หลังจากที่ดีเอสไอทำการสอบพยาน นายพัฒนพล กุญชร ณ อยุธยา หรือ ดีเจแมน และ น.ส.สุธีวัน ทวีสิน หรือ ใบเตย อาร์สยาม ไปได้สักระยะ ทั้งคู่ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ก่อนที่จะกลับเข้าไปให้ปากคำต่อ
“ดีเจแมน” บอกว่า เบื้องต้นที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่นั้น เป็นการคุยเชิงรุก โดยในวันนี้ตนได้นำข้อเท็จจริงและหลักฐานทางการเงินมาพูดกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้
ตนรู้จักกับกลุ่มฟอเร็กซ์ เริ่มต้นการการคุยเรื่องพระเครื่อง ต่อมามีการถ่ายโฆษณาและการนั่งประชุมถั่งเช่าตามที่เคยให้ข่าวไป จากนั้นอีกฝ่ายได้ซักชวนลงทุนไปกับกลุ่มฟอเร็กซ์ เริ่มต้นจากเงิน 1 แสนบาท และค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งตอนนี้ตนยังถอนทุน 1 ล้านออกมาจากกลุ่มนี้ไม่ได้เหมือนกับทุก ๆ คน แต่ตนก็ได้เงินปันผลกลับมาเกือบจะคืนทุนแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องตนได้มีการติดต่อ CEO ฟอเร็กซ์ ไป แต่ไม่มีการตอบกลับ ตนอยากให้ทุกคนแยกแยะว่าการที่ตนสนิทกับ CEO ฟอเร็กซ์ ไม่ได้แปลว่าตนจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา
ส่วนข้อมูลเชิงลึกกว่านี้ ตนขอคุยกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอก่อน เนื่องจากจะมีผลต่อรูปคดี
และยืนยันว่าสินสอดงานแต่งงานที่หลายคนสงสัยว่าเป็นเงินจากคดีนี้ ตนขอชี้แจงอีกครั้งว่าสินสอดไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ โดยสินสอดเป็นการรวมเงินและทรัพย์สินหลาย ๆ อย่าง ไม่ได้เป็นเงินสด 45 ล้านบาท ซึ่งสามารถตรวจสอบได้
ถึงตนจะเคยเป็นเพื่อน “นายอภิรักษ์ โกฎธิ” เจ้าของบริษัทลงทุน หรือ CEO เจ้าของเครือข่าย FOREX-3D (ฟอเร็กซ์-ทรีดี) แต่วันนี้เพื่อนผิด ตนก็ต้องยืนอยู่ข้างสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือ กฎหมาย
ด้าน “ใบเตย สุธีวัน” สามีเป็นผู้ลงทุนเหมือนกับผู้ร่วมลงทุนคนอื่น ๆ ซึ่งลงทุนมาก่อนที่จะแต่งงานกัน วันนี้ตนเพียงมาให้กำลังใจสามี การที่ดีเจแมนได้ปันผลเกือบคืนทุนแล้ว เพราะได้ลงทุนมานานแล้ว ส่วนผู้เสียหายส่วนใหญ่ที่เพิ่งปรากฎช่วงนี้ เป็นผู้เสียหายในช่วงหลัง ประมาณ 4-5 เดือนนี้
เงินสินสอดงานแต่ง 45 ล้านบาท สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร จากที่ทราบมาก่อนที่ตนจะแต่งงานก็มีผู้เสียหายที่ไม่ได้รับเงินจากฟอเร็กซ์แล้ว เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่ตนและสามีจะได้รับเงิน นอกจากนี้เงินใส่ซองงานแต่งงานที่ตนได้รับจาก “นายอภิรักษ์ โกฎธิ” เจ้าของบริษัทลงทุน หรือ CEO เจ้าของเครือข่าย FOREX-3D (ฟอเร็กซ์-ทรีดี) ก็มีเพียงหลักพันเท่านั้น
สุดท้าย “ใบเตย สุธีวัน” วอนขอสื่อมวลชนให้นำเสนอความจริงและฟังความจากทุกฝ่ายก่อน อย่านำเสนอใส่ความตนและสามี ซึ่งตอนนี้ทางต้นสังกัดกำลังพิจารณาว่าจะฟ้องกลับสื่อที่นำเสนอข่าวทำให้ตนเสียหายหรือไม่