เป็นเรื่องที่ไม่มีใครทราบมาก่อน เมื่อคุณแม่คนสวย เป้ย ปานวาด ออกมาเปิดใจเล่าว่าหลังจากคลอด น้องปาลิน ลูกคนที่ 2 ตนก็ป่วยโรคมาม่าบลู เป็นภาวะอารมณ์เนื่องจากฮอร์โมนของคุณแม่หลังคลอด เหม่อลอย ร้องไห้ตลอด อาการคล้ายโรคซึมเศร้า จนต้องพบจิตแพทย์ทำการรักษาด้วยการทานยา ซึ่งมีโอกาสพัฒนาเป็นโรคซึมเศร้าได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองว่าจะสู้กับโรคได้แค่ไหน สาวเป้ย จะพยายามเข้มแข็ง ไม่คิดมาก หากิจกรรมที่สนุกสนานทำ ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้ว ด้านเพื่อนสาวคนสนิทอย่าง หนิง ปณิตา ออกอาการเป็นห่วง ตั้งแต่สังเกตเห็นพฤติกรรมของเพื่อนเปลี่ยนไป ดีใจที่เพื่อนกล้าออกมาพูด เหมือนได้แชร์และส่งกำลังใจให้คุณแม่อีกหลายคนที่เจอปัญหาเดียวกัน
หนิง “ไม่ใช่โรคซึมเศร้าค่ะ มันเป็นอาการเกี่ยวกับฮอร์โมนของคุณแม่”
เป้ย “มันก็สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ที่มีภาพเป้ยเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเป้ยเคยมีอาการของโรคนี้มาตั้งแต่ท้องแรกแล้ว และมันก็เชื่อมต่อกันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงท้องนี้เป้ยก็ยังเป็นอยู่ แต่ว่าอาการเป้ยดีกว่าท้องแรกนะคะ เนื่องจากพอเป้ยรู้แล้วว่าอาการมันเป็นอย่างไร เป้ยก็จะพยายามทำให้ตัวเองดาวน์ลงน้อยที่สุด หรือเวลาที่เราคิดเรื่องไม่สบายใจ เราก็ต้องเลิกคิดและหากิจกรรมที่มันสนุกสนานทำทันที ยอมรับนะคะว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มมีอาการ เป้ยไม่กล้าบอกคุณหนิง คือจะบอกกับตัวเองตลอดว่าต้องไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น”
หนิง “ขอเสริมนิดนึง ก็คือเวลาที่หนิงไปหาเขาที่บ้าน หนิงจะสังเกตเห็นตลอดเลยว่าท่าทางการนั่งของเขาดูแปลกๆ จนหนิงต้องโทรไปปรึกษากับกระแตว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนเรา หรือเป้ยเขาจะมีอาการของมาม่าบลู เพราะช่วงที่หนิงท้องน้องณิริน หนิงก็เป็นเหมือนกัน ซึ่งอาการของเป้ยที่หนิงเห็นก็คือ เขาจะมีลักษณะเหมือนกับว่า ลอยๆ เอ๋อๆ แต่ตอนแรกหนิงก็ไม่กล้าถามนะคะ แค่รู้สึกได้เฉยๆ ว่าเขาดูเปลี่ยนไป”
เป้ย “เป้ยแค่รู้สึกว่า เป้ยไม่อยากเป็นเด็กขี้แง หรือต้องร้องไห้ตลอดทุกครั้งที่เจอหนิง เพราะเป้ยไม่อยากให้เขาคิดมาก เนื่องจากเขาเป็นคนที่มักจะเป็นห่วงเป้ยตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นเป้ยจึงต้องสู้กับมันให้ได้ เป้ยต้องเข้มแข็ง และเอาจริงๆ นะเป้ยไม่ค่อยอยากให้ใครรับรู้เรื่องราวตรงนี้สักเท่าไหร่ เพราะมันเป็นความอ่อนแอของเป้ย แต่ในอีกแง่หนึ่งเป้ยก็คิดว่าเป้ยสามารถนำเรื่องราวของเป้ยไปแชร์ให้กับคุณแม่ที่ติดตามข่าวของเป้ยได้เช่นกัน เป้ยเชื่อว่ามีคุณแม่อีกไม่น้อยเลยที่ยังต้องเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับโรคนี้ และก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องรับมือกับมันอย่างไร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ”
เป้ย “ก่อนคลอดเป้ยก็ต้องพบกับคุณหมอ ซึ่งคุณหมอของเป้ยก็เป็นจิตแพทย์นี่แหละ โดยวิธีการรักษาคุณหมอเขาก็จะให้ยามาทาน แต่ด้วยความที่เป้ยรู้สึกว่าพอทานแล้วเป้ยจะมีอาการนิ่งๆ เหมือนหุ่นยนต์ เป้ยก็เลยไม่อยากเป็นแบบนั้น ไม่อยากเป็นคุณแม่ที่นิ่งตลอดแม้กระทั่งในเวลาที่เลี้ยงลูก ซึ่งตัวน้องโปรดเองก็ไม่เข้าใจว่าเป้ยเป็นอะไร เป้ยก็เลยคิดว่ายังไงเป้ยก็ต้องสู้กับมันด้วยตัวเองให้ได้ ต้องผ่านมันไปให้ได้ค่ะ ช่วงที่ป่วยไม่มีใครรู้เลยค่ะ ไม่มีใครรู้ว่าเป้ยเป็น จะมีก็แค่สามีเป้ยกับคุณหมอประจำตัวเป้ยเท่านั้นที่รู้ ซึ่งทุกวันนี้เป้ยก็เป็นอยู่ค่ะ แต่อย่างที่บอกอาการมันก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว (ยิ้ม) ยังไงเป้ยก็อยากให้กำลังใจคุณแม่ทุกๆ คนนะคะที่กำลังประสบกับปัญหาเดียวกันกับเป้ยอยู่ เพราะเอาจริงๆ ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกค่ะว่ามันแย่แค่ไหน (โรคนี้สามารถพัฒนาไปเป็นโรคซึมเศร้าได้ไหม?) ได้ค่ะ สามารถพัฒนาได้ แต่ทั้งนี้มันก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่าเราจะสู้กับมันได้หรือเปล่า เพราะโรคไม่มีทางชนะใจเราได้ค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราเท่านั้นเลย”
หนิง “วิธีการดูแลเพื่อนคนนี้ ถ้ามีเวลาว่างก็จะปั่นจักรยานไปหาเขาที่บ้านค่ะ ไปเล่นกับหลานบ้าง ไปคุยกับเขาบ้าง ซึ่งดีใจนะที่เป้ยเขากล้าออกมาพูดเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่เขานำมาแชร์มันสามารถช่วยคุณแม่หลายๆ ท่านได้จริงๆ”