ถูกหยิบยกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นกันตลอดกับกรณีฉาวในอดีตของพระเอกหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ กับประเด็นพ่อของลูก แอนนี่ บรู๊ค ซึ่งกระบวนการพิสูจน์ต่างๆ ออกมาชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่พ่อของลูก แต่ช่วงเวลาระหว่างนั้น หนุ่มฟิล์ม ถูกสังคมพิพากษาอย่างหนักจนชีวิตแทบพัง กว่าจะฟื้นฟูสภาพจิตใจและการงานก็ใช้เวลานานเลยทีเดียว ถึงแม้ปัจจุบันเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงไปแล้ว แต่ทุกครั้งที่มีภาพของแม่ลูกคู่นี้ออกสื่อ หลายคนก็จะถามถึงคนเป็นพ่อที่แท้จริงอยู่เสมอและกล่าวถึง หนุ่มฟิล์ม ที่เหมือนเป็นภาพติดตัวไปแล้ว ล่าสุดเกิดเป็นแฮชแท็กในโลกออนไลน์ “#ขอความเป็นธรรมให้ฟิล์มรัฐภูมิ” ซึ่งแฟนคลับสร้างขึ้นเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้กับ หนุ่มฟิล์ม งานนี้เจ้าตัวเปิดใจอีกครั้งในงานบวงสรวงละคร พ่อปลาไหล ทาง ช่อง 8 ที่ตนควบตำแหน่งพระเอกและผู้จัดละคร หนุ่มฟิล์ม ขอบคุณทุกคนที่นึกถึงและส่งกำลังใจให้ วอนอย่ารื้อฟื้นเรื่องในอดีต อยากให้ทุกอย่างจบไปเพราะไม่เป็นผลดีกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะจะส่งผลกระทบกับตัวเด็ก ผู้ใหญ่ก็ได้รับโทษในส่วนของแต่ละคนไปแล้ว ตอนนี้ขอให้ต่างคนต่างมีชีวิตและอนาคตที่ดีต่อไป
“ได้เห็นข่าวแล้วครับ เพราะแชร์กันเยอะมาก ผมมองว่าจริงๆ แล้วความจริงก็คือความจริงครับ เราพูดมาตลอดอยู่แล้ว แต่ ณ ปัจจุบันนี้เหมือนใครเอาขึ้นมาโพสต์ใหม่อีกครั้ง ซึ่งในส่วนตัวผมนั้นได้พูดไปหมดแล้ว ในส่วนของครอบครัวก็ไม่ได้ดีใจหรือตื่นเต้นอะไรมากมายกับข่าว เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าความจริงคืออะไร ในส่วนตัวคือผมเชื่อมั่นในตัวผมเองอยู่แล้วอย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่วันแรก แต่ตอนนี้ผมอยากให้มันอย่าไปกระทบกับใครมากดีกว่า เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นความผิดของผู้ใหญ่ ซึ่งคนที่เขาไม่รู้เรื่องเขาอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย ในส่วนตัวผมถ้าแฟนคลับเขียนมาว่าคิดถึงผม ผมได้อ่านผมก็ดีใจ แต่อย่าไปว่าใครหรือไปกระทบใครเขามากครับ”
“พอแฟนคลับมาขอความเป็นธรรมให้กับเรา ส่วนตัวผม ผมมองที่ต้นเหตุก่อนครับ จริงๆ ทั้งหมดทั้งมวลมันก็เกิดขึ้นที่ตัวผมก่อนเหมือนกัน ผู้ใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกันทั้งนั้น แต่เราไม่อยากไปรื้อฟื้นอะไรมาก ผมเลยไม่ได้ออกมาพูดอะไรมากมายนัก ได้แต่ออกมาขอบคุณที่คิดถึงกัน ขอบคุณที่รักกัน เพราะวันแรกที่ผมได้เข้ามาในวงการบันเทิงก็ได้รับการต้อนรับการเอ็นดูจากพี่ๆ สื่อมวลชนและแฟนคลับทั้งนั้น (สบายใจขึ้นมั้ย?) มันอยู่ที่ตัวเราเองนะครับ ผมพูดเสมอว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เอง แล้ววันนี้มันก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็น แต่ตัวผมเองไม่ได้แสดงอาการว่าดีอกดีใจหรือไปตื่นเต้นอะไรกับข่าวมากนัก เพราะผมมองว่ามันอาจจะไปกระทบกับคนที่ไม่รู้เรื่อง”
“(เหมือนข่าวนี้ยังไม่หลุดพ้นจากตัวเราออกไปเสียที คนก็ยังคงพูดถึงเรื่อยๆ?) มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ให้ความชัดเจนกับสังคมตั้งแต่ตอนแรก สังคมก็จะหยิบขึ้นมาพูดตลอดเวลา แต่ ณ วันนี้ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้น เขาก็ต้องเอาออกมาพูดอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ แต่ในส่วนตัวผมชัดเจนอยู่แล้วตั้งแต่วันแรก อาจจะนานหน่อยแต่ทุกวันนี้เรื่องก็ชัดเจนมากยิ่งขึ้นครับ (พอความชัดเจนออกมาว่าเราไม่ได้เป็นพ่อของน้องจริงๆ จะมีการขอค่าเลี้ยงดูคืนมั้ย?) ไม่ครับ มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว วันนี้ต่างคนต่างมีชีวิตใหม่ ทำตัวให้ดี ทำประโยชน์ให้กับสังคมและทำทุกอย่างให้ดี แก้ไขในสิ่งที่เคยผิดพลาดและคึกคะนองกันมา”
“กับชื่อเสียงที่เคยเสียไปตัวผมเฉยๆ ครับ ทุกวันนี้ผมรู้ตัวว่าผมทำอะไร สิ่งที่มันเกิดขึ้นมามันก็เป็นสิ่งที่เกิดจากการกระทำของผมเหมือนกัน ผมก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นต้นเหตุครับจะไปโทษฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นต้นเหตุด้วยกันทั้งนั้น แต่ ณ วันนี้เรารู้แล้ว เราก็แก้ไขปรับปรุงให้มันดีขึ้น ไม่เป็นไรครับ เริ่มกันใหม่ ทำงานกันใหม่ (แต่เรื่องนี้เหมือนเป็นภาพติดตัวเราไปแล้ว?) ใช่ครับ ผมว่าอยู่ที่คนมอง วันนี้พอข่าวเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้น คนก็มองกันใหม่ได้ แต่ในส่วนตัวผม ผมรู้ดีอยู่แล้วว่าผมทำอะไร และผมรู้ดีอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ แต่วิธีการใช้คำพูดของผมคือผมไม่ทำร้ายใครอยู่แล้ว ผมก็พูดกลางๆ แล้วให้ทุกคนไปคิดกันเอาเองว่าประมาณไหน ผมจะพูดแฝงไว้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลผมไม่อยากให้ไปเล่าเรื่องเก่า เราผ่านกันมานานหลายปีแล้ว ทุกคนต่างมีชีวิตที่ดี”
“อยากให้เรื่องนี้มันจบ ต้องขอบคุณทุกๆ คนเลยที่คิดถึงกัน ขอบคุณมากๆ สำหรับกำลังใจที่ส่งมาให้ แต่จริงๆ แล้วคนที่เขาไม่รู้เรื่องก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร อยากให้เขามีอนาคตที่ดี มีชีวิตที่ดีต่อๆ ไป ไม่อยากให้เขาต้องถูกใครมาว่าหรือมาล้อ แต่ในส่วนของผู้ใหญ่ก็ได้รับโทษในส่วนของแต่ละคนไปแล้ว ก็ไม่เป็นไรครับ (สิ่งที่ฟิล์มพูดมาวันนี้คือห่วงความรู้สึกเด็ก?) ใช่ครับ จริงๆ เรื่องราวของเขาผมก็ไม่ได้ติดตามอะไร แต่พอมีกระแสข่าวขึ้นมาผมก็ตามอ่าน ผมเห็นว่าคนที่ไม่รู้เรื่องแต่ถูกพิพากษาไปด้วยมันดูแล้วน่าสงสาร ไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่ เพราะจริงๆ แล้วมันเกิดจากการกระทำของผู้ใหญ่ทั้งนั้น”
“(ส่วนตัวเราอยากได้รับคำขอโทษกับเหตุการณ์ที่ผ่านมามั้ย?) ผมว่าไม่จำเป็นนะครับ ถ้าจะได้รับมันควรต้องเป็น ณ วันนั้น ณ เหตุการณ์ตอนนั้นที่เราเกิดวิกฤตกันอยู่ แต่ ณ วันนี้ผ่านมาหมดแล้ว ผมก็มีชีวิตของผมแล้ว ครอบครัวผมก็โอเคขึ้นแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลผมไม่เคยโทษคนอื่นนะครับ ผมโทษแต่ตัวผมเองทั้งนั้น มันก็เกิดจากการกระทำของตัวผมเองทั้งนั้นแหละ ถ้าผมไม่เริ่มมันก็คงไม่เกิด เลยโทษแต่ตัวเองครับ ไม่รู้จะโทษคนอื่นทำไม” ฟิล์ม กล่าว