ยังคั่นกู เพราะเรายังคู่กัน ไบร์ท วชิรวิชญ์

ไบร์ท วชิรวิชญ์ ขอโทษมรสุมดราม่า งดตอบเรื่องรัก วอนโฟกัสที่ผลงาน

Home / Hot Gossip, ข่าวบันเทิง / ไบร์ท วชิรวิชญ์ ขอโทษมรสุมดราม่า งดตอบเรื่องรัก วอนโฟกัสที่ผลงาน

เจอกระแสดราม่าถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องปัจจุบันและโดนขุดไปถึงวีรกรรมในอดีต สำหรับนักแสดงหนุ่มสุดฮอต ไบร์ท วชิรวิชญ์ ล่าสุดมีโอกาสเจอ หนุ่มไบร์ท ร่วมงานเปิดตัว idolo Collection 2 เลยได้เปิดใจเคลียร์ทุกดราม่า

ไบร์ท ยอมรับเครียดและเสียใจหนัก ถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ยกมือไหว้ขอโทษอดีตที่เคยผิดพลาด เก็บสิ่งเหล่านั้นเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น และเดินหน้าทำงานที่รักต่อไป โดยมีครอบครัวและแฟนคลับเป็นกำลังใจ พร้อมฝากไว้ว่า “ไม่ต้องรักผมก็ได้ แต่อย่าทำร้ายผมก็พอ” ส่วนเรื่องหัวใจตอนนี้ยังว่างหรือไม่ว่าง ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อยากให้ทุกคนโฟกัสที่ผลงานมากกว่า ขอเก็บความรักไว้เป็นเรื่องส่วนตัว ถ้ามีคนไม่ชอบตนเพราะหัวใจไม่ว่างก็ไม่เป็นไร

ซีรีส์ เพราะเรา(ยัง)คู่กัน Still 2gether ปิดกล้องแล้ว?
“อยากดูมากๆ ครับ ศุกร์หน้าจะได้ดูกันแล้ว บอกได้เลยว่าถ้าซีซั่นที่แล้วที่สนุก ฟิน และจิ้นแล้ว ซีซั่นนี้ผมว่าอีกเลเวลหนึ่งเลย มิติของตัวละครมันเติบโตขึ้น ในเนื้อเรื่องจะพูดถึงความสัมพันธ์หลังจากที่เราคบกันแล้วก็จะมีคาแร็กเตอร์ที่โตขึ้น ถ้าส่วนตัวผม ตัวละครสารวัตรก็จะเป็นเวอร์ชั่นที่ยิ้มแย้มขึ้น นิ่งน้อยลง มีความขี้อ้อนมุ้งมิ้งก็อยากให้ดูจริงๆ”

ความคาดหวังของแฟนๆ ค่อนข้างสูง ถ้าเกิดว่าออกมาไม่ดีเท่าที่เขาคาดหวังเอาไว้ กลัวว่าจะมีกระแสดราม่าออกมาไหม?
“ผมว่าพวกเราทุกคนไม่ว่าจะเป็นตัวผม ทีมงาน นักแสดง และน้องวิน ทุกคนทำเต็มที่มากๆ คิดว่าแฟนๆ น่าจะชอบ เพราะมันสนุก ถามว่าตอนถ่ายทำความกดดันมันมีมั้ย ผมว่ามันเหมือนสนิทกันแล้ว พี่ๆ ในกองรู้จักกันมันก็ไม่ได้เป็นเชิงกดดันมาก ผมว่าบรรยากาศมันดีมากเลยเวลาพวกผมถ่ายกัน ทุกคิวเป็นคิวที่มีความสุขมากที่ได้มาเจอเพื่อน มันเลยไม่ได้ออกไปเป็นแนวทางกดดัน แต่เหมือนว่ามาทำสิ่งที่เราชอบและอยากให้คนได้ดูมากกว่า”

ตัวเราเองคาดหวังแค่ไหน?
“อยากให้สนุกกันแหละ อยากให้ทั้ง 5 ตอนนี้เป็น 5 ตอนที่สารวัตร ไทน์ หรือว่าเพื่อนๆ ทุกคนได้กลับมาให้ได้หายคิดถึง ซึ่งผมว่า 5 ตอนที่เราได้ถ่ายทำกันไปแล้วทำงานตรงนี้ได้แน่นอนครับ”

เห็นบอกว่าในซีซั่นนี้จะจูบกันให้ล้มไปเลย?
“อะไรที่ซีซั่นที่แล้วไม่ได้มีให้ดู ซีซั่นนี้ก็จะมีให้ดูครับ แต่ไม่บอกว่ามีอะไรมาก ถามว่าขายของเยอะมั้ย เอาเป็นว่าอาชีพหลักเป็นนักแสดง อาชีพเสริมเป็นเซลครับ (หัวเราะ)”

คิดว่า 5 ตอนนี้เอาคนดูอยู่แน่นอน?
“เอาคนดูอยู่มั้ยไม่รู้ แต่มีความสุขแน่นอนครับ เป็น 5 ตอนที่ผมพูดได้เลยว่ามีความสุขในทุกสัปดาห์ที่ได้ดูแน่นอน แต่ว่าผมก็ยังไม่มีโอกาสได้ดูตัวอย่าง เพราะว่าเพิ่งถ่ายเสร็จเลย แค่ว่าตอนที่เราอ่านบทก็รู้สึกว่าซีซั่นนี้มันสนุก แฮปปี้ แต่พอไปถ่ายทำจริงสิ่งที่เราได้ถ่ายทอดออกมา สิ่งที่เรารู้สึกตอนเข้าไปอยู่ในซีน มันแฮปปี้ยิ่งกว่าตอนที่เราอ่านเป็นกระดาษอีกครับ เชื่อว่าคนดูต้องรู้สึกไปกับเราแน่ๆ ซีรีส์จะเริ่มออนแอร์วันศุกร์ที่ 14 ส.ค.เป็นตอนแรก เวลา 21.30 น. ทางช่อง GMM25 วันศุกร์จะกลับมามีความสุขเหมือนเดิม ฝากด้วยนะครับ”

ณ วันนี้ใช้ชีวิตยังไงบ้างเพราะว่าความดังแซงหน้าโควิดไปแล้ว?
“เหมือนเดิมครับ ยังทำงานเหมือนเดิม ตอนนี้มันดีตรงที่ว่าผมได้ทำในหลายๆ อย่างที่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นร้องเพลงหรือว่างานอะไรอื่นๆ ที่กำลังจะตามมา ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่สนุกกับงานมากๆ”

รู้สึกว่ามันเหมือนฝัน?
“ยิ่งกว่าฝันอีกครับ ยิ่งกว่าที่เคยฝันไว้เยอะเลยครับ”

ปรับตัวยังไงกับความดังอย่างรวดเร็วที่เข้ามา?
“หลังๆ ผมพยายามจะมีความสุขกับชีวิต รู้สึกว่าทุกวันนี้ชีวิตผมมีความสุขมากขึ้น ได้มีเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ เยอะขึ้น ที่บ้านผมมีความสุขมากขึ้น เรื่องเครียดน้อยลง ผมว่าผมมีความสุขขึ้นเยอะเหมือนกันนะ”

ใช้ชีวิตยากขึ้นไหมหลังจากที่ทุกคนโฟกัสชีวิตเราไม่ว่าจะทำอะไรยังไง?
“ต้องยอมรับว่ามันยากขึ้นแหละ มีอะไรที่เราต้องรับผิดชอบมากขึ้น ด้วยความที่คนที่รู้จักเรามีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ มีหลายเพศหลายวัย เวลาเราทำอะไรก็ต้องรับผิดชอบต่อทุกๆ กลุ่ม แต่มันก็เป็นเรื่องดีเหมือนว่าเราได้เช็กตัวเอง ได้มีฟีดแบ็กว่าทำแบบนี้มันดีมั้ย เราจะได้ทบทวนตัวเองตลอด ผมว่ามันก็ดีนะ เพราะว่าเราก็อยากจะดีขึ้นในทุกๆ วันอยู่แล้วด้วยครับ”

ช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เจอเรื่องราวเยอะๆ ตอนนั้นรู้สึกยังไง?
“มันก็เสียใจ เราก็คิดมาก มีดาวน์บ้าง แต่ว่าสุดท้ายแล้วเราก็รู้สึกว่าเราก็ยังต้องทำตรงนี้ต่อไป เรารักอาชีพนี้อยากอยู่ตรงนี้ก็ต้องทำให้เต็มที่ แล้วมันยังมีคนที่สนับสนุนเรา คนที่รอคอยผลงานดีๆ ของเรา เนี่ยแหละมีความสุขกับชีวิต แล้วผมก็จะทำงานของผมให้ดีและพัฒนาตัวเองต่อไป”

แต่ละเรื่องที่เข้ามาก็ต่อเนื่องตลอด ตั้งรับยังไง?
“จริงๆ ตอนนั้นหนักเหมือนกันครับ กินไม่ค่อยได้ นอนไม่ค่อยหลับ แต่ผมแค่รู้สึกว่าเรารู้ว่าตัวเองวันนี้เป็นยังไง เราจะทำสิ่งดีๆ จะตั้งใจทำงาน ถ้าเราทำต่อไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งคนก็ต้องเห็นว่าผมเป็นคนยังไง วันนี้อยากจะให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วกันครับ”

เคยร้องไห้เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นบ้างไหม?
“ผมไม่ใช่คนร้องไห้ครับ”

ใช้กำลังใจส่วนไหนในการก้าวข้ามมันไป?
“ก็คงเป็นครอบครัวครับ คือจริงๆ ผมไม่ใช่คนที่จะปรึกษาครอบครัวเท่าไหร่ จะไม่ได้บอกว่าแม่เครียด ผมจะไม่ค่อยเล่าครับ เก็บปัญหาและจัดการกับตัวเองมากกว่า แต่ว่าครอบครัวจะเป็นกำลังใจตรงที่ว่างานที่เราทำตรงนี้มันไม่ได้ทำเพื่อเราคนเดียวไง ครอบครัวหรือญาติพี่น้องก็ได้ประโยชน์จากเราในงานตรงนี้ เพราะฉะนั้นเราก็ต้องไปต่อครับ ต้องสู้ต่อ”

เหมือนการทำงานในวงการบันเทิงก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัว?
“จริงๆ ผมทำงานมานานแล้วนะครับ ผมใช้ชีวิตตั้งแต่วัยเด็กมาก็คือมีคนจับตามองมาอยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงมากเท่าไหร่ แค่วันนี้มันอาจจะมีคนมองเยอะขึ้น มีกลุ่มคนรู้จักมากขึ้น มีความรับผิดชอบที่มันมากขึ้นเฉยๆ ครับ”

บางคนยังขุดเรื่องเก่าๆ มาพูด ทั้งๆ ที่ผ่านไปนานมากแล้ว เรารู้สึกยังไง?
“มันก็มีทั้งเรื่องจริงและเรื่องไม่จริงครับ อันไหนที่เป็นเรื่องจริงแล้วเราผิด ผมก็ขอโทษทุกคนเลยที่ผมทำอะไรไม่ดีไว้ตอนเด็ก ทำให้รู้ว่าตอนเด็กไม่ได้เป็นคนที่น่ารักเท่าไหร่ แต่วันนี้อย่างที่บอกครับ ตั้งใจจะเป็นคนที่ดีขึ้น ตั้งใจจะทำประโยชน์ให้คนอื่นมากขึ้นครับ”

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนให้เรายังไงบ้าง?
“อย่างที่บอก ผมว่าคนเราผิดพลาดได้ครับ แต่ผิดแล้วเราต้องจำ เราต้องดูว่าสิ่งนี้มันดีหรือไม่ดี และเราก็นำไปเป็นบทเรียนพัฒนาตัวเองว่า อนาคตฉันจะเป็นยังไง ฉันจะทำยังไงให้มันดีขึ้น”

ช่วงที่เกิดเรื่องดราม่าเยอะๆ แอบมีถามกับตัวเองไหมว่าทำไมเราต้องมาเจอแบบนี้?
“ไม่นะ ผมรู้สึกว่าเขาก็มีสิทธิ์ เราเคยทำผิด เขารู้ เขาไม่โอเค เราก็ต้องรับผิดชอบแหละ แต่ผมไม่สามารถไปแก้ไขอดีตได้ สิ่งที่ผมทำได้คือจะทำพรุ่งนี้ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ”

ยังมีคนเข้าใจเราผิด เราอยากจะบอกอะไรเขาบ้าง?
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องรักผมก็ได้ แต่อย่าทำร้ายผมก็พอครับ”

แฟนคลับคอยช่วยซัพพอร์ตเราแค่ไหน?
“เยอะแยะมากครับ แฟนคลับช่วยเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นข้อความหลายๆ ช่องทางในโซเชียล เวลาเราเห็นก็ทำให้รู้ว่า ยังมีคนซัพพอร์ตเราอยู่ ยังมีคนที่รอคอยผลงานเราอยู่ ยังมีคนที่เรายังเป็นกำลังใจให้เขาอยู่ งานเรามันไม่ได้เพื่อเราคนเดียว เราทำเพื่อใครหลายๆ คน ทำให้รู้สึกว่ายังมีแรงทำต่อ มันได้ทำเพื่อคนอื่นด้วย”

เพราะแฟนคลับด้วยหรือเปล่าที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องทำตัวให้ดีขึ้นกว่านี้?
“ไม่ครับ ไม่ใช่เพราะแฟนคลับหรอก เพราะงานของเรานี่แหละ มันคนเห็นเยอะ ผมแค่รู้สึกว่าผมต้องรับผิดชอบต่อสังคม แต่แฟนคลับเหมือนเป็นแรงใจให้ผมมากกว่า แฟนคลับผมไม่เคยบังคับผมเลยนะครับ จะรักที่ผมเป็นมากกว่า แต่เราก็ต้องรับผิดชอบต่อคนกลุ่มรวมด้วย”

ครอบครัวเราให้กำลังใจอย่างไรบ้าง?
“ไม่ค่อยเลยครับ ผมไม่ค่อยคุยกับที่บ้านเลย คือผมจะเป็นประเภทแบบ ไม่อยากเอาเรื่องเครียดๆ ไปให้คนอื่นที่เขาไม่น่าจะแก้ปัญหาให้ผมได้ ผมจะเป็นแนวแบบโทรไป รักแม่นะ เออแม่รักลูก พอ ผมจะไม่ไปนั่งขอกำลังใจอะไรขนาดนั้นครับ”

ส่วนใหญ่ใครเป็นคนให้กำลังใจเรา?
“ถ้าช่วงที่หนักจริงๆ จะเป็นคุณน้าครับ น้ากิ๊ก น้าผมจะมาอยู่ด้วยแทบทุกวันเลย เป็นคนที่เข้าใจผมที่สุดแล้วครับ”

สถานะหัวใจตอนนี้ว่างอยู่หรือเปล่า?
“ตอนนี้เหรอครับ ก็…อืม จะยังว่างหรือไม่ว่าง ผมว่าไม่ใช่ประเด็น ผมอยากให้คนโฟกัสที่งานผมมากกว่า ถ้าใครจะรู้สึกไม่ชอบผม เพราะว่าผมหัวใจไม่ว่าง ผมก็ยอมรับครับ แต่ก็สำหรับคนที่ยังโฟกัสผลงานอยู่ ไม่โฟกัสในเรื่องอื่นๆ ผมก็ขอบคุณมากๆ ที่ยังรักผม (ยกมือไหว้)”

เรื่องความรัก เราสามารถพูดถึงได้เยอะขึ้นไหม?
“จริงๆ ผมรู้สึกว่าผมโฟกัสกับงานมากกว่า ผมรู้สึกว่าถ้าจะให้ใครจำผมได้ในภาพไหน ผมอยากให้จำผมว่าคือคนที่ตั้งใจทำงาน ผมคือคนที่พัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ชอบผมเพราะว่าผมโสด หรือชอบเพราะผมโสด”

ความมีชื่อเสียง ส่งผลกระทบในเรื่องความรักของเราไหม?
“มีครับ แต่ว่ามียังไง ผมขอเก็บไว้แล้วกัน”