแลอะไรบ้าง
ปุ๊กลุก “คุณแม่น่ารักค่ะ คุณแม่เป็นกังวลในตัวไมค์ทุกเรื่อง (หัวเราะ) ก็มีถาม คือไมค์กับคุณแม่จะไม่ค่อยคุย หมายถึงว่าแม่จะไม่ค่อยกล้าถามไมค์ เพราะเขาจะดุกับคุณแม่นิดนึงค่ะ”
ไมค์ “ก็ไม่ขนาดนั้นครับ จริงๆ ผมมีเพื่อนหลายคนที่อยู่ใกล้ผม แต่ว่าคุณแม่เขาจะมีความมั่นใจในตัวปุ๊กลุก เรื่องไหนที่บอกผมไม่ได้ก็บอกปุ๊กลุก แล้วปุ๊กลุกจะมีเหตุผลที่ทำให้ผมรู้สึกว่าก็ได้”

เรียกว่าปุ๊กลุกเอาอยู่
ปุ๊กลุก “หนูว่าเรามีประสบการณ์ในวงการบันเทิงเกี่ยวกับเรื่องความรัก ไม่ใช่ว่าไม่อยากพูดว่าเป็นอะไรกัน แต่อยากมั่นใจในตัวไมค์จริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของนิสัย เพราะนิสัยไมค์ดีจริงๆ แต่หมายถึงเรื่องอนาคตที่เราอยากเห็นและอยากให้เขาเป็น ถึงแม้ว่าวันนึงอาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราลุกขึ้นมาพูดว่าคบกัน แต่ก็คิดว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับเขาตลอดไป”

มองละเอียดขนาดนั้นแสดงว่าคนนี้คือใช่แล้วสำหรับเรา
ปุ๊กลุก “คือหนูคุยกับไมค์คนเดียวค่ะ”
ไมค์ “ผมก็คุยกับเขาคนเดียวแน่นอนครับ”

แบบนี้ต้องเรียกว่าแฟนแล้ว
ปุ๊กลุก “หนูไม่ได้ติดนะคะ แต่ว่าก็อยากให้ไมค์เป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็น”

ครอบครัวของปุ๊กว่ายังไงบ้าง
ปุ๊กลุก “คุณพ่อคุณแม่รู้จักไมค์มานาน และค่อนข้างสนิทกับไมค์”

เขาอยากให้เรามองอนาคตหรือยัง
ปุ๊กลุก “คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงเรื่องอนาคตพอสมควร คุณพ่อคุณแม่บอกว่าอยากให้หาเงินให้เต็มที่ก่อน”

ถ้ามั่นใจเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากัน
ปุ๊กลุก “ค่ะ”

ครบ 30 สาขา ประกาศเลยไหม
ปุ๊กลุก “ขอสัก 1000 สาขาได้มั้ยคะ”

เห็นว่าปุ๊กลุกเครียดที่อินสตาแกรมโดนแฮก
ปุ๊กลุก “ใช่ค่ะ พูดตรงๆ ว่าโกรธมาก ช่วงหลังไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่ทำให้ร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าเราทำอะไรเขาไม่ได้จริงๆ แม้กระทั่งพี่ๆ ตำรวจยังแจ้งว่ายากจริงๆ แต่หนูก็บอกว่าถ้าเกิดต้องใช้เงินมากกว่าที่เขาเรียกหนู สมมติ 1 ล้าน หนูก็จ่ายนะ คือ เขารีดไถหนูเป็นเงินประมาณ 3.5 แสน รู้สึกว่าเขาทำแบบนี้มากี่คนแล้ว ถ้าบางคนเขาไม่มีกำลังที่จะจ่าย คือหนูจ่ายได้ แต่ทำไมเราต้องเอาเงินให้มิจฉาชีพ รู้สึกว่าเขาไม่ควรค่าที่จะได้และมีชีวิตต่อไปเพื่อได้ใช้เงินจากเรา”

สืบแล้วว่าเป็นคนต่างชาติ
ปุ๊กลุก “น่าจะเป็นต่างชาตินะคะ เพราะเบอร์ที่โทรมา และภาษาที่เขาพยายามเปลี่ยนในระบบ”

โชคดีได้อั้ม พัชราภา กับ พก ประธานวงศ์ ช่วย
ปุ๊กลุก “ใช่ค่ะ พอดีว่าพี่อั้มติดต่อไปให้กับทางเฟซบุ๊ก ทางพี่ที่ถือยูสเซอร์หนูอยู่ เขาก็ปลดชื่อคนนี้ออก แล้วให้หนูสมัครอีเมล์ เขาก็ส่งพาสเวิร์ดไปที่อีเมล์ใหม่มาให้”

เขาบอกวิธีป้องกันไม่ให้โดนอีกไหม
ปุ๊กลุก “หนูเองก็คงยุ่งจริงๆ ที่ไม่ได้เห็นข่าวเรื่องการส่งลิงค์ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้เคยโดนเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์การใช้เพลง หนูไปใช้เพลงที่อยู่ในแอพลิเคชั่น เราไม่รู้ว่าเป็นการละเมิด สุดท้ายเราถูกลบรูปนั้นไป ก็คิดว่าเราไปทำอะไรอีกแล้วเหรอ ก็พยายามจะรับผิดชอบ สุดท้ายกลายเป็นว่าเราไปส่งลิงค์กับพาสเวิร์ดให้เขา ขนาดส่งโอทีพี คือ ข่าวก็มี ตำรวจก็ยังบ่นว่าข่าวก็มีนะ แต่หนูคิดว่าเราไปละเมิดเขาจริงๆ แล้วก็อยากรับผิดชอบในส่วนของเรา”

ทำไมเราถึงรักอินสตาแกรมขนาดนั้น
ปุ๊กลุก “ที่เขาเรียกค่าไถ่ไม่ได้จะจ่าย แต่อยากจับตัวคนที่ทำ และคิดว่ามีอีกหลายชีวิตมาก รวมถึงคนที่เขาไม่ได้มีเงินที่จะจ่าย เพราะหลังจากที่ได้อินสตาแกรมคืนมา ก็มีคนติดต่อมาเยอะมากจริงๆ บางคนเป็นร้านค้า ใช้เพื่อประกอบอาชีพ แต่พวกนี้พอขโมยเขาไปแล้วต้องสร้างแอคเค้าท์ใหม่ ซึ่งไม่มีฐานลูกค้าอยู่เลย”

เราไม่ได้รับความเสียหาย
ปุ๊กลุก “มีส่งข้อมูลหนูไปให้หลายแอคเคาท์เลยว่าเขาละเมิดลิขสิทธิ์ ตอนนี้ทางตำรวจก็ขอข้อมูลย้อนหลังทั้งหมดว่าเขาคลิกไปที่อะไรบ้าง คอมเม้นท์อะไรไปบ้างที่ไม่ได้มาจากเรา เพื่อที่จะได้ตามตัวมิจฉาชีพให้เจอ”

ความคืบหน้าเป็นยังไงบ้าง
ปุ๊กลุก “ตอนนี้ตำรวจกำลังดูประวัติการค้นหาในอินสตาแกรมของหนูอยู่ แต่ก็ยังเล่นได้ตามปกติ เราต้องฉลาดในการใช้ชีวิต จริงๆ เขาเรียกว่าโจร 4G ในอนาคตจะเป็นโจร 5G หรือเปล่า คือ ต่อให้เขาจะเช็คอินว่าอยู่ตรุกี แต่บางทีอาจจะอยู่ประเทศอื่นก็ได้ เอาเป็นว่าอย่าให้ไอดีหรือพาสเวิร์ดกับใคร รวมถึงแอพลิเคชั่นตามที่ลิงค์ไอจีกับพาสเวิร์ดไม่ควรเล่นเลย”
ไมค์ “ถ้าเราไปพักตามสถานที่ต่างๆ ก็ไม่ควรใช้ไวไฟ บางคนใช้ไวไฟแล้วไปล็อคอิน อาจจะลืมล็อคเอ้าท์ ซึ่งอันตรายมาก”

ไมค์เองก็โมโหเหมือนกัน
ไมค์ “โมโห คือ ทำไมอาชีพแบบนี้ยังอยู่บนโลกได้ รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมเลย ถ้าเกิดจะเอาเงิน ให้เอาไอจีไปดีกว่า แต่ถ้าเกิดต้องใช้เงินเพื่อเอามันคืนมาอย่างถูกต้อง เราจะทำ”
ปุ๊กลุก “ไม่ได้ เราหวงไอจี (หัวเราะ) คิดว่าถ้าเขาเอาไปก็คือ ไม่เล่นแล้วนะ หนูเล่นมาตั้งแต่ปี 2012 ถ้าโดนขโมยไปแล้วไม่มีใครช่วยเหลือ ก็คือไม่เล่นแล้ว”

ถือว่าโชคดีแค่อาทิตย์เดียว ได้ไอจีกลับคืนมาแล้ว
ปุ๊กลุก “ใช่ค่ะ ก็ขอบคุณทุกๆ คนที่ช่วยเหลือจริงๆ ค่ะ”